จงรัก สั่งสอบร.ต.ต.ขู่เอี่ยวท้วงหนี้-ฟันแน่

จงรัก สั่งสอบร.ต.ต.ขู่เอี่ยวท้วงหนี้-ฟันแน่

จงรัก สั่งสอบร.ต.ต.ขู่เอี่ยวท้วงหนี้-ฟันแน่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จงรัก สั่งตำรวจท้องที่เร่งจับกุมแก๊งทวงหนี้โหด ยกพวก 30 คน รุมสกรัมลูกหนี้ถึงในบ้าน ประเคนแข้ง หมัด ไม่หนำใจซัดด้วยไม้เบสบอลจนเหยื่อสลบ แม้จะยกมือไหว้ร้องขอชีวิตก็ตาม พร้อมสั่งตรวจสอบ ร.ต.ต. หากพบมีส่วนพัวพันเจอโทษวินัย แม่ค้าข้าวแกงปลื้ม รอง ผบ.ตร.ให้เงิน 2 พันเป็นทุนค้าขายต่อไป รอง ผบช.น.สั่งจัดทำแฟ้มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นครบาลและให้ดำเนินการเด็ดขาด

ความคืบจากเหตุการณ์ นางอารีย์ เจริญมงคล อายุ 53 ปี แม่ค้าขายข้าวแกง ถูกแก๊งทวงหนี้ประมาณ 30 คน บุกเข้าไปรุมทำร้ายร่างกายในบ้านพักจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อกลางดึกวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย ได้พานางอารีย์เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

นางอารีย์ ให้การต่อ พล.ต.อ.จงรัก ว่า ไปกู้เงินนอกระบบมาจำนวน 4,000 บาท โดยเจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 และต้องส่งเป็นรายวัน วันละ 200 บาท โดยจะมีชายวัยรุ่น 2 คน คือ นายเหลียง กับนายมอญ ไม่ทราบนามสกุล ขี่รถจักรยานยนต์มาเก็บเงินเป็นประจำทุกวัน ซึ่งตนจ่ายไปแล้วประมาณ 1,800 บาท แต่ระยะหลังเงินขาดมือเพราะขายของไม่ดี จึงขาดส่งประมาณ 2-3 วัน แต่เจรจาตกลงกับเจ้าหนี้ว่า จะส่งเงินให้วันละ 100 บาท จากที่เคยส่งวันละ 200 บาท ซึ่งเจ้าหนี้ก็ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด

นางอารีย์ กล่าวต่อว่า จนกระทั่งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.30 น. ขณะตนอาบน้ำอยู่ก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 20-30 คน มาเคาะประตูเรียก แต่ยังไม่ทันจะเดินไปเปิดประตูให้ กลุ่มชายฉกรรจ์ก็พังประตูเข้ามา จากนั้นชายคนหนึ่งจำได้ว่าสวมเสื้อแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงยีน สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ ตรงเข้ามาเตะเข้าที่ท้องตนจนล้มลง จากนั้นก็มีชายอีกคนหนึ่งเอามีดดาบมาตีเข้าที่ใบหน้า

"ฉันยกมือไหว้ร้องขอชีวิตว่า อย่าทำฉันๆ แต่พวกมันก็ไม่ฟัง กลับเอาเท้าเหยียบหัวจนหัวติดกับตู้เย็น ก่อนจะรุมเตะรุมตีสารพัด สุดท้ายถูกไม้เบสบอลตีเข้าที่หน้าจนสลบ ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย จนมาฟื้นอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว" นางอารีย์เล่าเหตุการณ์ให้ฟังด้วยความหวาดผวา

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า การให้กู้ยืมโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดถือเป็นความผิด มีโทษถึงจำคุก ผกก.ท้องที่ต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาดกับนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบที่มีการเรียกดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด หากประชาชนที่กู้หนี้ยืมสิน โดยมีการเรียกอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดให้แจ้งตำรวจท้องที่ได้ทันที แต่กรณีนี้มีการใช้กำลังบุกรุกเข้ามาทำร้ายร่างกายถึงในบ้าน เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมือง หลังทราบเรื่องได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วีระ จิรวีระ ผกก.สน.เตาปูน ดำเนินคดีกับกลุ่มขบวนการทวงหนี้โหดเหล่านี้โดยเด็ดขาด หากมีใครร่วมกันทำร้ายร่างกายหรือบุกรุกให้ติดตามตัวมาดำเนินคดีให้หมด ขณะเดียวกันให้จัดกำลังตำรวจไปดูแลคุ้มครองความปลอดภัยนางอารีย์ด้วย

"เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสลดหดหู่ใจ เป็นเรื่องที่ประชาชนยากจนมีความจำเป็นต้องกู้หนี้ยืมสินเอาเงินมาใช้ในการดำรงชีพ ต้องยอมถูกขูดรีดจากนายทุนที่หากินจากความยากจนของพี่น้องประชาชน ด้วยการเรียกดอกเบี้ยแพงๆ หากไม่มีก็ถูกขบวนการทวงหนี้ข่มขู่ทำร้าย โดยเฉพาะกรณีนี้ผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายเป็นผู้หญิงด้วย ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง" รอง ผบ.ตร.กล่าว

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวด้วยว่า กรณีมีนายตำรวจยศ ร.ต.ต.คนหนึ่ง อยู่ที่ สน.สุวินทวงศ์ มาข่มขู่ให้ถอนแจ้งความนั้น ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นตำรวจมีหน้าที่ดำเนินการกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ไม่ใช่มาข่มขู่ให้ละเว้นไม่ให้มีการดำเนินการตามกฎหมาย จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ณธนนต์ สิงหรา ณ อยุธยา ผบก.น.3 ตั้งกรรมการมาสืบสวนข้อเท็จจริง คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน หากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็ให้ดำเนินการทางวินัยอย่างเฉียบขาดต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรับเรื่องร้องเรียน พล.ต.อ.จงรัก ได้มอบเงินสด 2,000 บาท ให้แก่นางอารีย์ เพื่อเป็นทุนในการค้าขายต่อไป

วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวว่า พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล รอง ผบช.น.ติดตามตรวจสอบว่า ตำรวจชั้นสัญญาบัตรที่ถูกกล่าวอ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทวงหนี้ครั้งนี้ มีตัวตนจริงหรือไม่ หากพบก็ให้ดำเนินการทั้งวินัยและอาญาอย่างเฉีบขาดโดยทันที นอกจากนี้ยังสั่งการให้ พล.ต.ต.ลิขิต จัดทำแฟ้มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นครบาลทั้งหมด และดำเนินการอย่างเด็ดขาด

พ.ต.อ.วีระ จิรวีระ ผกก.สน.เตาปูน กล่าวว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 4 คน ซึ่งต่างให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับพวกที่ยังหลบหนีก่อเหตุจริง เนื่องจากบอกให้นางอารีย์หาเงินต้น 4,000 บาท มาคืน หลังจากขาดส่งดอกมาแล้ว 2-3 งวด แต่ลูกชายนางอารีย์ไม่ยอมและลงมือทำร้ายก่อน จึงกลับไปพาพวกมาก่อเหตุ ทั้งนี้ กลุ่มผู้ต้องหาได้ขอประกันตัวออกไป โดยใช้เงินสดคนละ 5 หมื่นบาท ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

"พล.ต.ท.จงรัก และ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 ได้สั่งการให้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด เพื่อพิจารณาว่า การกระทำเข้าข่ายเรียกเก็บดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ เพื่อจะได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป สำหรับสำนวนการสอบสวนขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังประสานกับญาติของผู้เสียหายว่าพร้อมจะให้การได้เมื่อไร และยังต้องรอผลความเห็นจากแพทย์ว่า อาการบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด หากผู้เสียหายต้องรักษาตัวเกิน 20 วัน ก็จะต้องแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสเพิ่มแก่ผู้ต้องหาทั้งหมดด้วย" ผกก.สน.เตาปูน กล่าว

พ.ต.อ.วีระ กล่าวต่ออีกว่า กรณีที่ลูกชายนางอารีย์ระบุว่า หลังเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร.ต.ต.พยายามติดต่อขอเคลียร์นั้น ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจนทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำ สน.สุวินทวงศ์และเป็นญาติกับเจ้าของเงินกู้ แต่จะมีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหนต้องสอบสวนผู้ต้องหาที่จับได้อีกครั้ง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ บก.น.3 โดยได้รายงานให้ต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวทราบแล้ว ขณะนี้ทราบว่า บก.น.3 ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook