มาร์คยันพร้อมรับผิดชอบหากแก้วิกฤตศก.ไม่ได้

มาร์คยันพร้อมรับผิดชอบหากแก้วิกฤตศก.ไม่ได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คมชัดลึก : มาร์ค ยันพร้อมรับผิดชอบหากแก้วิกฤตศก.ไม่ได้ ชี้กู้เงินตปท.เป็นเรื่องธรรมดา แฉรัฐบาลทักษิณก็กู้แต่หนี้สาธารณะเพิ่ม เรียกร้องทุกฝ่ายสมานฉันท์ทางการเมืองวิกฤตศก.หนักอย่าแบ่งแยกปชช. เมื่อเวลา 18.45 น.นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯได้ชี้แจงในกรณีที่มีการโจมตีรัฐบาลในประเด็นเศรษฐกิจว่า วันนี้ประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจซึ่งเกิดขึ้นทั้งโลกและอาจไม่เคยประสบมาก่อน ดังนั้นเราต้องช่วยกัน ผนึกกำลังอย่าสร้างความแตกแยก และยืนยันว่าตนพยายามตั้งใจทำงาน ไม่โกง แม้จะมีการโจมตีในเรื่องประสบการณ์และอายุ แต่ตนก็ทำงานด้วยความสามารถ ส่วนจะมีมากน้อยเพียงใดก็ต้องวัดกันต่อไป ซึ่งตนพร้อมที่จะรับผิดชอบหากบ้านเมืองเสียหาย แต่อย่างไรก็ตามมีความพยายามที่จะสร้างความเข้าใจผิด ทั้งที่เป็นเพราะการค้าของโลกหดตัว จึงทำให้เกิดผลกระทบต่อการจ้างงาน กระทบการท่องเที่ยวและทำให้การจัดเก็บภาษีน้อยลงซึ่งทุกประเทศมีปัญหาเหมือนกันหมด ตนไม่เคยบอกว่าเศรษฐกิจดี แต่บอกว่าพื้นฐานของระบบสถาบันทางการเงินเราแข็งแกร่ง ตนบอกว่าหนัก แต่จะหนักมากหนักน้อยก็อยู่ที่เศรษฐกิจโลกด้วย ส่วนที่มีการจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้านั้น ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากเราเจอภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มาตั้งแต่กลางปี ซึ่งหากจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็จะทำให้เกิดการว่างงานมาก ซึ่งหากไม่ปล่อยรัฐบาลก็ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องใช้เงิน ซึ่งวิธีหาเงินก็มี 3 แนวทางคือ 1.เก็บภาษีให้มากขึ้น ซึ่งตนก็บอกว่าไม่ใช่แนวทาง ตนก็ได้บอกทางกระทรวงการคลังไปว่าไม่ต้องกังวลไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการรีดไถภาษี 2.การขายหลักทรัพย์ ซึ่งก็ไม่ใช่แนวทางและ 3.การกู้ ซึ่งสถานการณ์แบบนี้หากจะกู้ก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทุกประเทศก็ทำกัน ถือเป็นเรื่องปกติ

เพราะปี 2546 -2547 รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯกู้ไหมก็กู้ ดังนั้นรัฐบาลไหนก็กู้ แต่พบว่าที่ผ่านมาหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นแม้เศรษฐกิจจะขยายตัว นอกจากนี้ยังพบว่าหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นมาตลอดแม้ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวก็ตาม ดังนั้นจึงอย่าพยายามสร้างภาพให้เกิดความเข้าใจผิดว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความพยายามที่จะกู้เงินตลอด ทั้งที่ความเป็นจริงรัฐบาลที่ทำให้ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก็คือรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์เพราะเราให้หยุดกู้และจริงแล้วก็สามารถใช้หนี้ให้หมดได้แต่เราเห็นว่าหากทำเช่นนั้นจะเป็นการขาดทุนดอกเบี้ยจึงเห็นแก่ประโยชน์ของชาติมากกว่าประโยชน์ทางการเมือง จึงต้องตกเป็นตราบาปแบบนี้ ดังนั้นเรื่องเงินกู้ในยามวิกฤตอย่าไปต่อต้านเลย ไม่เช่นนั้นเราต้องเก็บภาษีเพิ่มหรือขายทรัพย์สินของชาติแทน ซึ่งการกู้เงินแบบนี้ถือว่าเป็นการช่วยเหลือชาติ นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า ส่วนที่มีการ อภิปราย เรื่องมาตรการเงิน 2,000 บาทนั้น ก็เป็นการนำเงินไปช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่มีเงินเดือนประจำ ส่วนการช่วยเหลือภาคอื่นๆนั้นรัฐบาลก็ได้ดำเนินการในด้านต่างๆ อย่างเช่นการเข้าไปแทรกแซงราคาพืชผลการเกษตร การรับจำนำพืชหลัก รวมถึงการนำเงินลงไปช่วยเหลือชุมชนพอเพียงเป็นเงิน 40,000 ล้านบาท รวมถึงการแก้ไขหนี้กองทุนฟื้นฟู ส่วนเงินกู้จำนวน 1.44 ล้านบาทนั้น รัฐบาลจะนำไปใช้ปรับปรุงแหล่งน้ำ เครือข่ายคมนาคม สาธารณสุข รวมถึงอุตสาหกรรม อาหารและการท่องเที่ยว ส่วนที่มีการดูถูกดูแคลนตนอย่างไรนั้นก็ขอให้ดูข้อเท็จจริงที่จะปรากฏ ซึ่งเหตุการณ์เมื่อเดือนธ.ค. ถ้าบ้านเมืองไม่เข้าสู่ภาวะวิกฤตคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เคยปฏิเสธเรื่องความปรองดอง แต่ต้องอยู่บนความถูกต้องไม่ใช่ความปรองดองเพื่อประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นตนขอเรียกร้องให้ทุกคนเดินหน้าสมานฉันท์ทางการเมือง เพราะวิกฤตเศรษฐกิจหนักหนาไม่ควรแบ่งแยกประชาชน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง เล่นแรงรังสิมาฉะวิสาระดีไร้สมอง นายกฯแจงเจรจาพื้นที่ทับซ้อนเขมรต้องใจเย็น ฝ่ายค้านระดมทีมถล่มกรณ์ชี้เตรียมเสนอแก้พรบ.หนี้สาธารณะ ทักษิณเลิกโฟนอินใช้วิดีโอลิ้งค์จ้อม็อบเสื้อแดงเชียงใหม่22มีค. นายกฯกดปุ่มโอนเงินอสม.จ่ายเม.ย.9แสนคน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook