ตร.เชียงใหม่รวบตัว ไฮโซภาคเหนือตั้งกรุ๊ปค้าโคเคนให้เซเลป

ตร.เชียงใหม่รวบตัว ไฮโซภาคเหนือตั้งกรุ๊ปค้าโคเคนให้เซเลป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจเชียงใหม่ นำหมายศาลรวบ สท.หนุ่มตระกูลดัง พร้อมกับเพื่อน ฐานร่วมกันค้าโคเคน หลังเฝ้าจับตามีพฤติกรรมลักลอบขายตามสถานบันเทิง

(19 ก.ย.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ นำหมายจับจากศาล จ.เชียงใหม่ จับกุมตัว นายราชิน อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของนักธุรกิจคนดังในภาคเหนือ

พร้อมกับจับกุมเพื่อนสนิท นายชาญวิโรจน์ อายุ 38 ปี ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 3 (โคเคน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนกฎหมายและสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำผิดฯ โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านพักก่อนนำตัวมาส่งให้พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดยการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากในช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า มีกลุ่มคนดังแวดวงไฮโซใน จ.เชียงใหม่ ลักลอบสั่งโคเคนเข้ามาจำหน่ายตามสถานบันเทิงต่างๆ เจ้าหน้าที่จึงติดตามพฤติกรรมของขบวนการค้าโคเคนที่มีการส่งมาให้กับกลุ่มไฮโซในพื้นที่ กระทั่งทราบว่ากลุ่มไฮโซจะใช้รถยนต์หรูในการลำเลียงโคเคนไปส่งลูกค้า

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัว นายศุภโชติ อายุ 38 ปี ที่ใช้รถยนต์ฮอนด้า เอชอาร์วี สีขาว ขนส่งยาเสพติดไปขายตามสถานบันเทิง เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะนำยาไปส่งบริเวณตลาดสดแม่เหียะ ตรวจค้นในรถพบโคเคนบรรจุอยู่ในซองพลาสติกจำนวน 7 ซอง น้ำหนักรวม 3.5 กรัม จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน

จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ก็พบว่ามีไฮโซกลุ่มนี้ได้ตั้งกลุ่มไลน์ ที่ใช้ติดต่อซื้อขายโคเคน โดยมีสมาชิกในกลุ่มไลน์จำนวน 4 คน ร่วมกันสั่งซื้อโคเคนจากกรุงเทพ ครั้งละ 53,000 บาท ก่อนจะแบ่งขายเป็นซอง ซองละ 20 กรัมในราคา 2,500 บาท และกระจายส่งให้ลูกค้ากลุ่มไฮโซตามสถานบันเทิง

นายศุภโชติ ได้ให้การซัดทอดว่า นายราชิน และ นายชาญวิโรจน์ ร่วมอยู่ในขบวนการดังกล่าวด้วย เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานก่อนขออนุมัติศาลออกหมายจับ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา ชุดสืบสวนเคยนำหมายคันบุกเข้าค้นบ้านของ นายราชิน มาแล้ว โดยครั้งนั้นไม่พบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด พบเพียงสมุดบัญชีธนาคารและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค รวมทั้งอาวุธปืนยาว 1 กระบอก และอาวุธปืนสั้น 2 กระบอก พร้อมกระสุนอีกกว่า 100 นัด โดยตรวจสอบอาวุธปืนพบว่ามีทะเบียนถูกต้อง เจ้าหน้าที่จึงได้แค่เพียงตั้งข้อหาครอบครองเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook