มิเชลไคลน์จับหนุ่มน.ศ.จบใหม่ เพิ่มไลน์สินค้าจากต่างประเทศ กระตุ้นยอดขายโต10%
แบรนด์สร้างชื่อในเวทีโลกเพิ่มขึ้น เดินหน้านำเข้าสินค้าโดยตรงและแตกไลน์สินค้าผู้ชายเพิ่ม มุ่งจับนักศึกษาจบใหม่และหนุ่มเริ่มทำงานผู้รักการแต่งตัว
นางรมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายสตรี บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ว่า บริษัทจะมีการปรับภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นแบรนด์มิเชล ไคลน์ (MK MICHEL KLEIN) ให้มีภาพลักษณ์เช่นเดียวกับสินค้าในต่างประเทศ หลังจากที่นายมิเชล ไคลน์เจ้าของแบรนด์ซึ่งเป็นดีไซเนอร์ฝรั่งเศสได้มีผลงานในเวทีแฟชั่นระดับโลกจำนวนมาก
โดยในปีนี้บริษัทยังจะเพิ่มไลน์สินค้าจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย จากเดิมที่ได้มีการนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายเพียงเล็กน้อย และมีจุดจำหน่ายเพียงแห่งเดียวที่ห้างโตคิว เนื่องจากสินค้าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี บริษัทจะเพิ่มจำนวนสินค้านำเข้ามาเพิ่มอย่างน้อย 20% และจะมีการนำแบบจากต่างประเทศเข้ามาผลิตสินค้าด้วยอีกส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกันจะมีการขยายจุดจำหน่ายสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นในห้างหลักๆ ที่มีศักยภาพ
นางรมิดา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันแบรนด์มิเชล ไคลน์มีจุดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าอยู่ประมาณ 55 แห่ง ซึ่งบริษัทก็จะมีการปรับภาพลักษณ์เคาน์เตอร์ใหม่ให้มีความทันสมัย และเป็นสไตล์เดียวกับต่างประเทศ ในส่วนการทำตลาดในเบื้องต้นยังไม่มีแคมเปญพิเศษ แต่จะมีการนำสินค้าเข้าไปสนับสนุนในรายการโทรทัศน์ การถ่ายแฟชั่น รวมถึงการเข้าเป็นผู้สนับสนุนการประกวดเวทีมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส
เบื้องต้นบริษัทเตรียมงบประมาณ 15 ล้านบาทในการทำตลาด การปรับภาพลักษณ์สินค้าและการปรับจุดจำหน่าย ซึ่งปีนี้คงไม่มีแคมเปญอะไรพิเศษ ต้องรอให้การปรับภาพลักษณ์สินค้านิ่งก่อน ซึ่งแบรนด์มิเชล ไคลน์จะมีสินค้าอยู่ 3 กลุ่ม บริษัทนำเข้ามาในส่วนของกลุ่มสินค้าชุดทำงานในระดับกลาง ราคาตั้งแต่ 3,000 - 4,000 บาท ส่วนที่ผลิตในประเทศก็มีราคาตั้งแต่ 1,400 - 4,000 บาท นางรมิดา กล่าวและว่า
สำหรับผลประกอบการในรอบปีที่ผ่านมา แบรนด์มิเชล ไคลน์มียอดขายประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งรายได้เติบโตแบบทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าในปีนี้มีอัตราการเติบโตประมาณ 10% จากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งในปีนี้บริษัทยังมีแผนเพิ่มสินค้าในกลุ่มผู้ชาย ในแบรนด์มิเชล ไคลน์ ออม (MK MICHEL KLEIN HOMME) เข้ามาทำตลาด จากปัจจุบันมีกลุ่มสินค้าแนวเทรนดี้ที่รักการแต่งตัว จำหน่ายที่ห้างอิเซตันแล้ว 1 แห่ง
โดยสินค้ากลุ่มผู้ชายที่จะเข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้นนั้น จะเป็นกลุ่มสินค้าชุดทำงาน ราคาเฉลี่ย 3,000-4,000 บาท สำหรับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ และจะมีสินค้าบางส่วนที่นำแบบจากต่างประเทศเข้ามาผลิตภายในประเทศ ซึ่งจะทำให้ราคาถูกลง ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นนักศึกษาจบใหม่ และผู้กำลังเข้าสู่วัยทำงานตอนต้น อายุ 25 ปีขึ้นไป ในเบื้องต้นจะมีจุดจำหน่าย 10 แห่งในห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป้าหมายเบื้องต้นนั้นคาดหวังว่าจะมียอดขายคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15-20% ของรายได้รวม
