140 ส.ส.เพื่อไทย เข้าชื่อเอาผิด ป.ป.ช.ตามม.157

140 ส.ส.เพื่อไทย เข้าชื่อเอาผิด ป.ป.ช.ตามม.157

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.ท..เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน และพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงยืนยันว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีและพล.อ.เชาวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ไม่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมหน้าตำรวจสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณหน้ารัฐสภา โดย ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า ในการรประชุมคระรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ คืนวันที่ 6 ตุลาคมที่ศูนย์บัญชาการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว สนามบินดอนเมือง ตนเองและพ.ต.ท.สมชาย และพล.ต.ศรชัย มนตริวัตร ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชนขณะนั้น ได้เข้าร่วมสงเกตุการณ์ประชุมเพื่อคอยทำหน้าที่ประสานงานตามคำเชิญของนายสมชายด้วย ที่ประชุมไม่มีการสั่งการใดๆ ให้สลายการชุมนุม เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการพูดคุยถึงการย้ายสถานที่ประชุมสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลในเช้าวันที่ 7 ตุลาคม โดยได้สอบถามไปยังนายชัย ชิดชอบ ประธานสภา แต่นายชัยตอบกลับมาว่าการแถลงนโยบายรัฐบาลต้องแถลงที่สภาเท่านั้น ไม่สามารถย้ายสถานที่ประชุมได้

ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า หลังประชุม ครม.นัดพิเศษแล้วเสร็จ ตนเองและพ.ต.ท.สมชาย ก็ได้ติดตามพล.อ.เชาวลิต ไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อตรูความพร้อมและหารือกับพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. โดยยืนยันว่าพล.อ.เชาวลิต ไม่ได้สั่งการใดๆ ให้ตำรวจสลายการชุมนุมเช่นกัน มีเพียงกำชับให้ตำรวจดูแลความสงบเรียบร้อย ดังนั้น การที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหานายสมชาย และพล.อ.เชาวลิต จึงเป็นการปฏิบัติมิชอบ ซึ่งตนเอง พ.ต.ท.สมชายและพล.ต.ศรชัย พร้อมเป็นพยานให้กับนายสมชายและพล.อ.เชาวลิต ส่วนบอกว่าตำรวจสลายแล้วมีคนเสียชีวิต เป็นการบิดเบือนข้อมูลเพราะสถานที่ทั้งสองคนเสียชีวิต ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ในบริเวณหน้ารัฐสภาแต่อย่างใด

ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีที่นายบัณฑิต รชตะนันทน์ อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ยื่นฟ้องร้องต่อ ป.ป.ช.กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ สืบเนื่องจากกรณีที่ชี้มูลความผิดนายสมชายซึ่งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมขณะนั้นและนายบัณฑิตรองปลัดกระทรวงยุติธรรมขณะนั้น ฐานไม่เก็บเงินค่าธรรมเนียมจากการขายทอดตลาดของศาลธัญญบุรี โดยปรากฏว่าเป็นการวินิจฉัยคนละเรื่องกับที่แจ้งข้อกล่าวหา ทำให้ผู้เสียหายไม่มีโอกาสต่อสู้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวส.ส.พรรคพลังประชาชน ได้เข้าชื่อเพื่อยื่นต่อปรานวุฒิสภาเพื่อส่งต่อให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาเอาผิด แต่ปรากฎว่าหลังจากที่พรรคพลังประชาชนถูกยุบ ได้มีส.ส.ที่ไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยถอนชื่อเป็นผลให้เรื่องตกไป

ดังนั้นผมและนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยพร้อมส.ส.ของพรรคจำนวน 140 คน ได้เข้าชื่อเพื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาอีกครั้ง ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ ตามรัฐธรรมนูญ ม.249 เพื่อให้ดำเนินการส่งคำร้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อพิจารณาความผิด ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ในความผิดตามกฎหมายอาญาม.157 เนื่องจากปฏิบัติหน้าทำหน้าที่โดยไม่ถูกต้อง รับใช้เผด็จการและจะมีส่วนสำคัญในการทำลายระบอบประชาธิปไตย จะปล่อยไว้ไม่ได้เพราะ ปปช.ทั้ง 9 คนจะทำให้บ้านเมืองวิบัติ และม.200 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 ม.125 โดยปฏิเสธว่าไม่ใช่การแก้แค้นหรือเอาคืนป.ป.ช.หลังชี้มูลความผิดนายสมชาย ร.ต.ท.เชาวริน กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook