ดีเอสไอหิ้วกระเป๋าใส่แบงก์พันแน่นโชว์นักข่าว หลังรวบญาติสนิทขุนส่า3คน พร้อมอายัดทรัพย์กว่าร้อยล้าน

ดีเอสไอหิ้วกระเป๋าใส่แบงก์พันแน่นโชว์นักข่าว หลังรวบญาติสนิทขุนส่า3คน พร้อมอายัดทรัพย์กว่าร้อยล้าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ดีเอสไอเจ๋ง ร่วมมือมะกัน ส่งสายลับแฝงตัวเข้าองค์กรค้ายาเครือข่ายขุนส่า จนรวบญาติราชายาเสพติดได้3คน พร้อมอายัดทรัพย์กว่า100ล. ตะลึงเจอแบงก์พันเต็มกระเป๋าเดินทาง รมว.ยธ.คุยไม่ต้องฆ่าตัดตอน

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ นายแอนดริว เคลลัม (Mr.Andrew Kellum) เจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (DEA.) ประจำกรุงเทพฯ ร่วมกันแถลง ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ถึงผลการนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายใน จ.นครสวรรค์ เชียงราย เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ จับกุมนายพีรยุทธ์ แพศย์ศกล นายชาญณรงค์ มูเซอ หรือเกษมทัศน์ และนายวิชาญ สุถิพรรณ์ เครือญาติของขุนส่า ราชายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมอายัดทรัพย์กว่า 100 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ได้เปิดตู้เซฟที่ยึดจากบ้านของผู้ต้องหาให้ชมด้วยพบว่าภายในมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่บรรจุธนบัตรใบละ 1,000 บาทไว้เต็มกระเป๋า และยึดทรัพย์สินเป็นนาฬิกาข้อมือ เครื่องประดับ และรถยนต์ยี่ห้อหรูอีกหลายคัน รวมถึงอาวุธปืนลูกซองยาว 2 กระบอก

พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ได้รับการร้องขอจากดีอีเอ ให้สืบสวนองค์กรอาชญากรรมเกี่ยวกับยาเสพติดและฟอกเงิน โดยสมาชิกขององค์กรตั้งโรงงานผลิตยาเสพติดในประเทศพม่า ใกล้ชายแดนไทย เพื่อผลิตยาเสพติดประเภทเฮโรอีน ยาบ้า และยาไอซ์ มีกองกำลังทหารว้าแดงคุ้มครองและลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จีน ลาว กัมพูชา เวียดนาม แล้วส่งต่อประเทศฟิลิปปินส์ แคนาดา และสหรัฐอเมริกา

องค์กรดังกล่าวมีประวัติเป็นเครือญาติของขุนส่า ราชายาเสพติดรายใหญ่ของโลก ดีเอสไอจึงส่งสายลับเข้าแฝงตัวในองค์กรค้ายาเสพติด พบว่าสมาชิกขององค์กรนี้ คือ นายวิชาญ สุถิพรรณ์ และนายชาญณรงค์ มูเซอ ซึ่งเป็นเครือญาติของขุนส่า โดยบิดาของนายวิชาญและนายชาญณรงค์ เคยถูกจับกุมข้อหายาเสพติดเมื่อ 19 ปีที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ระหว่างพักการลงโทษ

พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าวอีกว่า นายชาญณรงค์เคยมีประวัติถูกจับกุมและดำเนินคดีที่สหรัฐ ข้อหานำเฮโรอีนเข้าสหรัฐ และเพิ่งพ้นโทษมากระทำผิดซ้ำอีก นอกจากนี้ สายลับที่เข้าไปแฝงตัวอยู่ในองค์กร เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานพบว่าสมาชิกคนสำคัญ คือ นายพีรยุทธ์ แพศย์ศ อยู่ในระดับผู้ผลิตและนักค้ารายใหญ่ โดยทั้ง นายชาญณรงค์ นายพีรยุทธ์ และนายวิชาญ ร่วมกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหลายครั้ง มีการนำข้อมูลจากการสืบสวน ไปประสานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงิน ทั้งประสานข้อมูลที่เชื่อมโยงไปยังนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในเรือนจำจากกรมราชทัณฑ์

จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่าผู้ต้องหากับพวก ได้สมคบกันค้ายาเสพติดและฟอกเงินจึงนำหมายจับเข้าจับกุม นายพีรยุทธ์ แพศย์ศกล ที่บ้านเลขที่ 216 หมู่ 8 ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย ชั้นจับกุมนายพีรยุทธ์สารภาพว่าจำหน่ายเฮโรอีนและยาไอซ์ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน โดยจำหน่ายยาเสพติดน้ำหนักรวมกว่า 750 กิโลกรัม สำหรับนายชาญณรงค์ จับกุมที่บ้านเลขที่ 270 หมู่ 5 หมู่บ้านสินธนา ต.สันพระเนตร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และจับกุมนายวิชาญ ที่บ้านเลขที่ 183/2 ซอยปลูกจิตต์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ได้อายัดทรัพย์สินรวมเป็นจำนวนเงิน 117,566,905 บาท

ผู้สื่อข่าวถามถึงหลักฐานสำคญที่ระบุถึงการเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ดีเอสไอตรวจสอบพบบันทึกการสนทนาและเอกสารต่างๆ ซึ่งการแฝงตัวเข้ารวบรวมหลักฐานทำให้ได้หลักฐานเป็นภาพและเสียงจำนวนมาก อีกทั้งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามีโรงงานผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน ติดกับ อ.พบพระ จ.ตาก นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังให้การถึงบัญชีการจ่ายเงินผลประโยชน์ให้กับกลุ่มบุคคลต่างๆ ภายหลังการจับกุมผู้ต้องหาคดีโรงงานผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านคงหยุดผลิตเพียงชั่วขณะ ก่อนกลับมาดำเนินการต่อไป ดีเอสไอจึงประสานให้ ป.ป.ส.ขอความร่วมมือไปยังประเทศพม่า เพื่อกวาดล้างจับกุม

ดีอีเอเข้ามาช่วยเหลือเรื่องฐานข้อมูลนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ จากนั้นดีเอสไอจะนำข้อมูลทั้งหมดมาต่อเป็นจิ๊กซอว์เพื่อให้เห็นภาพรวมเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายระดับโลก และจับกุมเฉพาะผู้กระทำผิดในประเทศไทย คดีนี้ดีเอสไอมั่นใจในพยานหลักฐาน ที่ผ่านมาคดีสมคบค้ายาเสพติดมีทั้งที่ศาลตัดสินลงโทษและยกฟ้อง แต่เชื่อมั่นว่าคดีนี้จะทำให้ผู้ค้าถูกลงโทษโดยไม่จำเป็นต้องมีของกลางยาเสพติดเป็นหลักฐานในคดี พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าว

ด้านนายพีระพันธุ์กล่าวว่า เป็นความสำเร็จหลังรัฐบาลประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติดเพียง 2 วัน แสดงให้เห็นว่าการปราบปรามยาเสพติดไม่จำเป็นต้องใช้วิธีรุนแรง หรือที่เรียกว่าฆ่ากันตอน ซึ่งนโยบายของรัฐบาลมุ่งเน้นถึงความฉียบขาดในการทำงาน

ขณะที่ นายแอนดริวกล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้เคยถูกดำเนินคดีในสหรัฐ ภายหลังได้รับการปล่อยตัวและเนรเทศออกนอกประเทศยังกลับมาประกอบธุรกิจของครอบครัวอีกจนกระทั่งถูกดีเอสไอจับกุม ดีอีเอจะให้การสนับสนุนทางการของไทยในการปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาดต่อไป

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สโมสรตำรวจ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการเป็นประธานประชุมรองรับนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลให้กับตำรวจระดับหัวหน้าสถานีตำรวจขึ้นไปทั่วประเทศ ว่าตำรวจต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน ปราบปรามผู้มีอิทธิพล ในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำ ให้ตำรวจทำบัญชีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ โดยไม่ต้องเกรงกลัว หากผู้มีอิทธิพลนั้นไปเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่นหรือนักการเมืองระดับชาติ หากมีปัญหากับใครให้โทรศัพท์หาตนได้ และให้ดูแลลูกน้องไม่ให้เป็นผู้ร้ายหรือผู้มีอิทธิพลเสียเอง

รัฐบาลประกาศชัดเจนให้ยึดมั่นในหลักนิติรัฐ นิติธรรม เคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตำรวจต้องแสดงออกให้เห็นว่าทำงานโดยเคารพสิทธิเสรีภาพ ทำคดีให้รวดเร็วโดยไม่ใช้ทางลัดหรือวิธีที่นอกกฎหมาย ไม่ทำผิดเสียเอง รัฐบาลคาดหมายให้ตำรวจเป็นตำรวจที่ดี เป็นกำลังของรัฐบาล จะช่วยให้สังคมไทยเป็นนิติรัฐที่สมบูรณ์แบบ

อยากให้ทุกสถานีตำรวจเร่งรัดสืบสวนจับกุมคดีต่างๆ ให้สถิติการจับกุมดีขึ้น ภาคใต้ต้องดูแลเป็นพิเศษ ตัวเลขการจับกุมตอนนี้ 30 เปอร์เซ็นต์ ต้องพัฒนาให้ได้มากกว่านี้ให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และต้องมุ่งปราบปรามยาเสพติด ให้ถือเป็นเรื่องสำคัญ ตามนโยบายของรัฐบาล แต่ให้สืบสวนสอบสวนตามขั้นตอนของกฎหมายไม่มีอุ้มฆ่าหรือฆ่าตัดตอน โดยเฉพาะเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลให้เอาใจใส่เป็นพิเศษ นายสุเทพกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook