บุกปล้นบ้านเจ้าของรง.ผลิตชิ้นส่วนตู้เซฟ

บุกปล้นบ้านเจ้าของรง.ผลิตชิ้นส่วนตู้เซฟ

บุกปล้นบ้านเจ้าของรง.ผลิตชิ้นส่วนตู้เซฟ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คนร้ายบุกเดี่ยวควงปืนปล้นบ้านเจ้าของโรงงานผลิตชิ้นส่วนตู้เซฟ ได้เงินสดไปกว่า 100.000 บาท

(20มี.ค.) เวลา 02.30 น. ร.ต.อ.สมบัติ สืบศรี ร้อยเวร สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกจี้ชิงทรัพย์บ้านเลขที่ 751-752 หมู่ 6 ถนนเทพารักษ์หลักกิโลเมตรที่ 6 ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ กวาดเงินสด 1 แสนบาท ก่อนที่จะใช้อาวุธปืนจี้บังคับจับตัวบุตรสาววัย 31 ปี ให้ขับรถพาหนี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ. ภวัต พรมมะกฤต รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผกก.สภ.สำโรงเหนือ พ.ต.ต.ประเสริฐ บัวขาว สว.สส. กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุได้พบว่าเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นครึ่ง 2 คู่หา ด้านหลังดัดแปลงเปิดเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนตู้เซฟ ด้านล่างเปิดเป็นสำนักงาน ได้พบร่างของนาง รัตนาพร แซ่ลือ อายุ 54 ปี ที่ปากถูกมัดด้วยผ้าเช็ดตัวสีชมพู มือทั้งสองข้างถูกมัดด้วยผ้าเอามือไขว้หลัง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าให้การช่วยเหลือ จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุโดยละเอียดได้พบว่าที่บริเวณช่องระบายอากาศภายในห้องน้ำชั้นที่สองถูกคนร้ายงัดเอากระจกออกมีร่องรอยของคนร้ายปีนเข้ามา

ขณะเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ นางสาว เสาวนีย์ พันธุ์พงศ์ศิริ อายุ 31 ปี ได้ขับรถยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นยาริส สีเทา ทะเบียน สษ-24 กทม.กลับเข้ามาด้วยอาการตกใจหน้าซีดตัวสั่น พร้อมทั้งบอกว่าถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ขับรถไปส่งที่ริมถนนเทพารักษ์ ปากซอยเทพานิเวศย์ 4 หมู่ 1 ต.เทพารักษ์ ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 2 กม. ก่อนจะวิ่งหนีไปในความมืด จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการเข้าตรวจเก็บรายนิ้วมือแขวงของคนร้ายเอาไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวน นางรัตนาพร แซ่ลือ อายุ 54 ปี ได้ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนและลูกสาวกำลังนอนหลับอยู่ภายในห้องนอนชั้นที่ 2 ได้มีคนร้ายเป็นชายรูปร่างผอมสูงประมาณ 170 เซนติเมตร สำเนียงคล้ายคนทางภาคอีสาน ใส่กางเกงยีนส์ขายาว เสื้อแขนยาวสีดำ สวมหมวกไหม้พรมสีดำปกปิดใบหน้า ได้เปิดประตูห้องนอนของตนเข้ามาและใช้อาวุธปืนแบบแม็กกาซีนไม่ทราบขนาดสีดำ ออกมาจี้ที่หัวของตน พร้อมทั้งบอกกับตนว่า ขอเงินใช้สักสองแสน

แต่ตนปฎิเสธโดยบอกว่าไม่มี คนร้ายไม่เชื่อ และได้บังคับให้ นางสาว เสาวนีย์ บุตรสาวตนไปหาผ้ามามัดปิดปากตนและมัดมือทั้งข้างไขว้หลัง พร้อมขู่ว่า หากไม่ให้เงินจะยิงให้ตายทั้งแม่และลูก ด้วยความกลัวบุตรสาวตนจึงบอกว่าเงินอยู่ที่โต๊ะบัญชีชั้นล่าง คนร้ายจึงได้ใช้ปืนจี้ที่ศีรษะตนบังคับให้บุตรสาวตนมาหยิบเงินที่ตนเพิ่งเบิกมาเมื่อวานนี้จำนวน 1 แสนบาทให้

หลังจากคนร้ายได้เงินแล้วได้ใช้ปืนจี้บังคับให้บุตรสาวตนให้ขับรถพาหลบหนี ด้วยความกลัวบุตรสาวตนจึงได้ขับรถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า ยารีส สีเทาทะเบียน สษ-24 กทม. พาคนร้ายหลบหนี

โดย น.ส.เสาวนีย์ ได้ให้การต่อว่า ในระหว่างทางตนได้บอกกับคนร้ายว่า สายตาของตนสั้นไม่ได้ใส่คอนแทรกเลน ทำให้มองทางไม่ค่อยเห็นขับรถไปไกลไม่ได้ และให้คนร้ายคอยบอกทางให้ หลังจากที่ตนขับรถมาได้ประมาณ 2 กิโลเศษ คนร้ายได้บอกให้ตนกลับรถ และหาที่มืดจอดข้างทาง ตนกลับรถมาถึงปากซอยเทพานิเวศย์ 4 ตนได้จอดรถคนร้ายได้รีบเปิดประตูลงจากรถและวิ่งหลบหนีเข้าไปในความมืด ตนจึงรีบขับรถกลับมาที่บ้านด้วยความเป็นห่วงแม่

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนที่เคยเข้าออกบ้านหลังดังกล่าวมาก่อนจึงทราบว่าที่บริเวณช่องระบายอากาศในห้องน้ำชั้นที่สองไม่มีเหล็กดัดมีเพียงกระจกปิดเอาไว้เท่านั้น คนร้ายจึงได้ใช้เป็นช่องทางในการปีนเข้ามาในบ้านก่อนลงมือก่อนเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้เร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook