ตาล สรัญญา เปิดใจโพสต์ตัดพ้อ หลัง “ชาคริต” เอ่ยอโหสิกรรมให้

ตาล สรัญญา เปิดใจโพสต์ตัดพ้อ หลัง “ชาคริต” เอ่ยอโหสิกรรมให้

ตาล สรัญญา เปิดใจโพสต์ตัดพ้อ หลัง “ชาคริต” เอ่ยอโหสิกรรมให้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กำลังเป็นที่จับตาสำหรับดราม่าระหว่าง “ชาคริต แย้มนาม” และ “ตาล สรัญญา” หรือที่รู้จักกันใน “ตาล ลีโอเกิร์ล” ที่ก่อนหน้านี้ออกมาแฉว่ารู้จักและคบหาดูใจกับฝ่ายชาย แต่ในเวลาต่อมาทาง “ชาคริต” ได้ออกมาโต้ข่าวว่าไม่เป็นความจริง พร้อมกับถามกลับว่าถ่ายรูปกับใครทุกคนต้องเป็นเมียหมดเหรอ แถมยังทิ้งท้ายถึง “ตาล” ว่าอโหสิกรรมให้อีกด้วย จนทำให้สาวเจ้าออกมาโพสต์ตัดพ้อว่า “พี่แม่งโคตรไม่แมนเลยว่ะ” บนเฟซบุ๊กส่วนตัว ล่าสุดได้เจอ “ตาล” มาให้สัมภาษณ์ในรายการ “ยิ่งศักดิ์ ยิ่งแซ่บ” ณ สตูดิโอ 1 โดยเปิดใจถึงเรื่องนี้ให้ฟังว่า....

“กับที่โพสต์ “พี่แม่งโคตรไม่แมนเลยว่ะ” บนเฟซบุ๊ก เป็นความรู้สึก ณ ตอนนั้นที่อ่านข่าวของพี่เขาเลยโพสต์ไปแบบนั้น ก็รู้สึกเสียใจและไม่ค่อยโอเคเลยโพสต์ ตอนแรกอ่านข่าวไม่คิดว่าพี่เขาสัมภาษณ์เอง ไม่คิดว่าเขาจะใช้บางคำกับเรา ก็เลยรอให้ชัวร์ก่อนว่าเขาเป็นคนให้สัมภาษณ์ ซึ่งคำที่ตนเองรู้สึกว่าแรงและรับไม่ได้คือคำว่า “หลอน” เขาจะมาหลอนอะไรกับเรา สำหรับความสัมพันธ์กับพี่เขาในมุมของเราก็คิดว่าพิเศษ สนิทในระดับหนึ่ง ส่วนเรื่องที่คุยกัน นอกเหนือจากพูดคุยปรึกษากันเรื่องธุรกิจแล้ว ก็มีเรื่องอื่นๆ เรื่องส่วนตัว เรื่องทั่วๆไปด้วย ส่วนเรื่องธุรกิจก็คุย และคุยเรื่องๆ อื่นด้วย ในระยะที่คุยกันมา นอกจากเรื่องธุรกิจก็มีเรื่องส่วนตัว ชีวิตประจำวัน และเรื่องทั่วๆ ไป"

"ถามว่าคำพูดไหนที่เขาเหมือนรู้สึกดีกับเรา ถ้าจะระบุเป็นคำพูดเลยเดี๋ยวจะเพี้ยน ก็มีการห่วงใย ถามสารทุกข์สุขดิบ คำพูดประมาณว่า เรามารู้จักกันก็อย่าหายไปจากชีวิตกันแล้วกัน ไม่ว่าในฐานะไหนก็อย่าหายจากกัน ก็คุยกันอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะมีข่าวและภาพหลุดออกไป ซึ่งตอนนั้นยังมีการทักทายกันอยู่บ้าง ไม่เชิงว่าเลิกการติดต่อกัน ตอนที่ไปออกรายการ เราไม่ได้มีเจตนาหรือตั้งใจว่ารู้ว่าเป็นใคร เราอาจจะผิดเองที่บอกข้อมูลไปเยอะ ซึ่งตอนนั้นตัวเขาไม่พูดมาด้วยว่ายังไง เราเลยค้างคาใจ แต่ตอนนี้ก็ชัดเจนแล้ว"

"กับที่คนมองว่าเราเกาะกระแสเขาดัง คือทุกวันนี้ก็ยังทำงานเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเพิ่มขึ้น ไม่มีใครติดต่อเล่นหนังเล่นละคร แถมรายได้จะหดด้วยเพราะยังขายของไม่ได้ จริงๆ ก็ไม่ได้โดนผลกระทบอะไรมาก แต่รอให้มันผ่านไปสักพักหนึ่งดีกว่าเพราะช่วงนั้นค่อนข้างรุนแรง เราไม่อยากให้มีปัญหาในเรื่องของงาน แต่ออเดอร์เราก็ปกติ ตอนที่พูดเราก็มีความรู้สึกนิดๆ เหมือนกัน แต่เราไม่ได้มีเจตนาเกาะเขา เราแค่อยากให้รู้ว่าเป็นใคร แต่เราผิดเองที่อาจจะบอกข้อมูลเยอะไปหน่อย ที่บอกเหมือนเราไม่จบ"

"จริงๆ เขาไม่ได้พูดด้วยแหละว่าไม่คุยหรืออะไร มันก็เป็นอะไรที่ค้างคาใจเราด้วย แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้ว คือด้วยอายุมากขึ้นก็คงไม่มีใครมานั่งพูดหรอกว่าเราเป็นแฟนกันนะ ซึ่งเราเองก็ไม่ได้ใช้คำนี้มานานมากแล้ว ตัวพี่เขาเองก็เริ่มต้นสัมพันธ์ที่ดีไม่ว่าจะในฐานะไหน เราเองก็ไม่ได้เอาไปบอกใครนอกจากคุยกับเพื่อนแถมยังบอกเพื่อนด้วยว่าไม่ต้องไปบอกใครที่ไหน รู้กันแค่นี้"

"สำหรับคำที่พี่เขาบอกว่า “ถ่ายรูปกับใคร ทุกคนต้องเป็นเมียเหรอ” เอาจริงๆ ตั้งแต่เราออกรายการหรือไปงานไหนเรายังไม่เคยใช้คำว่าเป็นแฟนหรือเมียพี่เขาเลยนะ เราจะใช้เสมอว่าเป็นพี่น้องหรือไม่ก็ไม่ระบุสถานะ เราเองก็ไม่ได้ออกตัวว่าคบกับพี่เขาเป็นแฟน ที่ระบุวันนั่นเราก็นับว่าเราคุยกันมานานเท่าไหนแล้วเท่านั้นเอง เพราะพี่เขาก็คงไม่สนใจตรงนี้อยู่แล้ว เรียกว่าเราให้ความสำคัญกับคนที่เราคิดว่าสำคัญก็ได้ ส่วนที่ซื้อหมอนให้พี่เขา เราพอทราบว่าพี่เขาทำงานหนัก ใช้ชีวิตอยู่บนรถซะส่วนใหญ่ วันหนึ่งไปเจอช็อปที่เป็นหมอนเกี่ยวกับสุขภาพ เราก็นึกถึง เราก็ซื้อให้ทั้งพ่อเราและพี่เขา แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาไปทิ้งหรือยัง"

"ส่วนเรื่องที่พาครอบครัวไปทานข้าว คือเราไปทานข้าวที่ร้านพี่เขาแบบไม่มีครอบครัวแล้วอร่อย ก็เลยบอกน้องชายว่าอาหารร้านนี้อร่อยวันหลังไปกินกัน ก็เลยพากันไปและมีพ่อแม่ไปด้วย ณ ตอนนั้นคุณพ่อคุณแม่ชอบดูซิทคอม แต่ไม่ได้ดีด๊าอะไร และเราก็จ่ายตังค์เอง ส่วนพี่เขาก็ทราบว่าเราจะไปกินข้าวกัน พี่เขาก็เดินมาทักทาย สวัสดี และนั่งคุยกับคุณพ่อคุณแม่ ก็ไม่ได้แนะนำอะไรเป็นพิเศษ เราเองไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรให้พ่อแม่ทราบ และท่านก็ไม่ได้ถามอะไร พอเป็นเรื่องขึ้นพูดตรงๆ ว่าที่บ้านไม่มีใครถามหรือพูดเรื่องนี้เลย เพราะโตแล้ว ให้มันจบๆ ไป"

"หลังจากเป็นข่าว ก็ส่งข้อความขอบคุณไปว่า “พี่ตอบคำถามดีมาก หนูซึ้งมากๆ เลย” ก็มีประชดบ้าง เขาก็ไม่ได้ตอบกลับ เราก็แค่ให้เขารู้ว่าเรารู้สึกยังไง หลังจากนั้นเราก็โพสต์พี่โคตรไม่แมนเลยว่ะ อยากจะถามว่าทำไมพี่ตอบแบบนี้ ตอนที่มีข่าวออกมาก็รู้ว่ามีคนรุมด่าเยอะ ซึ่งเราอยู่ดีๆ ของเราก็ดีอยู่แล้ว"

"ถ้าย้อนกลับไปได้ จริงๆ ก็รู้จักได้ พี่เขาก็ทำให้เราเห็นอะไรหลายๆ อย่าง ให้ข้อคิด สองอะไรเราเยอะ ส่วนจะติดต่อกันได้ไหม ไม่รู้จะติดต่อทำไม ที่เขาอโหสิกรรมกับเรา เราก็อโหสิกรรมกับเรา คำว่าอโหสิกรรมบางครั้งคนมองอาจดูรุนแรง มันก็แค่ให้อภัยกันทั้งหมด เขาทำแบบไหนมาเราก็ให้แบบนั้นกลับ ก็ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้มโนหรือคิดหรือไปเอง มีหลักฐานทุกอย่าง แต่ไม่จำเป็นต้องเอามาบอก ตัวเราเองเท่านั้นที่รู้"

"สุดท้ายก็อยากฝากถึงพี่เขาว่าขอบคุณในทุกๆ เรื่อง ตอนนี้ทีคุยกันเขาก็สอนในหลายๆ อย่าง ส่วนที่มาออกรายการนี้ก็เป็นที่เดียวที่มาพูด ก็พูดในมุมของเราไม่ได้พาดพิงใคร และอาจจะเป็นข้อคิดให้ผู้หญิงหลายๆ คน ที่อาจจะโดนแบบเราหรือไม่โดนก็ได้”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook