มท.จ่อออกกฎกระทรวงช่วยตึกร้าง ไฟเขียวสร้างต่อได้-ขีดเส้นเสร็จภายใน5ปี

มท.จ่อออกกฎกระทรวงช่วยตึกร้าง ไฟเขียวสร้างต่อได้-ขีดเส้นเสร็จภายใน5ปี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รายงานข่าวจากศาลาว่าการ กทม.แจ้งว่า จากการสำรวจอาคารร้างทั่วกรุงเทพฯ ของสำนักการโยธา(สนย.) ตลอดปี 51 ที่ผ่านมา พบว่ามีอาคารร้างคือเป็นอาคารขนาดใหญ่สูงตั้งแต่ 5 ชั้นขึ้นไป และมีโครงสร้างโผล่พ้นพื้นดิน ซึ่งก่อสร้างเสร็จแล้วแต่กลับปล่อยทิ้งร้างโดยไม่ได้เปิดใช้งาน บางส่วนก็ยังก็สร้างไม่เสร็จ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย งบประมาณดำเนินการไม่เพียงพอรวม 76 โครงการ 183 อาคาร ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารที่อยู่อาศัยรวม ทั้งนี้ ในเขตบางกะปิและวัฒนามีอาคารร้างมากที่สุด จำนวน 6 โครงการ รองลงมาคือเขตคลองเตย จำนวน 5 โครงการ และเขตราชเทวี จำนวน 4 โครงการ อย่างไรก็ตาม ทราบว่าขณะนี้ทางกรมโยธาธิการ กระทรวงมหาดไทยเตรียมออกร่างกฎกระทรวงเพื่อช่วยเหลือเจ้าของอาคารร้างดังกล่าวให้สามารถสร้างได้

รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทยกล่าวต่อว่า ขณะนี้กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทยออกร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกับการผ่อนผันอาคารที่ปล่อยทิ้งร้างให้สามารถสร้างต่อไปได้ โดยมท.เสนอไปที่คณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ขณะนี้ร่างดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการหรือบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(บสท.) ที่เข้ายึดครองกิจการที่ปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ก่อนหน้านี้ช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี โดยเฉพาะตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 ให้สามารถก่อสร้างอาคารต่อได้ทันที

อย่างไรก็ตาม มีเงื่อนไขว่าจะต้องก่อสร้างต่อ โดยจะต้องคำนึงถึงระบบความปลอดภัยภายในตัวอาคารซึ่งต้องได้ตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะระบบป้องกันเหตุเพลิงไหม้หรืออัคคีภัย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันกับเหตุเพลิงไหม้ซานติก้า ผับในเขตวัฒนาเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ภายหลังร่างกฎกระทรวงดังกล่าวประกาศใช้ ผู้ประกอบการจะต้องก่อสร้างให้เสร็จภายในปี 5 ปีนับจากวันที่ประกาศใช้ เนื่องจากร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีระยะเวลาบังคับใช้เพียง 5 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เหตุที่ มท.ออกร่างกฎกระทรวงดังกล่าวขึ้นมา เนื่องจากเห็นว่าอาคารดังกล่าวแม้ว่าจะก่อสร้างยังไม่เสร็จ แต่มีการลงทุนก่อสร้างด้วยเงินจำนวนมาก จึงอยากให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่ามากที่สุด ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ภายในปีนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook