คลอดแผนกู้เงินนอก2พันล้านเหรียญ คลังหืดจับ5เดือนวืดเป้าเฉียดแสนล.-ถ่างหนี้สาธารณะ

คลอดแผนกู้เงินนอก2พันล้านเหรียญ คลังหืดจับ5เดือนวืดเป้าเฉียดแสนล.-ถ่างหนี้สาธารณะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.อนุมัติกรอบการเจรจาการกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน วงเงินรวม 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 70,000 ล้านบาท สำหรับเงินกู้ดังกล่าวจะมาจากสถาบันการเงิน 3 แห่ง คือ ธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า)

นายศุภรักษ์ ควรหา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วงเงินกู้ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จะใช้สนับสนุนโครงการลงทุนภาครัฐที่สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งนำเสนอให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบกรอบเจรจาเงินกู้ดังกล่าวต่อไป สำหรับกรอบในการกู้เงินนั้น จะเจรจาให้ได้ต้นทุนเงินกู้ในระดับที่เหมาะสมและสอดคล้องกับภาวะตลาด มีระยะเวลาการกู้เงินที่สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลในอนาคต โดยมีระยะเงินกู้เฉลี่ยประมาณ 7-10 ปี

ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้เสนอเพดานการก่อหนี้สาธารณะในปี52 หลังจากมีการจัดทำงบกลางปีกว่า 100,000 ล้านบาท ทำให้ภาระหนี้สาธารณะต้องเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงได้ขออนุมัติปรับแผนบริหารหนี้สาธารณะในปี52 จากกรอบเดิม 1.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 1.4 ล้านล้านบาท เพื่อรองรับการกู้เงินเพิ่มเติมของกระทรวงการคลัง ประมาณ 97,000 ล้านบาท

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือนก.พ.52 ว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้ 82,430 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 23,481 ล้านบาท หรือ 22% และต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน 29.1% ซึ่งส่งผลให้ 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 52 (ต.ค.51-ก.พ.52) จัดเก็บได้ 451,527 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 88,586 ล้านบาท หรือ 16.4% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปี51 ที่ 16.2% โดยเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของ 3 กรมหลัก และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่ต่ำกว่าประมาณการ ประกอบกับการคืนภาษีของกรมสรรพากรที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง

ทั้งนี้ ภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการในเดือนก.พ. ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีรถยนต์ และอากรขาเข้า โดยภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 14,231 ล้านบาท หรือ 32.1% เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการนำเข้าสินค้าต่ำกว่าประมาณการถึง 50% สอดคล้องกับผลการจัดเก็บอากรขาเข้าที่ต่ำกว่าประมาณการ 2,627 ล้านบาท หรือ 35.5% นอกจากนั้นภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการบริโภคในประเทศก็ต่ำกว่าประมาณการถึง 16.9% สำหรับภาษีรถยนต์จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 2,427 ล้านบาท หรือ 47.6% เนื่องจากข่าวผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรถยนต์ขอปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อออกไปก่อน

รายได้ 5 เดือนที่ต่ำกว่าเป้าถึง 8.8 หมื่นล้านบาทนั้น ส่วนหนึ่งได้รับผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกหดตัวส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากนโยบายของรัฐบาลในการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันจาก 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ในช่วงเดือนต.ค.51-ม.ค.52 แต่ยืนยันกระทรวงการคลังจะดูแลฐานะทางการคลังและรักษาวินัยทางการคลังเพื่อรักษาการใช้จ่ายของรัฐบาลให้เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง นายสมชัยกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook