ปิ๋ม ซีโฟร์ กับบทบาทแม่เลี้ยงเดี่ยว ท้อจนนอนร้องไห้กอดลูกทุกวัน

ปิ๋ม ซีโฟร์ กับบทบาทแม่เลี้ยงเดี่ยว ท้อจนนอนร้องไห้กอดลูกทุกวัน

ปิ๋ม ซีโฟร์ กับบทบาทแม่เลี้ยงเดี่ยว ท้อจนนอนร้องไห้กอดลูกทุกวัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ทำเอาคนทั่วทั้งประเทศติดภาพเป็นนักร้องสาวเซ็กซี่ไปแล้ว สำหรับ "ชาลิภา รินรดามณี" หรือ "ปิ๋ม ซีโฟร์" แถมล่าสุดช่วงนี่ก็ดูเหมือนว่าหัวใจของเธอกำลังเป็นสีชมพู เพราะมีหวานใจนักฟุตบอลหนุ่ม "เงิน ชัยวัฒน์ ศุจินราธร" ที่อายุห่างกันถึง 22 ปี คอยดูแลจนหลายคนต้องแอบอิจฉา

แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ใครจะรู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาของเธอไม่ได้สวยหรู หรือราบรื่นอย่างที่ใครๆ คิด เพราะล่าสุด ปิ๋ม ซีโฟร์ ได้เปิดใจกับ Sanook! News ถึงเรื่องราวที่เคยผ่านมาให้ฟังว่า ตอนนี้เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวถึงสองคนมาโดยตลอด ยอมรับเคยท้อกับชีวิต จนต้องนอนร้องไห้กับลูกแทบทุกวัน

ตอนนี้หัวใจดูสดชื่นมาก ?
“ใช่ค่ะ ตอนนี้ก็มีความสุขดี เรารู้จักกันได้เพราะเมื่อต้นปีที่แล้วมีโอกาสได้ไปร้องเพลงที่สมาคมฟุตบอลแห่งชาติ เขาจัดงานปีใหม่จึงเชิญศิลปินไปร้องเพลง ทำให้เรามีโอกาสได้เจอน้อง ตอนแรกเราก็ร้องเอ็นเตอร์เทรนไปธรรมดา มีเชิญให้ขึ้นมาเต้นบ้าง แต่เขาเป็นนักฟุตบอลเตะบอลอย่างเดียว ก็ปฏิเสธตลอด แถมน้องคนนี้ยังหมุดโต๊ะเลย เราเห็นเลยไปกระชากเขามาเต้นด้วยกัน จากนั้นก็ห่างหายกันไปประมาณ 3-4 วัน เราก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ต่อมาน้องเขาก็ไปค้นหาในอินเตอร์เน็ตว่าเราเป็นใคร และเข้าไปส่องในไอจี ไปกดไลค์ ทำให้เราได้เริ่มรู้จักค่ะ”

เห็นว่าชอบทำบุญเหมือนกันด้วย ?
“ใช่ค่ะ จะชอบทำบุญทุกวันพระอยู่แล้ว น้องเขาก็ชอบทำบุญ วันแรกที่นัดเจอกันก็คือชวนกันไปทำบุญ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเราก็ได้ไปทำบุญด้วยกันทุกวันพระมาตลอดค่ะ”

 

คนโฟกัสที่อายุค่อนข้างจะห่างกัน กดดันไหม ?
“จริงๆ มันก็เป็นสิ่งที่ทุกคนมองได้นะคะ เพราะมันก็ห่างกันจริงๆ สิบปีนี่ก็ถือว่าเยอะแล้ว แต่นี่มันยี่สิบกว่าปี จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนน่าจะจับตาอยู่แล้ว เป็นพี่เองพี่ก็ตกใจเหมือนกันนะ น้องเขาก็ตกใจ เขาบอกตอนแรกนึกว่าพี่อายุสามสิบต้นๆ ไม่คิดว่าจะห่างมากขนาดนี้ แถมห่างไม่พอยังมีลูกอีกสองคนด้วย”

หลายคนนึกว่าเราจะเข็ดกับความรักไปแล้ว น้องคนนี้ชนะใจเราได้ยังไง ?
“เราตั้งใจว่าจะไม่มีใครแล้ว กับน้องคนนี้ก็ตั้งใจว่าจะไม่ใช่แฟน จะไม่ได้เป็นอะไรกัน เราคุยกันเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องกัน แต่มันมีอะไรที่คล้ายๆ กันเยอะมาก เลยคุยกันรู้เรื่อง และมาตกลงปลงใจกัน คือเราบังคับน้องให้มาเป็นแฟนตอนหลังค่ะ (หัวเราะ)”

ทางครอบครัวทั้งสองฝ่ายว่ายังไงบ้าง ?
“ลูกๆ พี่กับน้องก็เข้ากันได้ดีค่ะ ลูกชายคนโตอายุ 14 ปี จะอายุไล่เลี่ยกับพี่เขาหน่อย จะชอบเตะบอลเหมือนกัน เขาเห็นน้าคนนี้เป็นไอดอล ได้คุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเรื่องฟุตบอล ตัวแม่เองก็ดีใจค่ะ ส่วนครอบครัวของน้องเขา ก็มีโอกาสได้เจอคุณแม่แล้ว มีโอกาสได้เข้าไปกราบเมื่อตอนช่วงสงกรานต์ค่ะ ได้เจอญาติๆ ก็มีความสุขดีค่ะ น่ารักมาก”

ทั้งๆ ที่ชอบทำบุญ แต่คนจะไม่คุ้นภาพเราเข้าวัด ส่วนใหญ่จะติดภาพแนวเซ็กซี่มากกว่า ตรงนี้เรารู้สึกยังไง ?
“มันเป็นสิ่งที่ทุกคนมองเห็นได้อยู่แล้วนะคะ เพราะผลงานที่ผ่านมาทุกคนจะเสพแต่ภาพที่เดี๋ยวสั้น เดี๋ยวโป๊ แต่มันเป็นส่วนของการทำงาน แต่ในส่วนของภาพจริงแล้วถ้าใครได้ไปที่สภากาชาติ ศูนย์บริจาคโลหิตแห่งชาติ จะเห็น ปิ๋ม ซีโฟร์ อยู่ที่นั่น และทำงานที่นั่นมาทั้งหมด 17 ปีแล้ว”

“คือเรื่องการทำบุญเราตั้งใจไว้อยู่แล้ว เพราะเคยประสบอุบัติเหตุ ไม่ใช่สิ อุบัติรักต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต เราก็มานั่งตั้งคำถามกับตัวเองว่า ฉันไปทำอะไรให้ใคร ทำไมต้องมานั่งรับผลแบบนี้ ทำไมจะต้องเป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำอะไรให้ใคร เราก็ไปโทษชาติปางก่อน โทษบุญ โทษบาป ว่าชาติที่แล้วคงไปทำอะไรไว้แย่ๆ เลยต้องเจอแบบนี้ เพราะฉะนั้นชาตินี้ถ้ามีโอกาสได้ทำต้องรีบทำ เผื่อชาติหน้าได้เกิดขึ้นมาอีก จะได้ไม่ต้องทุกข์ ทรมาน ไม่ต้องมาโดนแบบนี้ เราจึงเพียรพยายามที่อยากจะทำ ใครให้ไปทำงานกุศลตรงไหนขอให้บอก ถ้าว่างไปทันที”

น้อยใจไหมตั้งใจทำความดีแต่คนไม่ค่อยจะเห็น ?
“มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว อย่างบนหน้าหนังสือพิมพ์ ถ้าเป็นความดีคนก็จะไม่ค่อยชอบอ่านเนอะ แต่ถ้าเป็นเรื่องอย่างว่าเรตติ้งจะดีจริงๆ มันเป็นเรื่องสัจธรรม ก็พยายามยอมรับ และทำใจมากๆ แต่ช่วงที่ทำใจก็จะผ่านมาด้วยน้ำตาเยอะเหมือนกัน แต่ต้องอดทนเพราะเราอยู่ตรงนี้ ใช้ชีวิตอยู่ตรงนี้ต่อไป ถือว่าทางที่ผ่านมาทำให้เราเข้มแข็ง เราถอยไม่ได้ เราชอบที่อยากจะอยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้นเราต้องทน ทนเพราะอะไร ก็เพราะลูก เราถอยไม่ได้ จะให้ไปทำอย่างอื่นก็คงจะทำไม่เป็น เลยต้องอดทนทำตรงนี้ต่อไปค่ะ”

 

ถามถึงเรื่องลูกทั้งสองคนบ้าง ตอนนี้เป็นยังไง ?
“ลูกคนโตก็ 14 ปีแล้วค่ะ กำลังเป็นหนุ่ม ส่วนคนเล็ก 6 ปี กำลังซน ค่าเทอมก็แพงมาก เพราะฉะนั้นหยุดไม่ได้สักวันเลยค่ะ ต้องทำงาน ต้องสู้ค่ะ เราพยายามจะทำในส่วนของแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดีเท่าไหร่เราไม่ทราบ แต่จะทำให้สุดค่ะ เพราะเลี้ยงลูกคนเดียว”

เหนื่อยไหมกับการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ?
“เหนื่อยอยู่แล้วค่ะ เพราะทำคนเดียว เป็นคนเดียวทุกอย่าง ทั้งพ่อ ทั้งแม่ หาเงินก็หาคนเดียว เลี้ยงก็เลี้ยงคนเดียว เหนื่อยค่ะ แต่เป็นหน้าที่แม่ ลาออกไม่ได้ ต้องเป็นไปทั้งชีวิต”

เราแบ่งเวลายังไง เพราะต้องทำงานหาเงิน และเลี้ยงดูลูกทั้งสองเอง ?
“ลูกคนโต 14 ปี พี่จะทำแบบนี้โดยตลอดตอนยังไม่มีคนเล็ก จะกระเตงลูกคนโตไปตามงาน จนคุณครูที่โรงเรียนถามว่าทำไมน้องขาดบ่อยจังเลย พี่ยอมให้น้องขาดเรียน ไม่ใช่ว่าการศึกษาไม่สำคัญนะ การศึกษาสำคัญ แต่พี่อยากอยู่กับลูก เลยต้องกระเตงไปทำงานด้วยตอนดึกๆ พอตอนเช้าลูกตื่นไม่ไหวก็ไม่เป็นไร แต่พอตอนหลังมีแฟนเราก็จะเหนื่อยหน่อยในการแบ่งเวลา มันต้องแลกกัน พอมีแฟนก็จะมีคนมาเติมเต็มอีกส่วนหนึ่ง เสาร์อาทิตย์ก็จะขออยู่กับลูกเต็มๆ ก่อน แฟนไว้ทีหลัง ก็จะประมาณนี้ค่ะ จะเหนื่อยๆ หน่อย ทำกับข้าวก็ทำให้ลูกกินเองสามมื้อ หากไม่มีเวลาจริงๆ ก็จะฝากให้คุณตาคุณยายช่วยทำ”

เคยมีอารมณ์ท้อกับชีวิตบ้างไหม ?
“ท้อทุกวันค่ะ ก็จะร้องไห้ (น้ำตาซึม) แล้วเดี๋ยวมันก็หายไป เราก็จะบอกกับตัวเองว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว ถ้าเกิดเจอปัญหาเยอะๆ พี่จะใช้คำว่า ช่าง... เดี๋ยวก็เช้าแล้ว แต่ถ้าได้อยู่กับตัวเองก็จะร้องไห้ค่ะ มันเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้ถ้าร้องไห้ก็จะร้องไห้กับแฟน จะบอกว่าเหนื่อยมาก ทำไมเป็นแบบนั้น ทำไมเป็นแบบนี้ พอได้ระบายเราก็จะจบแล้วหัวเราะได้ต่อ จะเหมือนคนบ้า (ยิ้ม)”

 

แล้วลูกเคยเห็นเราร้องไห้บ้างไหม ?
“ลูกคนโตจะเห็นพี่ร้องไห้ตั้งแต่ในท้องก็ว่าได้จนถึงตอนคลอดออกมา ไม่รู้ว่าผิดหรือถูกที่เวลามีอะไรจะเล่าให้ลูกฟัง แต่ในความคิดส่วนตัวพี่คือลูกคือเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับเรา เขาจะไม่ทรยศเรา พี่มีอะไร ลูกคนโตจะรู้เรื่องของพี่ทุกอย่าง ทำไมพี่ไม่เคยปิดบังเรื่องส่วนตัวให้ลูกฟัง บางคนบอกอย่าไปเล่านะ ลูกยังไม่พร้อมที่จะรับรู้เรื่องพวกนี้ ไม่จริง อย่างไปดูถูกเด็ก เด็กเขามีความคิด แยกแยะได้ ทำไมเขาไม่ต่อต้าน ที่ผ่านมาแม่มีใครมาแนะนำให้ลูกรู้จัก คือเล่าให้ลูกฟังหมด แม่เคยมีปัญหาอะไรมา นั่งร้องไห้กับลูกทุกวัน ถ้าจะไปเล่าให้คนอื่นฟังแทนได้ไหม ได้ แต่วันหนึ่งถ้าเขาไม่ชอบเราขึ้นมาแล้วเขาจะไปเล่าต่อไหม เราต้องคิดแบบนี้ไง แต่ลูกคือเขารับรู้ทุกอย่าง เขาจะได้ซึมซับว่าแม่เหนื่อยนะ กว่าแม่จะได้เงินมา กว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คือลูกคนโตจะรับบทหนักหน่อย (เสียงสั่น) เขาจะรู้ทุกอย่างดี”

มีคำพูดไหนของลูกที่พูดแล้วทำให้เรารับรู้ได้ว่านี่คือกำลังใจสำคัญของชีวิต ?
“คนโตจะไม่ค่อยพูดมาก แต่ตอนเด็กก่อนจะออกจากบ้านเขาจะลูบหัวแม่ ลูบลงนะคะ ขอให้แม่รวยๆ มีเงินเยอะๆ เขาอาจจะเห็นผู้ใหญ่ทำมาเลยทำบ้าง บางทีหากตอนนี้เราเจอปัญหามากๆ ก็จะไลน์ไประบายกับลูก เขาก็จะตอบมาว่า ครับ ซึ่งเราคิดในใจว่าช่วยพูดอะไรให้เยอะกว่านี้ได้ไหม (ยิ้ม) เขาจะไม่ค่อยพูดมากค่ะ จะบอกว่าแม่ก็อย่าร้องไห้แล้วกัน”

ถ้าให้นิยามของคำว่า ปิ๋ม ซีโฟร์ ที่เราตั้งให้ตัวเองว่าอะไร ?
“อดทน และต้องสู้ค่ะ”

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ ปิ๋ม ซีโฟร์ กับบทบาทแม่เลี้ยงเดี่ยว ท้อจนนอนร้องไห้กอดลูกทุกวัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook