3 ห่วง 2 เงื่อนไข หัวใจ เศรษฐกิจพอเพียง

3 ห่วง 2 เงื่อนไข หัวใจ เศรษฐกิจพอเพียง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คมชัดลึก : วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2552 รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ จะปล่อยเงินจำนวน 21,200 ล้านบาท ที่จัดสรรจากเงินงบประมาณปี 2552 จำนวน 6,000 ล้านบาท กับงบรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2552 อีก 15,200 ล้านบาท ไปยังชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ 82,000 ชุมชน ตาม โครงการเศรษฐกิจ พอเพียง เพื่อยกระดับชุมชน หรือที่รัฐบาลเรียกสั้นๆ ว่า ชุมชน พอเพียง วัตถุประสงค์ก็เขียนไว้อย่างสวยหรู เหมือนโครงการอื่นๆ ที่รัฐบาลหรือหน่วยงานราชการใช้อ้างเพื่อเบิกเงินไปใช้ ผมจึงไม่ขอพูดถึงให้เปลืองเนื้อที่ครับ

แต่ที่ต้องพูดถึงเพราะไม่เห็นด้วยหลายเรื่อง โครงการนี้ จะว่าไปแล้วก็คือ การนำเอาข้อผิดพลาดของโครงการ เอสเอ็มแอล ที่รัฐบาลก่อนเคยทำไว้ มาปัดฝุ่น เปลี่ยนชื่อ และวางข้อแม้ใหม่ให้ดูรัดกุมขึ้น

ต้องไม่ลืมนะครับว่า โครงการที่ว่านี้ ไม่ว่าจะใช้ชื่ออะไรก็ตาม วัตถุประสงค์เหมือนกันคือ เป็นเงินที่รัฐบาลยกให้ชาวบ้านในชนบทแบบให้เปล่า ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ กับรัฐบาลทั้งสิ้น ของพรรค์นี้ชาวบ้านร้านตลาดย่อมชื่นชอบเป็นธรรมดา คือจู่ๆ เหมือนถูกหวยโดยไม่ต้องซื้อ จึงน่าจะเรียกว่า โครงการส้มหล่น จะเหมาะกว่า

รัฐบาลบอกว่า หลังจากให้เงินไปแล้ว แต่ละชุมชนต้องสร้างความสุขมวลรวมชุมชน (Gross Community Happiness : GCH) ตามที่กำหนดไว้ หากสามารถทำให้แต่ละชุมชนมีความสุข มีความ พอเพียง จนสามารถวัดผลผลิตภัณฑ์มวลรชุมชนทั่วประเทศ (Gross Community Product : GCP) ได้ก็ถือว่าผ่าน-ขออภัยนะครับที่งวดนี้มีภาษาต่างด้าวปนอยู่ด้วย

หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ดีซิครับ แต่ที่ผมอดห่วงไม่ได้ก็คือ ชาวบ้านในชุมชนทั้ง 82,000 แห่งตามเป้าหมายนั้น มีความเข้าใจในปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง กันมากน้อยแค่ไหนหรือ จึงจะก้าวไปสู่จุดนั้นได้ นี่ผมไม่ได้ดูแคลนชาวบ้านว่าขาดความเข้าใจในปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง ไปเสียทั้งหมดนะครับ แม้แต่ชาวเมืองเองก็เหอะ จะมีสักกี่คนกันที่เข้าใจปรัชญาดังกล่าวอย่างถ่องแท้

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสให้ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ของพระองค์อยู่อย่าง พอเพียง มากว่า 25 ปี ด้วยการใช้ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข เป็นหลักยึดในการดำรงชีวิต ซึ่ง 3 ห่วงก็คือ พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน กับ 2 เงื่อนไขคือ ใช้ความรู้ และ ความมีคุณธรรม เพื่ออยู่อย่างไม่เดือดร้อน

แต่วันนี้ รัฐบาลกำลังนำเงินไปแจกชาวบ้าน ชุมชนละแสนสองแสนสำหรับชุมชนขนาดเล็ก ไปจนถึงหกเจ็ดแสนสำหรับชุมชนขนาดใหญ่ โดยกำหนดว่าให้นำเงินจำนวนนั้นไป 1.รองรับผู้ด้อยโอกาสและผู้ว่างงานในชุมชนให้สามารถพัฒนาไปสู่ความพออยู่ พอกิน พอใช้ ซึ่งเป็นเป้าหมายขั้นต้นของหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง 2.สนับสนุน ส่งเสริมการลดต้นทุนและปัจจัยการผลิตด้านต่างๆ เพื่อเพิ่มการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า 3.สนับสนุนและส่งเมการใช้และการอนุรักษ์พลังงานหรือพลังงานทดแทน หรือพลังงานทางเลือก และ 4.สนับสนุนและส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติ และ ฯลฯ ด้วยการใช้ภาษาที่อ่านแล้วชวนเวียนหัว

ผมไม่เห็นด้วยจริง ๆ ที่รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ ฉกฉวยเอาคำว่า เศรษฐกิจ พอเพียง ของในหลวงมาใช้เพียงเพื่อหวังผลทางการเมืองเท่านั้น เพราะสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำนั้นสวนทางกับ หัวใจเศรษฐกิจ พอเพียง นะครับ

การแจกเงินให้ชาวบ้านในยามที่ทุกคนขัดสนนั้น ก็ไม่ต่างไปจากรัฐบาลเอาปลาไปแจกให้ชาวบ้านในยามที่ทุกคนกำลังหิวโหยนั่นแหละ แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ ทำไมรัฐบาลจึงไม่สอนชาวบ้านทุกคนใน 82,000 ชุมชน ให้รู้จักวิธีจับปลาไว้กินเองไปพร้อมๆ กันด้วยล่ะครับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง เลาะรั้วท้องถิ่น (ศุกร์ที่ 20 มี.ค. 52) จำแนกกล้วยไม้จากผลปฏิบัติของคนในสังคม (จบ) ติวเข้ม 935หลักสูตรกว่า 2.5 หมื่นจุดทั่วไทย รอบรั้วเกษตร (พฤหัสบดีที่ 19 มี.คง 52) ทีวีหรรษา (พฤหัสบดีที่ 19 มี.ค. 52)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook