นาทีจับผิด ร.ต.อ.เก๊ แต่งเครื่องแบบบุกโรงพัก

นาทีจับผิด ร.ต.อ.เก๊ แต่งเครื่องแบบบุกโรงพัก

นาทีจับผิด ร.ต.อ.เก๊ แต่งเครื่องแบบบุกโรงพัก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ธนพัฒน์ เจียรสถิต สมศักดิ์ กิจการนันทศรี เรื่อง/ภาพ

ผมมาจากหน่วยสืบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติปทุมวัน มาติดตามคดีโจรขโมยแบตเตอรี่ ขอคุยกับตำรวจที่ไปจับคนร้ายหน่อย จะดูว่าคดีคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว

คือน้ำเสียงกึ่งตะคอกของชายในเครื่องแบบตำรวจชุดร้อยตำรวจเอก ที่ลงจากรถเก๋งฮุนไดมายืนจังก้าอยู่บนโรงพักแปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ในตอนสายวันที่ 2 มีนาคม

มาดผู้กองหนุ่มคนนี้เล่นเอาตำรวจบนโรงพักหันมามองเป็นตาเดียวกัน แต่ที่น่าสะดุดสายตายิ่งกว่านั้นเห็นจะเป็นเรื่องการแต่งตัวของท่านผู้กอง ที่อ้างตัวว่ามาจากหน่วยเหนือ แต่ดันแต่งเครื่องแบบไม่เหมือนตำรวจทั่วไป โดยเฉพาะนายตำรวจระดับร้อยตำรวจเอก เพราะชุดก็ไม่ได้รีดจนกลีบแย่งกันขึ้น ถุงเท้าก็ไม่ได้ใส่ แถมผมเผ้ายาวไม่เป็นทรง ผิดจากบุคลิกนายตำรวจทั่วไป

ถึงแม้หลายคนทำท่าสงสัย แต่ตำรวจบนโรงพักก็ยังให้เกียรติท่านผู้กองหนุ่มผู้นี้ เชื้อเชิญเข้ามานั่งรอพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาเพื่อดูความคืบหน้าในคดี

ห้วงนั้นพ.ต.ท.สมฤกษ์ ค้ำชู รอง ผกก.ป.สภ.แปลงยาว กำลังเรียกประชุมลูกน้องอยู่บนโรงพักพอดี รองฯ สมฤกษ์ จึงละเรื่องงานแล้วออกมาเจรจากับผู้กองหน่วยเหนือเพื่อไขข้อข้องใจ

แค่เห็นหน้ารองฯ สมฤกษ์ก็เริ่มได้กลิ่นแปลกๆ

"น้องมาจากหน่วยไหน" รองฯ สมฤกษ์ ใช้ภาษาตำรวจกล่าวทักทาย แต่กลับได้คำตอบจากผู้กองที่วางมาดยิ่งใหญ่ ว่า "มาจากหน่วยสืบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปทุมวัน" พอได้ยินคำว่า "หน่วยสืบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปทุมวัน" รองฯ สมฤกษ์ ก็พอจะเดาได้ว่าหมอนี่ไม่น่าใช่ตำรวจจริงเพราะพูดจาไม่เอาไหน ไม่มีหน่วยสืบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติปทุมวันในสารบบแต่อย่างใด

ผิดฟอร์มนายตำรวจยศร.ต.อ.ที่น่าจะพูดอะไรเป็นหลักการกว่านี้

เท่านั้นการจับผิดก็เริ่มขึ้น!!

" พี่ขอดูบัตรประจำตัวน้องหน่อย" รองฯ สมฤกษ์ ถามรุกก่อนจะพูดประโยคต่อไป ทำให้ผู้กองที่เคยวางมาดใหญ่รีบปรับเปลี่ยนท่าที พร้อมแก้ตัวว่าวันนี้ไม่ได้เอาบัตรติดตัวมา แต่ก็ยังย้ำว่ามาจากหน่วยเหนือ มาตามความคืบหน้าในคดีคนร้ายขโมยแบตเตอรี่

เมื่อผู้กองหนุ่มยืนยันแบบนี้ รองฯ สมฤกษ์ จึงเปิดโอกาสให้พูดต่อไปเพื่อดูท่าทีและหาช่องว่างจับพิรุธ

ชายที่อ้างตัวเป็นผู้กองย้ำเจตนา ว่า ต้องการพบสารวัตรเจ้าของคดีอายัดแบตเตอรี่ กรณีบริษัท ยัวร์ซ่า จำกัด โรงงานแบตเตอรี่ในนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ ที่ตำรวจไปจับอายัดมาก่อนหน้านี้ ซึ่งคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับญาติตน จึงอยากรู้ว่าทำการสอบพยานไปกี่ปากแล้ว คดีมีความคืบหน้าไปถึงไหน

ระหว่างฟังคำอธิบาย รองฯ สมฤกษ์ จึงได้สังเกตพฤติกรรม ร.ต.อ.หนุ่มที่นั่งเผชิญหน้ากันชนิดไม่มีใครหลบสายตาใคร รองฯ สมฤกษ์ สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติชายคนนี้หลายอย่าง นอกจากโหงวเฮ้งที่ไม่ให้แล้ว ยังมีหลายจุดที่น่าสงสัย อาทิ เครื่องแบบที่ใส่ไม่ได้รีดให้เรียบร้อย เข็มเครื่องหมาย ป้ายชื่อไม่เงางาม ที่หนักไปกว่านั้นคือเข็มขัดร้อยไม่ครบหูกางเกง แถมถุงเท้าก็ไม่ได้ใส่อีกต่างหาก ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่างานยุ่งบ้าง ลืมบ้างไม่ค่อยได้ใส่ใจ

แต่ที่สะดุดสายตายิ่งไปกว่านั้น คือป้ายชื่อของผู้กองคนนี้ระบุชื่อ ร.ต.อ.ศุภชัย อมรวิวัฒณ์ นามสกุลเหมือน พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ แถมเรียกพล.ต.อ.สวัสดิ์ ว่า "พ่อ" ทุกคำ แต่ป้ายชื่อที่ติดหน้าอกดันสะกดนามสกุลผิดเป็น "อมรวิวัฒณ์" ไม่ใช่ "อมรวิวัฒน์" เหมือนของจริง

รองฯ สมฤกษ์ จึงลองเชิงถามซักไซ้เกี่ยวกับอาชีพตำรวจและการฝึก ใช้เวลาสนทนานานร่วมชั่วโมงจนกระทั่งจับผิดหมอนี่เอาไว้ได้อย่างอยู่หมัดว่าแท้ที่จริงเป็นตำรวจเก๊ โดยมีชื่อเสียงเรียงนามจริงชื่อนายเสรีชัย หิ้งทอง อายุ 40 ปี ซึ่งหลังจนมุมหมอนี่ให้การเสียงดังฟังชัดว่าไม่ได้เป็นตำรวจอาชีพจริงๆ เป็นชาวนาชาวไร่แต่ใจรัก

เลยแต่งเครื่องแบบตำรวจบุกโรงพักหวังตามคดีให้ญาติ!!?

หลังทุกอย่างเฉลยนายเสรีชัย ให้การแบบยิ้มมุมปาก ว่า ตนมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ที่ 4 ต.แหลมประดู่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา อยากเป็นตำรวจมากแต่ไม่มีโอกาส เคยไปสอบพลตำรวจ 2 ครั้ง แต่สอบไม่ติด จึงมาช่วยพ่อแม่ทำนา และเป็นทหารเกณฑ์ พอโตขึ้นชอบช่วยเหลือสังคม จึงไปสมัครเป็นอปพร. เป็นอาสากู้ภัย เป็นสมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรมของสภ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา

"ผมชื่นชมท่านสวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ นามสกุลดังมาก มีนายตำรวจระดับสูงหลายคน เคารพนับถือเลยเรียกว่า พ่อ รู้สึกภูมิใจมาก ที่ได้สวมใส่เครื่องแบบนายตำรวจ เวลาขับรถผ่านแยกที่มีตำรวจจราจรยืนอำนวยความสะดวกแล้วหันมาทำความเคารพ แล้วก็ทำท่ารับความเคารพตอบ รู้สึกเท่ และภูมิใจที่มีตำรวจตะเบ๊ะ ก่อนหน้านี้เคยแต่งตำรวจไปดักเรียกรถยนต์ที่ผ่านไปมาเพื่อขอดูใบขับขี่ครั้งหนึ่ง มาครั้งที่ 2 จึงแน่ใจว่าไม่มีใครจับพิรุธได้เดินขึ้นโรงพักเสียเลย แต่ท้ายที่สุดก็มาถูกจับได้" ร.ต.อ.เก๊กล่าว

และเล่าว่า สำหรับเครื่องแบบที่ใส่นั้น ตนไปจ้างร้านในอ.แปลงยาวตัดให้ ส่วนเครื่องหมายต่างๆ ก็ให้ทางร้านติด เพราะกลัวเอามาติดผิด วันถูกจับรีบร้อนไปหน่อยเลยร้อยหูเข็มขัดไม่ครบ และลืมใส่ถุงเท้า เลยไม่ค่อยแนบเนียนเท่าไหร่ ส่วนชื่อนั้นตั้งขึ้นมาเอง แต่นามสกุลเป็นนามสกุลของพล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ แต่ก็ดันสะกดผิดอีกจนได้

นอกจากนี้ ผู้กองเก๊ยังเล่าพฤติกรรมตัวเอง แบบพูดไปขำไปว่า ตนแต่งเครื่องแบบตำรวจครั้งแรกเมื่อเดือนเม.ย.ปี 51 ซึ่งเป็นวันที่พี่สาวแต่งงาน โดยตนเองไปคอยยืนต้อนรับแขกที่มางาน เพื่อให้เกียรติพี่สาวว่ามีนายตำรวจมาคอยต้อนรับแขก เวลาที่ไม่ใส่ก็จะแขวนไว้ที่รถเพื่อให้คนเห็นคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจเพื่อขอดูใบอนุญาตเมื่อเห็นเครื่องแบบก็จะปล่อยผ่านไป บางรายทำความเคารพด้วยซ้ำ แต่ไม่เคยแต่งไปกรรโชกทรัพย์หรือหลอกลวงผู้อื่นแต่อย่างใด

ร.ต.ท.จรัญ นพโสภณ ร้อยเวรฯ สภ.แปลงยาว แจ้งข้อหาแต่งเครื่องแบบโดยไม่มีสิทธิ์และชอบด้วยกฎหมาย มีโทษจำคุก 3-5 ปี และข้อหาไม่มีสิทธิ์หรือใช้ยศและเครื่องราชอิสริยาภรณ์หรือเครื่อง หมายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ กระทำการเช่นนั้นเพื่อให้คนอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ควบคุมตัวดำเนินคดีทันที

คดีนี้ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลว่านายเสรีชัย เคยแต่งเครื่องแบบไปต้มตุ๋นรีดไถใครหรือไม่ หากผู้ใดเคยถูกนายเสรีชัย ซึ่งอ้างเป็นนายตำรวจไปรีดไถข่มขู่ ก็ขอให้ไปดูตัวได้ที่สภ.แปลงยาว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป ซึ่งในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่านายเสรีชัยเคยมีประวัติรักษาอาการทางจิตประสาทมาแล้ว เจ้าหน้าที่จะได้ประสานแพทย์เพื่อขอประวัติมาพิจารณาควบคู่ไปกับการดำเนินคดีนายเสรีชัย

แต่งเครื่องแบบตำรวจหลอกตำรวจทั้งโรงพักก็ยังทำได้!!?

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook