นายกฯ โต้อายัด 12 บัญชี “ยิ่งลักษณ์” ไม่ใช่ชี้นำเป็นขั้นตอนปกติ

นายกฯ โต้อายัด 12 บัญชี “ยิ่งลักษณ์” ไม่ใช่ชี้นำเป็นขั้นตอนปกติ

นายกฯ โต้อายัด 12 บัญชี “ยิ่งลักษณ์” ไม่ใช่ชี้นำเป็นขั้นตอนปกติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่รัฐบาลไม่อาจปล่อยผ่านได้ เมื่อถูกอดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวหาว่า ชี้นำคดีละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ล่าสุดนายกรัฐมนตรีออกมาตอบโต้เรื่องนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า คำสั่งอายัด 12 บัญชีเงินฝากของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นไปตามขั้นตอนและวิธีปฏิบัติทางราชการต่อนักการเมืองที่ถูกดำเนินคดีลักษณะนี้ ไม่ใช่การชี้นำคำตัดสินของศาลอย่างที่นางสาวยิ่งลักษณ์พยายามสื่อสาร

ส่วนสถานะของทรัพย์สินในบัญชีของนางสาวยิ่งลักษณ์เวลานี้ ยังไม่ใช่การถูกยึด เป็นเพียงการอายัดเพื่อเตรียมการหากศาลมีคำตัดสินออกมาว่า อดีตนายกรัฐมนตรีผิดตามข้อกล่าวหา และหากไม่ทำเช่นนี้ ข้าราชการที่รับผิดชอบก็อาจมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

เบื้องต้นนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้สั่งการให้กรมบังคับคดี ชี้แจงขั้นตอนให้ประชาชนเข้าใจตรงกัน พร้อมกับแนะนำกระทรวงการคลังไปแล้วว่า หากยังไม่ถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสมของเรื่องไหน ก็ยังไม่ควรพูดถึง อย่างเช่นนี้เรื่องนี้จะถูกกล่าวหาได้ว่าเป็นการรังแก น.ส.ยิ่งลักษณ์

สอดคล้องกับนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำงานตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวในฐานะฝ่ายค้านมาตั้งแต่ต้น วันนี้ออกมาโพสต์ติติงน.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างรุนแรง โดยระบุว่า การออกมาโพสต์เฟซบุ๊กกล่าวโทษรัฐบาลว่ามีความพยายามชี้นำศาล เป็นการแสดงออกถึงสภาพการต่อสู้แบบไม่มีสติ เสมือนเป็นคนป่วยระยะสุดท้ายในห้องไอซียู เพราะในข้อเท็จจริง น.ส.ยิ่งลักษณ์รู้ตัวว่า นี่คือการใช้อำนาจทางปกครองของรัฐ

ขณะที่เมื่อวานนี้ น.พ.วรงค์ ก็ได้เปิดเผยเอกสารของกรมการค้าภายในเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2557 ส่งถึงองค์การตลาดเพื่อการเกษตร โดยมีเนื้อหาส่วนหนึ่งระบุชัดเจนว่า การเปิดคลังเก็บข้าวในโครงการรับจำนำ สามารถเปิดเพื่อรมยมตามกรอบเวลาที่เหมาะสม เพื่อตอบโต้ข้อมูลของนายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาแฉข้อมูลของอดีตราชการ พยานในคดีรับจำข้าวคนหนึ่งของฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งระบุว่า หลังรัฐประหาร รัฐบาลสั่งห้ามเปิดโกดังข้าวรมยา เป็นเหตุให้ข้าวเสื่อมสภาพ

ทั้งนี้ อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ที่วันนี้นายกรัฐมนตรีระบุว่า หากใครพูดข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเพื่อปลุดระดม ทำให้กระทบต่อความสงบเรียบร้อย ก็อาจเจอข้อหาประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และความผิดตามกฎหมายคอมพิวเตอร์

ส่วนการเตรียมแผนรับมือการปลุกรมดมมวลชนเคลื่อนไหวในหัวเลี้ยวหัวต่อของคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร บริเวณศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เตรียมใช้แผนกรกฎ 52 ในการควบคุมดูแลมวลชนที่มาให้กำลังใจนางสาวยิ่งลักษณ์

โดยรอให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลประเมินการใช้กำลัง และพบการเคลื่อนไหวของแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ในเขตกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ยุยง ปลุกปั่น หรือไม่

ส่วนกรณีที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "แปรเปลี่ยนกำลังใจเป็นพลัง" ได้สั่งการให้กองบัญชาการสอบสวนกลางหาข้อมูล หากพบเป็นการยุยง ปลุกปั่น ก็มีความผิดเช่นกัน และยอมรับกังวลใจเรื่องมือที่ 3 ที่อาจก่อความวุ่นวาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook