ดราม่าศึกแย่งลูก พ่อแม่ให้ปากคำพม. เหมือนหนังคนละม้วน

ดราม่าศึกแย่งลูก พ่อแม่ให้ปากคำพม. เหมือนหนังคนละม้วน

ดราม่าศึกแย่งลูก พ่อแม่ให้ปากคำพม. เหมือนหนังคนละม้วน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีมีเฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อดัง เผยแพร่คลิปพร้อมข้อความว่า !!!! ศึกแย่งลูก !!!!! เท่าที่กูไปเสือกเบื้องต้นมา คือผู้ชายไปเอา (แย่ง) ลูกมาจากผู้หญิง ช/ญ เคยอยู่ด้วยกัน จนฝ่ายหญิงท้องแล้วฝ่ายชายไม่รับผิดชอบ จน ญ คลอดน้องแล้วเลี้ยงมาเอง 7-8 เดือน

ต่อมาข้างบ้านผู้ ญ ที่ไม่ถูกกันไปคุยกับบ้านฝ่ายชาย ประมาณว่า ผู้ ญ. สูบบุหรี่ เที่ยวเตร่ เอาบุหรี่จี้ลูก บลาๆ (คำบอกเล่าจากผู้ ญ.ฝ่ายเดียวนะ) ผู้ชาย จึงพาญาติมาเอาเด็กไป !!! พอไปแจ้งความ ตร. บอกให้ไกล่เกลี่ย !! กูมีคำถามคือ...1..พ่อ-แม่ ฝ่ายหญิงไปไหน??  2..ญาติที่เห็นมีแต่ของฝ่ายชาย จริงหรือไม่  ไม่ชี้ทางไหนทั้งนั้น กูว่ามีอะไรในกอไผ่แน่นวลลลลล !!!!

ล่าสุด (12 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ หมู่ 6 ต.พุเตย อ.วิเชียรบุรี พร้อมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบูรณ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พุเตย อ.วิเชียรบุรี พบกับ น้องหลง อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นผู้หญิงในคลิปและเป็นแม่ของเด็ก ซึ่งเล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า ตนกับกับแฟนอยู่กินด้วยกันตั้งแต่ตนอายุ 13 ปี จากนั้นอีก 1 ปีก็มีลูกชายด้วยกันชื่อน้องไตเติ้ล

ต่อมาเมื่อแฟนได้งานทำที่บริษัทแห่งหนึ่งใกล้บ้าน จึงได้ย้ายออกไปเช่าบ้านพักใกล้ที่ทำงาน โดยแฟนทำงานคนเดียว ส่วนตนเลี้ยงลูกอยู่บ้านพัก กระทั่งช่วงหลังแฟนไปคบกับผู้หญิงอื่นจึงได้ทะเลาะกัน ตนจึงเอาลูกกลับมาอยู่ที่บ้านพ่อ โดยที่แฟนไม่เคยดูแลเลย กระทั่งวันเกิดเหตุ จู่ๆ แฟนกับญาติได้มาแย่งเอาลูกไป ตนไม่ยอมจึงได้ไปแจ้งความ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไกล่เกลี่ยให้สลับกันเลี้ยงดูคนละเดือน

ต่อมาผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เดินทางไปยังบ้านฝ่ายชาย หมู่ 4 ต.วังใหญ่ อ.วิเชียรบุรี พบกับ นายมณฑล อายุ 22 ปี พ่อของน้องไตเติ้ล ซึ่งให้การว่า ช่วงที่ตนกับนางสาววิภาหรือน้องหลงเริ่มคบกันในขณะนั้น น้องหลงบอกว่าอายุ 14 ปี และได้เข้ามาอยู่ที่บ้านของตนจนกระทั่งตั้งท้อง ซึ่งตนและพ่อแม่ รวมถึงญาติๆ ก็ได้ดูแลเป็นอย่างดี

กระทั่งคลอดก็ได้ช่วยกันดูแลและเลี้ยงดูน้องไตเติ้ลจนอายุได้เกือบ 1 ขวบ ตนจึงได้ไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ห่างจากบ้านประมาณ 30 กิโลเมตร ตนจึงย้ายไปเช่าบ้านพักใกล้กับที่ทำงาน พร้อมกับแฟนและลูกชาย โดยให้แฟนมีหน้าที่เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านพัก แต่มาระยะหลังแฟนชอบหนีเที่ยว ปล่อยให้ลูกน้อยวัยไม่ถึง 1 ขวบ อยู่บ้านเพียงลำพัง จึงเกิดการทะเลาะกัน

แฟนจึงพาลูกกลับมาอยู่ที่บ้านพ่อตัวเอง โดยให้แม่เลี้ยง (แฟนใหม่พ่อ) เป็นคนดูแล  ส่วนแฟนทราบมาว่ายังเที่ยวเตร่เหมือนเดิม ในบางครั้งแม่เลี้ยงของแฟนก็แอบมาหาตนเองที่บ้าน เพื่อมาขอเงินซื้อนมบ้าง ซื้อกับข้าวบ้าง ตนเห็นว่าหากปล่อยให้ลูกอยู่กับแฟนก็อาจจะเลี้ยงดูลูกได้ไม่ดี จึงอยากที่จะขอนำมาเลี้ยงเอง 

จนกระทั่งเกิดเรื่องดังกล่าว แต่ทั้งนี้ได้มีการเจรจาและบันทึกตกลงไว้ที่สถานีตำรวจแล้ว ก็ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงมีการโพสต์คลิปดังกล่าว ซึ่งกระแสโซเชียลทำให้ตนและญาติๆ เสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงอยากจะให้ฟังเหตุผลทั้งสองด้าน

ด้าน เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่เพื่อมาหาข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาที่ตัวเด็กเป็นหลัก ซึ่งจากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลแล้ว ก็จะได้ประชุมร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ซึ่งประกอบไปด้วยตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจ เพื่อพิจารณาว่าเด็กควรที่จะอยู่ในความดูแลของใคร แต่ถ้าหากยังมีการคัดค้านของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องให้ทั้งสองฝ่ายไปฟ้องร้องให้ศาลพิจารณาตัดสินต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook