ภูเก็ตยืนยัน "ไม่ใช่ฉลาม" ปลากัดเท้าหนุ่มญี่ปุ่นเป็นแผล

ภูเก็ตยืนยัน "ไม่ใช่ฉลาม" ปลากัดเท้าหนุ่มญี่ปุ่นเป็นแผล

ภูเก็ตยืนยัน "ไม่ใช่ฉลาม" ปลากัดเท้าหนุ่มญี่ปุ่นเป็นแผล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้ว่าฯ คอนเฟิร์ม ปลากัดหนุ่มญี่ปุ่นเป็นแผลที่หาดกมลา ที่แท้เป็น "ปลาสาก" ที่มีฟันคม ไม่ใช่ฉลามอย่างที่เข้าใจ ยืนยันไม่เคยมีประวัติฉลามเข้ามาในพื้นที่ ยืนยันยังปลอดภัย พร้อมสั่งเฝ้าระวัง

จากกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น มาท่องเที่ยวหาดกมลา พร้อมกับเพื่อนสาวคนสนิทชาวไทย เมื่อลงน้ำไปเล่นกระดานโต้คลื่น ห่างจากชายฝั่งประมาณ 200 เมตร ขณะหย่อนขาซ้ายลงในน้ำ ปรากฏว่าได้ถูกปลาไม่ทราบชนิดกัดบริเวณส้นเท้าซ้ายได้รับบาดเจ็บ แพทย์ได้ทำการเย็บบาดแผลถึง 50 เข็ม

ล่าสุด นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า กรณีนี้ได้สอบถามทาง นายทัศพล กระจ่างดารา หัวหน้ากลุ่มสำรวจและวิเคราะห์ทรัพยากรและการประมง ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงอันดามันตอนบน(ภูเก็ต) นักวิชาการชำนาญการพิเศษด้านประมงทางทะเล เบื้องต้นพบว่ารอยบาดแผลที่ส้นเท้าของนักท่องเที่ยวเป็นรอยกัดของปลาบาราคูด้า หรือ ปลาน้ำดอกไม้ หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ปลาสาก” ไม่ใช่ปลาฉลามหูดำ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

โดย ปลาสาก เป็นปลาที่มีรูปร่างลำตัวยาว ส่วนใหญ่จะนำมาทำเป็นลูกชิ้น โดยปลาชนิดนี้จะมีฟันที่แหลมคมมาก ไว้กินลูกปลาขนาดเล็กที่อยู่บนผิวน้ำเป็นอาหาร คาดว่าขณะที่นักท่องเที่ยวกำลังเล่นกระดานโต้คลื่น ทำให้เกิดคลื่นเป็นฟองน้ำ ซึ่งทำให้ปลามีความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นปลาตัวเล็กๆ อยู่บนผิวน้ำ จึงถูกจะกระโจนเข้ากัดที่เท้าของนักท่องเที่ยว

ฟันของปลาสากมีความแหลมคมมาก ประกอบกับนักท่องเที่ยวกระชากเท้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เกิดเป็นแผลฉกรรจ์ และจากการสอบถามข้อมูลจากคนในท้องถิ่นก็ยังไม่เคยมีใครพบเห็นปลาชนิดที่มีความดุร้าย อย่างเช่น ฉลามในหาดกมลามาก่อน แต่สำหรับปลาสากนั้นก็เคยมีการพบเห็นตามปกติ

นายนรภัทร กล่าวต่ออีกว่า ขอยืนยันว่าพื้นที่หาดกมลา ไม่มีฉลามอย่างแน่นอน นักท่องเที่ยวยังสามารถลงเล่นน้ำได้ตามปกติ แต่หลังจากเกิดกรณีดังกล่าวก็ยังไม่เกิดผลกระทบใดๆ เพราะนักท่องเที่ยวเชื่อว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่แหล่งของสัตว์ทะเลดุร้าย

ขณะเดียวกันได้เน้นย้ำให้หน่วยกู้ชีพกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง ลาดตระเวนเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหน่วยลาดตระเวนชายฝั่ง และไลฟ์การ์ดให้นำเรือออกไปดูแลพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ได้ประสานไปยังผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้แจ้งนักท่องเที่ยวให้เล่นน้ำบริเวณชายฝั่งอย่าออกไปไกลมาก สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นครั้งแรก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook