สายหมวกกันน็อก บาดคอดับ! ฝรั่งซิ่ง จยย.สยอง

สายหมวกกันน็อก บาดคอดับ! ฝรั่งซิ่ง จยย.สยอง

สายหมวกกันน็อก บาดคอดับ! ฝรั่งซิ่ง จยย.สยอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฝรั่งถึงฆาตโดนสายรัดหมวกกันน็อกบาดคอตายสยอง เผยนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษสวมหมวกกันน็อกขี่จยย. แล้วเกิดเฉี่ยวชนกับจยย.อีกคันจนเสียหลักพลิกคว่ำ ร่างฝรั่งกลิ้งไถลไปไกล 500 เมตรเสียชีวิตคาที่ มีบาดแผลถูกสายรัดหมวกกันน็อกบาดหลอดลมจนขาด ส่วนคู่กรณีคนไทยก็บาดเจ็บสาหัส เบื้องต้นมีพยานเห็นผู้ตายขี่จยย.ส่ายไปมา คาดว่าคงเมาสุรา ตร.ส่งศพให้นิติเวชชันสูตรอีกครั้งว่า เสียชีวิตเพราะสายรัดหมวกกันน็อกหรือเปล่า หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อการเสริมสร้างความปลอดภัยระบุอาจสวมหมวกกันน็อกไม่ถูกวิธี ชี้ถ้าหลวมเกินไปมีโอกาสบาดหลอดลมได้

เมื่อเวลา 06.50 น. วันที่ 15 มี.ค. พ.ต.ท. จิวัฒน์พงษ์ เรืองดี พนักงานสอบสวนสภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกัน มีคนเจ็บและเสียชีวิตที่บริเวณปากซอยบุญสัมพันธ์ 14 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา

ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าดรีม สีดำ ทะเบียน งงข-301 ชลบุรี ล้มคว่ำอยู่ริมถนน สภาพตัวรถด้านซ้ายพังยับเยิน ส่วนคนขับได้รับบาด เจ็บอาการสาหัสโดยพลเมืองดีและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ ภัยได้ให้การช่วยเหลือนำส่งที่ร.พ.พัทยา-เมโมเรียล ก่อนหน้าแล้ว ทราบชื่อต่อมาคือนายบุญเรือง สกุลมา อายุ 41 ปี

ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีบีอาร์ สีเหลือง-ดำ ทะเบียน คยพ 105 ชลบุรี ล้มคว่ำอยู่กลางถนน สภาพตัวรถด้านหน้าพังยับเยินเช่นกัน ข้างรถพบศพของนายแกวิน มานน์ อายุ 41 ปี สัญชาติอังกฤษ สวมเสื้อยืดแขนสั้น สีดำ นุ่งกางเกงขาสามส่วนลายพรางทหาร ที่ศีรษะสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีขาว สภาพศพนอนหงายตามร่างกายมีแผลถลอก โดยที่ลำคอพบถูกสายรัดหมวกกันน็อกบาดลำคอเป็นแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่ จนทำให้หลอดลมขาด นอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน โดยมีแฟนสาวยืนร้องไห้ด้วยความเสียใจอยู่ที่ริมทาง

จากการสอบสวนเบื้องต้นชาวบ้านในที่เกิดเหตุที่เห็นเหตุการณ์ ให้การว่า นายแกวินขี่รถจักรยาน ยนต์มาจากหน้าวัดบุญสัมพันธ์ด้วยความเร็วสูงและส่ายไปมาคล้ายอยู่ในอาการมึนเมาสุรา พอถึงจุดเกิดเหตุรถได้เสียหลักไปชนกับรถจักรยานยนต์ของนายบุญเรืองที่ขับสวนทางมา จนทำให้นายบุญเรืองบาดเจ็บสาหัส ส่วนนายแกวินกระเด็นหลุดกลิ้งไถลไปกับพื้นถนนเป็นระยะทางกว่า 500 เมตร ก่อนจะนอนแน่นิ่งอยู่กลางถนน เมื่อเข้าไปตรวจสอบก็พบว่าถูกสายล็อกของหมวกกันน็อกบาดเข้าที่ลำคอจนหลอดลมขาดและเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ทราบทันที

หลังสอบสวนเบื้องต้นและตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ทางเจ้าหน้าที่จึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ส่วนสาเหตุครั้งนี้คาดว่าน่าจะมาจากการเมาสุรา จนทำให้เกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว

นายเจษฤทธิ์ ดาวดวงสุข อายุ 24 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัย 73 หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา กล่าวว่า จากการตรวจสอบบาดแผลบริเวณลำคอของชาวต่างชาติที่เสียชีวิตมีบาดแผลขนาดใหญ่และมีสายรัดของหมวกกันน็อกรัดอยู่ จึงน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นายแกวินเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้นำศพส่งชันสูตรในเบื้องต้นที่ร.พ.บางละมุง และที่สถาบันนิติเวชวิทยา กรุงเทพฯ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างแท้จริงต่อไป

ด้านน.พ.ประสิทธิ์ กิตติวัฒน์พงศ์ ผอ.ร.พ.บาง ละมุงกล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการได้รับผลกระทบกระเทือนจากทางด้านสมอง และยังไม่พบว่ามีสายของหมวกนิรภัยหรือหมวกกันน็อกบาดคอจนทำให้เสียชีวิต สำหรับการเสียชีวิตของชาวต่างชาติรายนี้ทราบว่ามีบาดแผลขนาดใหญ่ที่บริเวณลำคอเพียงแห่งเดียว คงต้องรอการชันสูตรจากสถาบันนิติเวชวิทยายืนยันว่าสาเหตุการเสียชีวิตของชาวต่างชาติรายนี้มาจากสาเหตุใดกันแน่ต่อไป

วันเดียวกัน น.พ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อการเสริมสร้างความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงต้องตรวจสอบต่อไปว่าหมวกกันน็อกที่ใช้มีคุณภาพมาตรฐานหรือไม่ อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าประเด็นที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดความสูญเสียครั้งนี้อาจเป็นเพราะการสวมหมวกกันน็อกที่ไม่ถูกวิธี เนื่องจากปัจจุบันผู้ขับขี่ส่วนใหญ่แม้จะสวมใส่หมวกกันน็อกกันมากขึ้น แต่บางคนก็ยังใส่ผิดวิธี คือสวมหมวกกันน็อกที่หลวมเกินไป ไม่รัดสายรัดคางหรือรัดมั่วไม่ถูกวิธี เช่น รัดสายรัดหลวมเกินไป ไม่ปรับสายให้พอดีกับตัวเอง เป็นต้น โดยเฉพาะในเด็กจะพบมาก หากผู้ขับขี่สวมหมวกกันน็อกที่ไม่พอดี หลวมเกินไป ไม่รัดสายรัดให้ฟิตพอดีกับลำคอ เมื่อเกิดแรงปะทะจากอุบัติเหตุหมวกกันน็อกก็อาจไปห้อยอยู่ด้านหลังและมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกี่ยวกับวัตถุอื่นและบาดหลอดลมได้ แต่หากยึดพอดีกับหัวแม้จะกระแทกอย่างไรก็จะยังคงอยู่ในลักษณะเดิม

"นอกจากนั้นปุ่มล็อกที่ดีของหมวกกันน็อกก็ควรเป็นปุ่มล็อกสายคล้องรูปตัวดี แต่ปัจจุบันมักนิยมแบบปุ่มล็อกกดเปิด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้มาตรฐาน ปุ่มก็พังง่าย หรือหากขับมาด้วยความเร็วสูงก็อาจจะหลุดได้ง่าย ไม่ยึดกับหัวของผู้สวมใส่ ซึ่งก็ล้วนมีโอกาสทำให้เกิดเหตุไม่คาดคิดได้เช่นกัน ดังนั้นผมคิดว่าควรจะต้องระมัดระวังมากขึ้นในเรื่อง ของการสวมใส่หมวกกันน็อก" น.พ.อดิศักดิ์กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook