9 พ่อแม่ดาราไม่สปอยด์ลูก ผลักดันสอนแบบฉบับครอบครัว

หลายคนอาจจะมองว่า "การเป็นลูกดารา" คงจะได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าใคร เพราะพ่อแม่สร้างบารมีไว้อย่างกว้างขวาง น่าจะเป็นใบเบิกทางให้โลดแล่นเข้าสู่วงการไหนๆ ก็ได้ ทำอะไรก็คงสะดวกไปหมด แต่คงไม่ใช่กับพ่อแม่ดาราทุกครอบครัว เพราะก็มีบางใหญ่ที่ไม่ได้เลือกที่จะผลักดันลูกๆ เข้าสู่วงการ แต่มองหาตามความสนใจของพวกเขาเองและและคอยผลักดันเสมอๆ

แนวความคิดการสอนลูกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนปลูกฝังความพอเพียงในการใช้ชีวิตในลูกแต่เล็กๆ บางคนอยากให้ลูกรู้สึกการบริหารจัดการเงินตั้งแต่ยังเด็ก หรือบางคนตั้งเป้าอยากให้ลูกมีเส้นทางที่ดีกับอาชีพตามความสนใจในอนาคต คนฐานะคนเป็นพ่อแม่ก็ทำได้เพียงสนับสนุนอยู่ใกล้ๆ และคอยดูลูกเจริญเติบโตและลุกยืนด้วยตัวเขาเอง...

เริ่มต้นด้วยคุณแม่ยังสวย "นุสบา ปุณณกันต์" ที่เลี้ยงดูลูกชาย "น้องปุณณ์" อย่างทะนุถนอม พร้อมกับวางรากฐานและแนะนำแนวทางให้ลูกชายเอาไว้อย่างมั่นใจ แต่ก็ล้วนแล้วแต่ความสนใจของลูกด้วย ทำให้เธอเลือกที่ผลักดันให้ น้องปุณณ์ เข้าเรียนเกี่ยวกับทางการแพทย์ ส่งไปศึกษาพื้นฐานด้านนี้ตั้งแต่ชั้นมัธยม ซึ่งเจ้าตัวก็ดูสนใจอยู่ไม่น้อย ถึงขั้นมีความรู้เบื้องต้น เคยวินิจฉัยโรคถูกต้องพบว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ ทำให้เส้นทางการแพทย์ของหนุ่มน้อยคนนี้สดใสพอสมควรเลยทีเดียว

"อ้อม พิยดา" จากนางเอกเจ้าบทบาทสู่ผู้จัดละครมือขึ้นของวงการบันเทิง อีกด้านหนึ่งก็การทำหน้าที่คุณแม่เต็มตัว ดูแลเลี้ยงดู "น้องนาวา" ลูกสาววัย 5 ขวบ ที่กำลังเจริญเติบโตและมองหาความชื่นชอบ เพื่อเป็นตัวกำหนดอนาคต นอกจากความสนใจด้านกีฬาอย่างเทควันโด ว่างเมื่อไหร่ก็สวมชุดออกมาฟิตซ้อมบ่อยๆ พอจะเห็นแววไม่น้อย ขณะเดียวกัน น้องนาวาก็มีแววเจริญรอยตามคุณแม่ มีโอกาสตามไปกองถ่ายเมื่อไหร่ ก็ใฝ่เรียนรู้งานต่างๆ ในกองละคร ตั้งแต่เสิร์ฟน้ำ..ยันเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ

แม้ว่าลูกสาวฝาแฝดจะเติบใหญ่ พอจะมีเส้นทางเป็นของตัวเองแล้ว "ตั๋ว ศรัณยู" ก็ไม่เคยที่จะสปอยด์ลูกๆ ให้ใช้บารมีความเป็นศิลปินคนดังของพ่อแม่ นำไปไต่เต้าสร้างอาชีพให้กับตัวเอง เพราะความสามารถที่แท้จริงต่างๆ หากคือหนทางของความสำเร็จ "ลูกหนุน-ลูกหนัง" ที่เหมือนจะถูกทาบทามในวงการบันเทิง ถึงแม้พ่อแม่ไม่ได้เห็นดีงาม ไม่อยากให้ลูกเข้าวงการนี้ด้วยซ้ำ เพราะห่วงชื่อพ่วงท้ายที่ว่า เป็นลูกตั๋ว ศรัณยู หากจะยืนอยู่ตรงนี้จริงๆ ก็ต้องมีความรับผิดชอบและมีความสามารถด้วยตัวเอง

ภาพลักษณ์ความเป็นรั้วของชาติ แม้อีกด้านหนึ่งคืองานในวงการบันเทิงและช่วยประชาสัมพันธ์ให้กองทัพ แต่ "ผู้พันเบิร์ด พัทโทวันชนะ" ก็ไม่ได้ตั้งหลักเกณฑ์ตายตัว ที่จะให้ลูกชายเพียงคนเดียว "น้องวิน" ต้องเป็นทหารหนักแน่นเจริญรอยตามพ่อแบบตายตัว แต่พ่อเบิร์ดเลือกที่จะปลูกฝังระเบียบวินัยแบบลูกผู้ชายและชายชาติทหาร เป็นรากฐานให้กับน้องวินในการใช้ชีวิตต่อไป หลายคนมองว่าเป็นการเลี้ยงลูกแบบทหาร แต่คงไม่ใช่เสมอไป เพราะนี่คือการสอนลูกให้รู้จักเกียรติของสุภาพบุรุษต่างหาก

ถึงคนจะมองว่าเธอเหมือนซินเดอเรลล่าในชีวิต ในชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ไปทุกๆ อย่าง แต่วิถีการเลี้ยงลูกของ "ตั๊ก บงกช" นั้นก็ไม่ต่างไปกับแม่ธรรมดาทั่วไป สาวตั๊กที่เลือกวิธีเลี้ยงลูกชาย "น้องข้าวหอม" แบบที่ชีวิตเคยผ่านมา เมื่อครั้งที่ แม่เล็ก เป็นคนฟูมฟักเลี้ยงดูเธอ ท่ามกลางชีวิตที่หรูหรามีความเพรียบพร้อม แต่เธอเลือกสอนให้ลูกได้รู้จักความพอเพียง สาวตั๊กให้ลูกได้คลุกคลีกับวถีเรียบง่าย ลงปฏิบัติพื้นที่จริง ข้าวเม็ดเดียวมาจากไหน ชาวนาต้องทำอย่างไร แนวคิดปลูกฝังเล็กๆ แบบนี้ ถือเป็นรากฐานที่เด็กควรรับรู้

การปลูกฝังเกี่ยวกับการใช้เงินก็สำคัญเช่นเดียวกัน แนวคิดของ "ฟลุค เกริกพล" ก็มีเหตุผลและรากฐานที่ดีที่มีกับลูกชาย "น้องอชิ" แม้ว่าคนอื่นอาจจะมองว่าฟุ่มเฟื่อยเกินไปก็ตาม แต่นั่นก็ถือเป็นการสร้างพื้นที่ในการบริหารจัดการเงินให้กับลูกตั้งแต่ยังเด็ก มีคนบอกว่าเขาให้เงินลูกเดือนละ 20,000 บาท แต่ในเงินจำนวนเท่านั้น ทำให้เด็กรู้จักอดออมเงิน และควรจัดสรรเงินอย่างไรให้เพียงพอต่อการใช้ในแต่ละเดือน หากบริหารได้มีประสิทธิภาพ ก็ทำให้มีเงินเก็บออมไว้ นำไปต่อยอดซื้อของชิ้นใหญ่หรือซื้อพอร์ตหุ้นลงทุนได้สบายเลย

เป็นเมนเทอร์จากในจอ แต่ก็เป็นแม่ในชีวิตจริง "ลูกเกด เมทินี" ที่ประกาศตัวชัดเจนเลยว่า เตรียมผลักดันให้ลูกชาย "น้องสกาย" กลายเป็นนักว่ายน้ำในอนาคต ปัจจุบันเธอกับครอบครัวย้ายไปอาศัยอยู่ จ.ภูเก็ต แม้ลูกจะมีความเป็นดาราหน่อยๆ แต่ดูเหมือนจะสนใจกีฬาว่ายน้ำ จึงเลือกที่จะผลักดันจุดนี้อย่างทุ่มเท ฝึกฝนให้ลูกมีวินัยให้การฝึกซ้อม หลอกล่อและฝืนใจให้ลูกมุ่งมั่นในกีฬาประเภทนี้ ด้วยการตั้วความหวังให้ลูกติดทีมชาติกีฬาว่ายน้ำในอนาคตเลยทีเดียว แม้ว่าอนาคตยังไม่แน่นอน แต่ก็ปลูกฝังด้านกีฬาครั้งนี้ ก็ทำให้ลูกเกดความหวังที่จะได้เห็นลูกชายเป็นนักกีฬา 

การเป็นคุณแม่ลูกชาย 3 คน..ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายๆ "ปิ่น เก็จมณี" ที่แทบจะผันตัวเป็นคุณแม่เต็มตัว เลี้ยงดูลูกๆ กระทั่งตอนนี้เติบใหญ่ พอจะยืนด้วยตัวเองได้แทบทุกคนแล้ว บ้านหลังนี้ไม่ได้กำหนดหลักตายตัวว่า ลูกคนนั้น..อนาคตต้องเป็นอะไร เพียงแต่ต้องอยู่ในโอวาทและกฎเกณฑ์ของครอบครัวที่ตั้งเอาไว้ 3 ข้อหลักๆ ห้ามแย่งของ, ห้ามแย่งกิน, ห้ามแย่งผู้หญิง เป็นกฎที่ให้จำไว้ตั้งแต่เล็ก การเติบโตแบบผู้ชายๆ ทำให้ต้องปลูกฝังเรื่องความอดทนอดกลั้นเป็นพิเศษ กลายเป็นภูมิต้านทานที่ดี เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตในสังคมอย่างสุภาพบุรุษ

"ดู๋ สัญญา" เป็นอีกคนดังที่ไม่ได้ใช้ความประสบความสำเร็จของตัวเอง ผลักดันให้ลูกชาย "น้องเอม" มีสิทธิพิเศษใดๆ ในการใช้ชีวิตในสังคม แต่เขาสอนให้ลูกรู้จักยืนอยู่ในสังคมด้วยตัวเองเสมอๆ โดยเฉพาะแนวคิดให้ลูกออกไปหาประสบการณ์ในเวลาว่า ออกไปหางานพาร์ทไทม์รับจ้างทั่วไป เพื่อเรียนรู้ในสายอาชีพต่างๆ และคุ้นเคยกับคนทุกอาชีพ ทั้งพนักงานโรงแรมไปจนถึงเด็กเสิร์ฟอาหาร และฝึกให้เผชิญกับสิ่งที่คนหาเช้ากินค่ำต้องเจอ เป็นการฝึกความอดทนอดกลั้น และรู้จักการเป็นผู้ให้บริการกับผู้อื่น

ภาพจากอินสตาแกรม @nusbapunnakanta @aomphiyada @sitalawongk @suparawongk @bong_kod_tak @fluke777 @metinee @kejmanee @sanyakunakorn