ตร.ระบุซิมมือถือจุดบึ้ม ซื้อที่สุราษฎร์ ไม่ปักใจเอี่ยวคนเพื่อไทย ชี้แบบระเบิดมืออาชีพกว่า3จว.ใต้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการลอบวางระเบิดทั้ง 4 จุด ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ว่าดูลักษณะแล้วน่าจะเป็นการลดความน่าเชื่อถือของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี
ส่วนที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เปิดเผยภายหลังประชุมเร่งด่วนร่วมกับ พล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รอง ผบช. และ พล.ต.ต.เทศา ศิริวาโท ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และหัวหน้าสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่วิทยาการเขต 42 และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิด ตชด.41 เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมาว่า มีการประเมินเหตุการณ์ โดยนำภาพถ่ายจุดเกิดเหตุทั้ง 4 จุด และภาพส่วนประกอบวัตถุระเบิดมาวิเคราะห์เหตุ สรุปได้ว่า เหตุพบระเบิดทั้ง 4 จุด เป็นฝีมือกลุ่มเดียวกัน และมีความชำนาญประกอบวัตถุระเบิดเป็นอย่างดี ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนพบผู้ซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ รวมถึงการใช้งานโทรศัพท์ โดยใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า ตำรวจได้หลักฐานตัวอย่าง ดีเอ็นเอ และหลักฐานสำคัญบางอย่างที่มีผลต่อคดี รวมทั้งกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้อง มั่นใจจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานถึงผู้ก่อเหตุได้ ส่วนสาเหตุเชื่อว่าเป็นการวางแผนดิสเครดิตรัฐบาล และสร้างสถานการณ์เพื่อสร้างความวุ่นวาย เนื่องจากมีการปราบปรามยาเสพติดอย่างหนัก
ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม ตำรวจทุกพื้นที่จังหวัดในภาค 8 ให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดตลอด 24 ชั่วโมง เน้นการตรวจรถยนต์เป็นหลัก เพื่อป้องการการก่อเหตุซ้ำซ้อนและเน้นพิเศษในแหล่งท่องเที่ยว ทั้งคลังน้ำมัน โรงไฟฟ้า สถานีขนส่งต่างๆ เกรงจะลอบสร้างสถานการณ์ซ้ำซ้อน พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า การสืบสวนทางลึกของตำรวจพบว่า หมายเลขโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้เตรียมจุดชนวนระเบิดซื้อจากร้านค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี แต่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะเป็นคนในพื้นที่ แต่อาจซื้อซิมการ์ดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ นอกจากนี้พบว่า คนร้ายมีการวางแผนเตรียมการล่วงหน้าถึง 4 วัน เพราะมีหลักฐานเชื่อมโยงถึงผู้ติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว
เวลา 11.30 น. ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 417 สุราษฎร์ธานี พ.อ.อำนาจ อนันต์ เจ้าหน้าที่ประจำ กอ.รมน.จังหวัดสุราษฎร์ธานี นำคณะผู้เชี่ยวชาญด้านตรวจเก็บพยานหลักฐานและตรวจสอบวัตถุระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย นายภานุวัฒน์ นิรัตติศกุล เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และ ร.ท.ทนง ฤกษ์อาวรณ์ หัวหน้าชุดทำลายล้างวัตถุระเบิด ค่ายเทพกษัตรี-ศรีสุนทร กองทัพภาค 4 เข้าตรวจสอบวัตถุระเบิดของกลางบรรจุถังดับเพลิงดัดแปลง ขนาดจุ 5 ก.ก.จำนวน 2 ลูก ที่ยึดได้ริมถนนชนเกษม (สุราษฎร์-นาสาร) ฝั่งขาเข้าตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ซึ่งยังมีสภาพสมบูรณ์ต่อการตรวจสอบและยังไม่ได้ถูกทำลายจากการเก็บกู้ เพียงแต่วงจรโทรศัพท์ มือถือได้ถูกเด็กวัยรุ่นสติไม่สมประกอบที่ไปพบก่อนได้ถอดเก็บไป ส่วนอีก 3 ลูกที่พบก่อนหน้านี้ได้เสียสภาพวัตถุถูกทำลายระหว่างการเก็บกู้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้เชี่ยวชาญด้านตรวจเก็บพยานหลักฐานและตรวจสอบวัตถุระเบิดชุดดังกล่าว มีการตรวจพิสูจน์ลักษณะของสารประกอบ และวิธีประกอบวัตถุระเบิดอย่างละเอียด รวมทั้งเก็บตัวอย่าง เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับการก่อเหตุของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ผลการตรวจพบว่า สารประกอบภายในถังดับเพลิง ประกอบด้วย สารอิโมเลค (เพาเวอร์เจล) น้ำมันโซลาร์กับปุ๋ยยูเรีย เชื้อประทุ 2 ตัว และสายไฟต่อวงจร ซึ่งลักษณะการต่อวงจรระเบิดที่พบใน จ.สุราษฎร์ธานี มีความเป็นมืออาชีพกว่าและแตกต่างจากการประกอบระเบิดของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะมีส่วนประกอบของตะปูและเศษเหล็กอยู่ด้วย แต่ที่พบไม่มี และผู้ประกอบระเบิดชุดนี้มีความประณีตและความชำนาญมากกว่า
เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมตำรวจภูธร จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.เทศา ศิริวาโท ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อม พล.ต.ต.สฤษฏ์ชัย อเนกเวียง ผบก.วิทยาการภาค 4 และเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และชุดทำลายล้างวัตถุระเบิด ค่ายเทพกษัตรี-ศรีสุนทร กองทัพภาคที่ 4 ได้ประชุมร่วมกันอีกครั้ง มีการประมวลผลตรวจสอบและสรุปผลการตรวจพิสูจน์ และมีการแบ่งหน้าที่ทำงาน โดยเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ ได้ขอชิ้นส่วนวงจรอิเล็กทรอนิกส์ประกอบวงจรโทรศัพท์มือถือสำหรับใช้จุดชนวนทางไกลสั่งการให้ระเบิดทำงาน เพื่อนำไปประกอบวิเคราะห์ดูระบบการทำงานว่า มีลักษณะการใช้งานเช่นเดียวกับในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนหรือไม่ ขณะเดียวกันในส่วนชุดทำลายล้างวัตถุระเบิด ค่ายเทพกษัตรี-ศรีสุนทร กองทัพภาคที่ 4 จะนำข้อมูลและแยกสารเคมีการประกอบภายในวัตถุระเบิด ไปศึกษาเปรียบเทียบเช่นกัน
เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด กก.ตชด.ที่ 41 ชุมพร กล่าวว่า วัตถุระเบิดทั้ง 4 จุดที่พบในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี มีลักษณะการทำงานได้ 3 วิธี 1.ใช้วิธีการสั่งงานโดยการจุดชนวนทางไกลผ่านโทรศัพท์มือถือ 2.ใช้วงจรโทรศัพท์มือถือเป็นนาฬิกาตั้งเวลาทำงานให้ระเบิด และ 3.ใช้พลังความร้อนจากแผงโซลาร์เซลล์ดูดความร้อนให้สารเคมีในวัตถุระเบิดเกิดปฏิกิริยาทำงานเกิดระเบิดได้เช่นกัน ซึ่งแม้ว่า วัตถุระเบิดบางลูกไม่มีเครื่องโทรศัพท์มือถือ แต่ระเบิดสามารถทำงานได้เช่นกัน
ข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ ตำรวจในพื้นที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดการกระทำผิดกฎหมายจราจร และตรวจค้นจับกุมยาเสพติดอย่างหนัก โดยได้มีการตรวจยึดรถจักรยานยนต์หลายคันของวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ ซึ่งเป็นเด็กวัยรุ่นนักศึกษา สถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ขุนทะเล อ.เมือง ที่ขับรถมาตามเส้นทางถนนชนเกษม (สุราษฎร์-นาสาร) มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ซึ่งหลังจากยึดรถแล้วได้ปล่อยวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวเดินเท้ากลับที่พักเป็นระยะทางเกือบ 3 ก.ม. สร้างความไม่พอใจให้วัยรุ่นกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก