ตร.เปิดไทม์ไลน์ นาทีสังหารหมู่ฆ่ายกครัว 8 ศพ ตั้งแต่ต้นจนจบ

ตร.เปิดไทม์ไลน์ นาทีสังหารหมู่ฆ่ายกครัว 8 ศพ ตั้งแต่ต้นจนจบ

ตร.เปิดไทม์ไลน์ นาทีสังหารหมู่ฆ่ายกครัว 8 ศพ ตั้งแต่ต้นจนจบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจสรุปแผนประกอบการสังหารเหตุการ ฆ่ายกครัว 8 ศพในบ้านผู้ใหญ่วรยุทธ ตั้งแต่เหตุเริ่มเกิดขึ้น กระทั่งโศกนาฏกรรมนาทีสุดท้าย เพื่อโยงเป็นสำนวนเอาผิดคนร้าย

จากการเปิดแผนการก่อเหตุฆ่า 8 ศพ ครอบครัวของ นายวรยุทธ อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมด้วยครอบครัวและญาติ รวม 8 ศพ เจ็บ 3 คน และลูกสาววัย 3 เดือนของผู้ใหญ่บ้านรอดชีวิต ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำแผนประกอบการสังหารเหตุการณ์ ระบุว่าเหตุเริ่มต้นเมื่อเวลา 15.30 น. นายวรยุทธ พร้อมด้วยภรรยาและลูกสาววัย 3 เดือน ได้เดินทางออกจากบ้านไปทำธุระในตัวเมืองกระบี่ มีเด็กหญิง 3 คน อยู่ที่บ้าน

จากนั้นเวลา 16.18 น. กลุ่มคนร้ายที่นำโดย นายซูริก์ฟัต หรือ บังฟัต ได้เดินทางมาที่บ้านโดยใช้รถฟอร์จูนเนอร์สีดำ ทะเบียน กทม. และรถโตโยต้ายาริส สีขาว รวม 7 คน โดยสวมชุดลายพรางแบบทหารพร้อมอาวุธครบมือ และมี 1 คนคือบังฟัต สวมหมวกไอ้โม่ง แต่ไม่พบผู้ใหญ่บ้าน จึงควบคุมตัวเด็กๆ ทั้ง 3 คนไว้ในห้องนอน และแจ้งให้ทราบว่ามีหมายค้นของศาล กลุ่มคนร้ายได้รื้อค้นหาข้าวของภายในบ้าน และพบอาวุธปืนขนาด .38 ของผู้ใหญ่บ้าน และได้รื้อค้นถอดเซฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดภายในบ้านทั้งหมด ไปเก็บไว้ในรถฟอร์จูนเนอร์

ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น. นางอัญชลี พร้อมบุตรสาว 1 คน ได้เดินทางมาที่บ้าน ทางกลุ่มคนร้ายได้แจ้งว่า เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร มาค้นเรื่องยาเสพติด จึงนำตัวทั้ง 2 คน ไปควบคุมตัวไว้ในห้องนอนอีกห้องหนึ่ง และรอผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งยังไม่เดินทางกลับมา

ก่อนที่เวลา 20.30 น. นายวรยุทธ หรือ ผู้ใหญ่บัติ ได้เดินทางกลับมาบ้าน โดยมีภรรยาและลูกสาววัย 3 เดือน และแวะรับบุตรสาวอีกคนมาที่บ้าน โดยใช้รถยนต์ ฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาวเดินทางมายังบ้าน กลุ่มคนร้ายซึ่งแต่งกายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวทั้ง 4 คน โดยให้ภรรยาและลูกๆ ของผู้ใหญ่ไปขังไว้ในห้อง และแยกผู้ใหญ่ออกมาอยู่อีกห้องหนึ่ง โดยได้ใช้ผ้าคลุมศีรษะและใส่กุญแจมือ

โดยในช่วงเวลาดังกล่าว บังฟัตและพวกได้เข้ามาในห้อง พร้อมกับต่อยทำร้าย นายวรยุทธ เพื่อให้รับเรื่องยาเสพติด แต่ นายวรยุทธ ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง บังฟัตจึงถามว่ามีเงิน 400,000 บาทหรือไม่ นายวรยุทธ บอกว่ามีเพียง 6,000 บาท

จากนั้น บังฟัตได้ให้นายคมสรรไปเอาโทรศัพท์ของนายวรยุทธมาให้โทรไปยืมเงินเพื่อนคนหนึ่ง แต่เพื่อนรายดังกล่าวบอกว่ามีเพียง 50,000 บาท จากนั้น นายวรยุทธ จึงมอบบัตรเอทีเอ็ม พร้อมรหัสให้กับบังฟัตเพื่อไปเบิกเงินในวันรุ่งขึ้น บังฟัต จึงมอบบัตรเอทีเอ็ม ให้ นายเลาะ เก็บไว้

กระทั่งต่อมาในเวลา 22.30 น. น.ส.แอนนา พร้อมกับสามี ได้เดินทางมาที่บ้านผู้ใหญ่ จึงถูกกลุ่มคนร้ายควบคุมตัวไว้อีก 2 คน ทำให้มีผู้ถูกคุมตัวไว้ทั้งสิ้น 11 คน ทางกลุ่มคนร้ายซึ่งนำโดย บังฟัต จึงได้นำผู้ใหญ่ออกมาถอดแมมโมรี่การ์ดของรถซีอาร์วีออก และนำเอกสารจำนำรถยนต์ยาริส ซึ่งเป็นชื่อของภรรยาผู้ใหญ่ พร้อมสำเนาบัตรและสำเนารถมาให้เซ็นต์จำนำในวงเงิน 200,000 บาท จากนั้นได้ให้ นายคมสรรค์ เก็บไว้ แล้วนำผู้ใหญ่กลับเข้ามาที่ห้องอีกครั้ง

จนถึงเวลา 23.45 นายสุทธิพงษ์ สามีของนางอัญชลี ได้เดินทางมาที่บ้าน เพื่อตามภรรยาและลูกๆ กลับบ้าน แต่ก็ถูกคนร้ายจับไปขังไว้ในห้องอีกคน ทำให้มีผู้ถูกคุมตัวเอาไปรวมเป็น 12 คนแล้ว

ขณะเดียวกัน ระหว่างที่คุมตัวผู้ใหญ่อยู่ภายในห้องและเซ็นต์เอกสารต่างๆ แล้ว บังฟัต ก็ได้นำผู้ใหญ่บ้านออกมาด้านนอกอีกครั้ง พร้อมทั้งบอกว่าต้องการเงิน 400,000 บาท แต่หลุดคำพูดเป็นภาษาถิ่นใต้ ซึ่งทางผู้ใหญ่ได้พูดขึ้นว่า "โทริเหรอ?" ซึ่งคำว่า โทริ คือชื่อเล่นของบังฟัตที่คนในหมู่บ้านเรียกกัน บังฟัต จึงเปิดหมวกให้ดูและปิดไว้เช่นเดิม
จากนั้นได้นำผู้ใหญ่ไปรื้อค้นในกระเป๋าของภรรยาผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่มีทรัพย์สิน จึงนำผู้ใหญ่กลับมาที่ห้องอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงเวลาดังกล่าวทางบังฟัตได้ต่อยท้องของผู้ใหญ่บัติหลายครั้ง เพื่อให้นำเงินมาให้ จนทำให้ผู้ใหญ่บัติโมโห ได้ พูดออกมาว่า "อย่าให้กูหลุดไปได้ กูจะฆ่าทิ้งทั้งครอบครัว" ทำให้บังฟัตคิดว่าต้องฆ่าทิ้งทั้งครอบครัว เพื่อไม่ให้มาตามล้างแค้นอีก

ประกอบกับ ผู้คนคนในบ้านเห็นใบหน้าทั้งหมดแล้ว จึงได้วางแผนฆ่าทีละคน โดยบังฟัตลงมือยิงทุกคน ยกเว้นผู้ใหญ่บัติที่มอบหมายให้นายกี้เป็นคนลงมือยิง และทิ้งปืนของผู้ใหญ่เอาไว้ข้างมือผู้ใหญ่ จัดฉากเสมือนว่าผู้ใหญ่เป็นคนยิงคนในครอบครัว เนื่องจากมีปัญหาทางด้านการเงิน

แต่ทั้งหมดก็ผิดแผนไป เนื่องจากมีผู้รอดชีวิต คือ นางอัญชลี และ บุตรสาว ที่ให้การว่าจำคนร้ายในกลุ่มนี้ได้ และเมื่อมีการไล่เรียงเหตุการณ์และปมสังหารต่างๆ จึงมาสิ้นสุดที่ปมการจำนองที่ดินที่ผู้ใหญ่ นำที่ดินของพ่อตาแม่ยาย 2 แปลงไปจำนองไว้กับบังฟัตเมื่อหลายปีก่อน

แต่เมื่อผ่อนหมดแล้ว บังฟัตกลับไม่สามารถนำเอกสารโฉนดที่ดินมาคืนได้ เนื่องจากนำไปจำนองกับธนาคารไว้ และเมื่อผู้ใหญ่ทวงถามหลายครั้งและถูกผู้ใหญ่ขู่ฆ่า ทำให้บังฟัตต้องหนีไปอยู่ต่างจังหวัด เก็บเงินจากการปล่อยกู้ไม่ได้ ธนาคารจะมายึดที่ดินที่นำมาจำนองไว้ในลักษณะดังกล่าวอีกหลายแปลง จึงได้วางแผนเพื่ออุ้มฆ่าผู้ใหญ่บ้าน แต่มีคนในบ้านจำนวนมาก จนนำมาสู่การสังหารหมู่ดังกล่าว

ส่วนแนวทางการติดตามตัวคนร้ายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้รับการยืนยันจากพยานที่รอดชีวิตว่าจำหน้าได้ 2 คน คือ นายคมสรรค์ และ นายธวัชชัย จึงนำมาสู่การติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่เหลือในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั้ง จ.ภูเก็ต จ.พังงา จ.นครศรีธรรมราช และ จ.ระนอง

แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่เป็นที่สงสัยคือ "อาเจ๊ะ" ซึ่งได้รับการยืนยันจากนายตำรวจว่า เป็นผู้ให้เงินบังฟัตมาปล่อยกู้ ระยะหลังไม่สามารถตามเก็บเงินคืนได้ และน่าจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังสั่งให้บังฟัต และพวกมาทำทีทวงเงินผู้ใหญ่บ้านเพื่อสังหาร ซึ่งเมื่อแผนการสำเร็จ บังฟัตก็จะได้กลับมาอยู่ในพื้นที่และตามเก็บเงินที่ยังค้างคาอยู่คืนมา โดยรวมมีเงินจำนวนนับสิบล้านบาท และคนที่จะได้ประโยชน์จากกรณีนี้ มีทั้งบังฟัตและนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังนั่นเอง

42521

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook