โบวี่ อัฐมา ชวดเงินเป็นล้าน!! เพราะเบรกเซ็กซี่ งดรับงานผิดศีลห้า

 

ยอมรับว่าด้วยวุฒิภาวะบวกกับการเข้าวัดปฏิบัติธรรมบ่อยๆ จึงทำให้ความคิดของสาว "โบวี่ อัฐมา" ต้องเปลี่ยนไป โดยสลัดลุคสาวสุดเซ็กซี่แต่งตัวหวือหวา มากลายเป็นสาวเรียบร้อย เบรกรับงานที่ผิดศีลห้า หรือต้องโชว์เรือนร่างเยอะๆ

ซึ่งงานนี้ โบวี่ อัฐมา ได้ออกมาเปิดใจให้ฟังว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับการห้ามของหวานใจหนุ่ม "โอม อิทธิศักดิ์" แต่ที่เปลี่ยนทุกอย่างเพราะเป็นคนอยากทำเอง พร้อมยอมรับชวดเงินหลักล้านกับการเบรกรับงานเซ็กซี่

ยิ่งเจอยิ่งแต่งตัวมิดชิดขึ้นเรื่อยๆ ?
"นั่นนะสิ มันเป็นไปตามวัยด้วย แล้วก็เป็นไปตามใจด้วยค่ะ อันนี้ไม่ได้กระแดะเลยนะมันเป็นความสัตย์จริง พอยิ่งปฎิบัติธรรมไปเรื่อยๆ มันก็จะเริ่มมีความเรียบร้อยมากขึ้น แต่ว่าบางทีถ่ายละครชุดมันเปรี้ยวเราก็ต้องใส่ไปตามบทบาท หรืออีเว้นท์บางงานที่เขาต้องการให้เราใส่ที่เขาเตรียมไว้ให้ ก็ใส่ได้ แต่ถ้าให้เราเลือกเองมันก็จะชุดที่เรียบร้อยขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ"

ชุดเก่าๆ ในตู้นี่โละเลยไหม ?
"ว่าจะขายแล้วค่ะ จะเอาไปขายมือสองเลย เพราะว่าเดี๋ยวจะย้ายบ้านแล้วด้วย ก็คิดว่าคงโละเกินครึ่งห้องค่ะ แล้วก็ต้องซื้อชุดใหม่ๆ เยอะมาก หลังๆ จะชอบใส่แต่สีขาวๆ พอดีงานนี้เขาขอให้ใส่สีดำ มันเปลี่ยนไปเองไม่รู้ว่าเป็นเพราะแก่หรือเพราะการปฏิบัติธรรมกันแน่"

แฟนแฮปปี้เลยไหมเราแต่งตัวเรียบร้อย ?
"นางไม่ได้ว่าอะไร ตั้งแต่ที่เซ็กซี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร นางก็รู้ว่าเป็นเรื่องของงาน แฟนไม่ได้ห้ามค่ะจะแต่งตัวอะไร มันอยู่ที่ใจเราเนี่ยแหละ"

เปลี่ยนมานานหรือยัง ?
"มันค่อยๆ เปลี่ยนไปเองเรื่อยๆ อ่ะ พอปฏิบัติมากขึ้นมันก็เปลี่ยนไปเอง พอโชว์นิดหนึ่งก็จะรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมหรือเปล่ามันโป๊หรือเปล่า "

มีถึงขนาดไปงานแล้วรู้สึกไม่ไหวไม่อยากใส่ชุดนี้ไหม ?
"โบปฏิเสธงานไปเยอะมาก คือพูดเลยว่าผู้จัดการก็แอบมีความนอยด์ๆ อยู่เหมือนกันว่าที่ผ่านมาช่วงหลังๆ โบปฏิเสธงานปฏิเสธเงินไปเยอะเหมือนกันกับคอนเซปต์บางอย่างที่โบรู้สึกว่ามันทำไม่ได้แล้วจริงๆ อย่างเช่นเป็นพรีเซนเตอร์ชุดชั้นใน ก็ทำไม่ได้แล้ว ถ้าคนไปเสิร์ชรูปเก่าแล้วมาฟังคำสัมภาษณ์นี้คงคิดว่ากระแดะ(หัวเราะ) แต่มันไม่ได้จริงๆ งานบางอย่างก็ต้องไม่รับค่ะ"

ไม่เสียดายเหรอ ?
"เสียดายๆ ผู้จัดการก็เครียด แต่คือเรารู้สึกว่านอกจากจะปฏิบัติธรรมแล้ว ตอนนี้โบเป็นจิตอาสาช่วยเหลือมูลนิธิเกี่ยวกับการฟื้นฟูศาสนาให้ถูกทางมากขึ้น ไม่ได้ตังค์เป็นจิตอาสาจริงๆ ที่เราทำแล้วก็รู้สึกว่าภาพลักษณ์เราต้องรักษาเพื่อองค์กรด้วย เราเป็นอาสาสมัครเองก็จริง แต่พอเราออกหน้าเยอะๆ เหมือนว่าถ้าเราทำอะไรไม่ดีมันคงมีผลกระทบกับองค์กร กับสถานปฏิบัติธรรมไปด้วย ก็เลยต้องคิดเยอะขึ้น"

เคยให้ผู้จัดการคำนวณไหมว่าเสียรายได้ที่ปฏิเสธไปกี่หลัก ?
"มันก็เยอะค่ะ ถ้ารวมๆ มันก็ถึงล้าน จริงๆ ไม่แค่แต่งตัวเซ็กซี่ด้วย คืออีเว้นท์บางงานก็อาจจะไปไม่ได้ เช่นงานที่เกี่ยวข้องกับปาร์ตี้หรือแอลกอลฮอล์ที่มันผิดศีล 5"

เคยเถียงกับผู้จัดการเรื่องนี้ไหม ?
"ไม่ ผู้จัดการก็เข้าใจ พอดีช่วงก่อนผู้จัดการไม่สบายเลยบอกว่าให้มาช่วยงานองค์กรมาช่วยศาสนา แล้วก็อธิฐานบุญให้เจ้ากรรมนายเวรไป เจียนตายแล้วก็หาย นางก็เข้าใจ ไม่ทะเลาะและยินดีที่จะช่วยงานเราเพราะเขาก็สัมผัสได้ถึงตรงนี้"

งานเพื่อศาสนามีมาเรื่อยๆ ไหม ?
"ไม่ได้ติดต่อมานะ แต่จะเป็นงานอาสาของเราเนี่ยแหละที่ไปทำเองเยอะมาก แล้วล่าสุดท่านอาจารย์ที่สอนวิปัสสนา เขียนหนังสือเล่มหนึ่งเป็นหนังสือธรรมมะ เราอ่านแล้วก็รู้สึกว่าดีเลยรวมตัวกับศิษย์ทำโครงการมหาธรรมทานรวบรวมหนังสือถวายวัดทั่วประเทศ มหาลัยสงฆ์ต่างๆ ตามโรงเรียน สถานพินิจ เรือนจำ ก็เป็นงานจิตอาสาเองทั้งหมด"

ทำแล้วสบายใจ ?
"คือรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่เลย ไม่ใช่ว่าทำแล้วสบายใจอยากได้บุญนะ แต่มันเป็นการทำด้วยความรู้สึกว่าพอเรามาปฏิบัติแล้วเรารู้แล้วว่า คือขออนุญาตพูดนะคะ คือคนส่วนใหญ่ไปวัดเพราะอยากรวย จะไปตระเวรไหว้พระ 9 วัดขอพรให้สำเร็จ คล้ายๆ กับเอาเงินไปซื้อบุญ ซึ่งพวกนี้มันเป็นการสอนต่อๆ กันมาที่ผิดทาง คือตัวเราเองก็เคยเป็นแบบนั้น แต่คือจริงๆ แล้วคนที่ไปวัดขอพรเสร็จกลับมาก็ไม่ได้คิดว่าจะเลิกทำไม่ดี ไม่ได้คิดว่าจะพยายามรักษาศีลให้ครบ ตรงนี้เลยเป็นหนึ่งในสาเหตุของความเสื่อมในศาสนาพุทธ เพราะเรามีวัดเยอะจริง แต่เราไม่ได้มีความรู้สึกที่จะรักษาศีลให้ได้ เราแค่ไปแค่เป็นความโลภ ซึ่งมันผิดทางของพระพุทธเจ้าอย่างมาก"

เรื่องบ้านที่กำลังย้ายเป็นยังไงบ้าง ?
"ก็สร้างมาเกือบ 2 ปีแล้วค่ะ น่าจะเสร็จสิ้นปีนี้ เหลือตกแต่งอีก ก็เกินงบเยอะเนื่องจากเป็นบ้านสั่งสร้างตามแบบของเราเลย จุดนั้นเอาแบบนี้นะๆ มันก็เลยเพิ่มขึ้นมา แต่โบก็พยายามมากเลยนะ ละเอียดมากดีเทลเยอะ เราดูเองหมดเลยจะได้เข้ากับไลฟสไตล์ของคนในบ้านเรามากที่สุดค่ะ ไม่ถึงห้าสิบล้านค่ะ แค่สามสิบ ถ้ามากว่านี้ไม่ไหวแล้วค่ะ"

โอม(แฟนหนุ่ม) มีมาช่วยเลือกบ้างไหม ?
"โอมเขาก็มีเหมือนไปช่วยดู แต่คือเขาก็ไม่อยากยุ่มย่ามมากเพราะมันเป็นบ้านของเรา"