เฉลิมชี้ฟังไม่ขึ้น-ให้กกต.ฟันปมเงิน258ล้านทีพีไอ ประดิษฐ์เอาตำแหน่งเดิมพัน ดีเอสไออุบไต๋ข้อมูล

เฉลิมชี้ฟังไม่ขึ้น-ให้กกต.ฟันปมเงิน258ล้านทีพีไอ ประดิษฐ์เอาตำแหน่งเดิมพัน ดีเอสไออุบไต๋ข้อมูล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ประดิษฐ์ปัดฟอกเงินผ่านเมซไซอะฯ เดิมพันตำแหน่งการเมืองปม 258ล้านบริจาคพรรคปชป. โยงถึง ออก ทันที เฉลิมบอกชี้แจงฟังไม่ขึ้น ให้ กกต.ฟันปมเงินทีพีไอ สดศรีเขย่าเชือดแล้ว40พรรคใช้เงินผิดทางเจอฟันแน่นอน ดีเอสไออุบข้อมูลบางอย่างเผยไม่ได้

ประดิษฐ์ปัดฟอกเงินผ่านเมซไซอะฯ

การอภิปรายญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลรวม 5 คน วันที่สอง เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 มีนาคม ทั้งนี้ การอภิปรายวันที่สอง นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ทยอยลุกขึ้นชี้แจงตามลำดับ กรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.พท. อภิปรายไม่ไว้วางใจ ประเด็นฟอกเงิน 258 ล้านบาท จากบริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ผ่านบริษัท เมซไซอะ บินิเนส แอนด์ครีเอชั่น ผ่านเข้าสู่พรรคประชาธิปัตย์สมัยนายประดิษฐ์เป็นเลขาธิการพรรคช่วง ปี 2548 รวมถึงเงินสนับสนุนพรรคการเมืองจาก กกต. 29 ล้านบาท โดยนายประดิษฐ์ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นไปตามที่ ร.ต.อ.เฉลิมเปิดเผยข้อมูล ซึ่งทุกอย่างมีเอกสารงบดุลและใบเสร็จรับเงินจากบริษัท เมซไซอะฯ อย่างถูกต้อง พร้อมทั้งแสดงหลักฐานประกอบ

หากภายหลังพบว่า ผมมีส่วนร่วมกระทำผิด เพียงแต่ศาลรับฟ้อง หรือหน่วยงานอิสระที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องชี้ว่ามีมูลก็พร้อมที่จะยุติบทบาทและหน้าที่การเมืองในทุกตำแหน่งทันที ไม่มีความจำเป็นต้องรอให้กระบวนการยุติธรรมขั้นสุดท้ายตัดสิน นายประดิษฐ์กล่าว

วิปรบ.มั่นใจไว้วางใจพรึ่บ 238 เสียง

ภายหลังนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายนิพนธ์ บุญญามณี ชี้แจงปมเงิน 258 ล้านบาท และ 23 ล้านบาท เสร็จสิ้น นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล เรียกประชุมคณะทำงานพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งคณะทำงานประสานข้อมูล คณะติดตามการอภิปราย และคณะทำงานดูข้อบังคับ เพื่อประเมินผลใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยที่ประชุมรู้สึกพอใจกับการชี้แจงของผู้ถูกเกี่ยวข้องทุกคน เห็นได้จากภายชี้แจงเสร็จ ฝ่ายค้านไม่สามารถพูดโต้ตอบหรือตั้งคำถามเพิ่มเติมอะไรได้เลย ที่ประชุมได้แจ้งให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์รวมถึงพรรคร่วมปรับกลยุทธ์ในการรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะการประท้วงซึ่งมีมากเกินไป เนื่องจากหากปล่อยให้การอภิปรายไหลไป ประชาชนก็จะเห็นว่าข้อมูลของฝ่ายค้านไม่มีอะไรเลย มีแต่ข้อมูลเก่า และฝ่ายค้านก็จะเสียคะแนนนิยมไปเอง

ที่ประชุมคณะทำงานของพรรคได้เริ่มประเมินเสียงที่จะยกมือไว้วางในนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีแต่ละคน คาดว่าน่าจะมีเสียงประมาณ 238 เสียง จาก ส.ส.รัฐบาลทั้งหมด 262 เสียง หักประธานรัฐสภา และ ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีทั้ง 24 คน ออกไป ไม่เชื่อว่าจะมี ส.ส.รัฐบาลคนไหนกล้ายกมือสวน ยกเว้นนายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี ที่เป็นกรณีพิเศษ แต่อาจจะมี ส.ส.เพื่อไทยบางคนยกมือไว้วางใจให้กับนายกรัฐมนตรีก็ได้ นายชินวรณ์กล่าว

มาร์คอ้างเหตุไม่แจงปม258ล้าน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีรัฐบาลให้คะแนนฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เท่าใดว่า อย่าไปให้คะแนนหรือให้อะไรกัน เอาเป็นว่าคิดว่าในการอภิปราย ประเด็นที่เป็นข้อกล่าวหาเกี่ยวกับตน ได้ชี้แจงไปครบถ้วนแล้ว เมื่อถามว่า ได้หารือถึงความเหมาะสมกับนายชัย ชิดชอบ ประธานสภา หรือไม่ถึงกรณี ส.ส.ให้ของลับกันกลางสภาบ้างหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผมว่าในการอภิปรายที่ผ่านมามันก็มีความไม่เหมาะสมอยู่บางจุด ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก

นายกฯตอบคำถาม เหตุให้คนนอกพรรคประชาธิปัตย์ชี้แจงกรณีการอภิปรายประเด็นเงินบริจาค 258 ล้านบาทแทน ว่า มีผู้ที่ขอให้สิทธิในการชี้แจง ซึ่งไม่ใช่คนในพรรค ก็ได้ชี้แจงไปแล้วว่าในส่วนของผม มีหน้าที่ 2 อย่าง คือ ในส่วนของหัวหน้าพรรค เมื่อมีเงินบริจาคเข้ามา ผมก็ต้องรายงาน ซึ่งได้ทำครบถ้วน ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับในช่วงที่มีการยกมาอภิปราย ส่วนเรื่องงบดุล ก็ได้ชี้แจงไปแล้วว่ามันมีการสอบบัญชี มีเหรัญญิกตรวจสอบ ทุกอย่างมีความชัดเจน กกต.ก็ยอมรับในค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็น่าจะเป็นตัวที่ืนยันได้ ส่วนที่กล่าวหาว่าปัญหาเกิดขึ้นในช่วงที่ผมเป็นรองหัวหน้าพรรคอันนั้นก็รับผิดชอบในกรอบของกรรมการบริหารพรรค แต่ผู้ที่เขาทำงานเรื่องนี้โดยตรงก็จะชี้แจง นายกฯกล่าว

เฉลิม โต้คำชี้แจงประดิษฐ์-ปชป.

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แถลงอภิปรายสรุปนอกสภา เมื่อเวลา 18.30 น. ที่ห้องคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปรัฐบาล) ว่า สำหรับนายประดิษฐ์ ที่ชี้แจงว่าน้องสาวตัวเองรับเงินจากนายประจวบ สังขาว 20 ล้านบาท เนื่องจากนายประจวบเป็นหนี้น้องสาวของนายประดิษฐ์นั้น นายประจวบได้ให้การไว้กับเจ้าหน้าที่ว่าไม่เคยเป็นหนี้ใครนอกจากสถาบันการเงิน ส่วนกลุ่มของนายประพร เอกอุรุ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่น้องสาวทำธุรกิจแพปลาก็ไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์เลย สำหรับนายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ที่เคยบอกว่าไม่รู้จักนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ แห่งบริษัท ทีพีไอฯ แต่วันนี้กลับบอกว่าน้องสาวตัวเองทำธุรกิจปูนผงกับบริษัท ทีพีไอฯ ขอกล่าวหาเลยว่าเป็นการร่วมมือกันปล้นทรัพย์สินของประชาชน คนส่วนใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ได้ประโยชน์

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ส่วนงบประมาณพัฒนาการเมืองของ 23 ล้านบาท เป็นลักษณะของการเอาเงินราชการไปดำเนินการ จะต้องมีการทำสัญญา แต่กลับมีผู้ชี้แจงว่านายประจวบ ไปทำแผ่นฝ้ายโฆษณามาก่อนที่จะมาเบิกเงิน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะบริษัท เมซไซอะ มีทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท แต่เงินจำนวน 23 ล้านบาทนั้นเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย ที่สำคัญคือนายประจวบได้ให้การไว้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ว่าตัวเองไม่เคยทำอะไรให้กับพรรคประชาธิปัตย์เลย แต่นายธงชัย คลศรีชัย ลูกพี่ลูกน้องของนายประดิษฐ์ เป็นผู้ขอร้องให้รับสมอ้าง โดยนายธงชัย เป็นผู้ระบุว่าเงิน 23 ล้านบาท ที่นำมามอบให้เป็นเงินของ กกต.

ผู้ตรวจบัญชีรับรองตามฟอร์แมต

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ส่วนที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ระบุว่ามีการตรวจสอบบัญชีงบดุลของพรรคประชาธิปัตย์ปี 2548 ถูกต้องแล้วโดยผู้ตรวจบัญชีนั้น ในรายงานของผู้ตรวจบัญชีรับอนุญาต ที่ลงนามโดย นางอรุณี รวยสูงเนิน ลงวันที่ 7 เมษายน 2549 ระบุว่าได้ตรวจสอบงบดุลปี 2548 และงบฯรายรับรายจ่ายของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งผู้บริหารกิจการ เป็นผู้รับผิดชอบต่อความถูกต้องของข้อมูล ซึ่งหมายถึงกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ แล้วยังระบุว่าถูกต้องตามสมควร นั่นแสดงว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าถูกต้องก็จะแจ้งว่าถูกต้อง ซึ่งเป็นฟอร์แมตของผู้ตรวจบัญชีเพื่อป้องกันไม่ให้ติดคุกในภายหลัง โดยเป็นการโยนให้ผู้ประกอบกิจการ คือพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้รับผิดชอบข้อมูล โดยนายอภิสิทธิ์เป็นผู้รับรองงบดุลฯ ปี 2548 ก่อนที่จะนำส่ง กกต.

ไม่คิดว่านายกฯจะตอบได้แค่นี้

นายอภิสิทธิ์จะมาบอกว่าตัวเองเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคแบบฉุกละหุก ซึ่งเหรัญญิกได้บอกว่าอาจจะไม่ละเอียดไม่ได้ และไม่คิดว่าคนเป็นนายกฯ จะตอบได้แค่นี้ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์วันที่ 5 มีนาคม และทำหน้าที่หัวหน้าพรรควันที่ 15 มีนาคม 2548 แต่ก่อนหน้านั้นนายอภิสิทธิ์อยู่ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองปี 2541 ระบุว่าคณะกรรมการบริหารพรรคมีหน้าที่รับผิดชอบทรัพย์สินของพรรคการเมือง และจัดทำบัญชีให้ถูกต้อง รวมทั้งให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้รับรองความถูกต้องของงบการเงินร่วมกับเหรัญญิก ซึ่งงบดุลฯของพรรคประชาธิปัตย์จะต้องให้คณะกรรมการบริหารพรรครับรองว่าถูกต้องก่อนที่จะให้หัวหน้าพรรคและเหรัญญิกรับรองส่ง กกต. ซึ่งนายอภิสิทธิ์ อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคในขณะนี้ก็ต้องมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เอกสารหลักฐานทั้งหมดจะมอบให้ฝ่ายกฎหมาย พท. รวบรวมและนำส่ง กกต.ให้พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์เหมือนที่เคยทำไว้กับพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน ข้อมูลของตนเป็นของจริงและมีรายละเอียดมากกว่าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งให้ กกต.กว่า 5 เท่า ครั้งนี้บอกได้เลยว่า กกต.เอาจริง หากบุคคลที่ออกมาชี้แจงนำคำชี้แจงเหล่านี้ไปให้การในชั้นศาล รับรองว่าติดคุกทั้งหมด

ดีเอสไออุบข้อมูลบอย่างเผยไม่ได้

พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะโฆษกดีเอสไอ ให้สัมภาษณ์ ถึงปมปัญหาเงิน 258 ล้านบาทว่า คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งมีผู้ร้องมากล่าวโทษว่าอาจมีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 2535 ซึ่งทางดีเอสไอสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง และได้ประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดยแยกประเด็นออกเป็น 2 ส่วน คือคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และคดีที่เกี่ยวเนื่องกับพรรคการเมือง ทั้งนี้ คดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของดีเอสไอ จึงต้องส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้วินิจฉัยว่าเป็นความผิดหรือไม่แล้ว ซึ่งในส่วนของดีเอสไอขณะนี้ได้ดูแลในส่วนความผิดทางการเงิน ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น แต่ข้อมูลบางอย่างยังไม่สามารถเปิดเผยได้

กกต.ย้ำ2ข้อหาปชป.โทษถึงยุบ

ขณะที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต. กล่าวถึงข้อมูลที่ดีเอสไอส่งให้ กกต.เมื่อวันที่ 18 มีนาคมว่า ขณะนี้เอกสารทั้งหมดรวม 2 หีบใหญ่ เป็นการกล่าวหาว่ามีการเป็นนิติกรรมอำพรางรับเงินบริจาค 263 ล้านบาท แต่ไม่ได้แจ้ง กกต. และกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ใช้เงินที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองไปใช้ให้เป็นตามกฎหมายและแผนงานการใช้เงินที่ขอสนับสนุนจากกองทุนพรรคการเมือง คาดว่า กกต.จะมีการประชุมและพิจารณาเรื่องนี้ในสัปดาห์หน้า โดยจากนี้ไป กกต.จะต้องกลับไปดูว่าการใช้เงินในส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการจัดสรรไปในปี 2548 นั้นเป็นการใช้จ่ายตามที่เสนอโครการมาหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อหาใดที่จะส่งผลให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบบ้าง นางสดศรีกล่าวว่า ทั้ง 2 ข้อกล่าวหา โดยขณะนี้ดีเอสไอกล่าวโทษมาว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 มาตรา 66 และมาตรา 94 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มาตรา 94 82 และ 93 ซึ่งเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคที่ต้องลงโทษกรรมการบริหารพรรคด้วย ถือว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงอยู่ ดังนั้น จึงต้องดูหลักฐานของดีเอสไอที่ส่งมา คงจะไม่ไปดูข้อมูลของฝ่ายค้าน เว้นแต่ฝ่ายค้านจะส่งข้อมูลมาร้องเรียน ก็จะดูว่าตรงกันไหม และมาพิจารณาร่วมกันได้

ใช้เงินไม่ถูกยุบมาแล้ว40พรรค

หลังการพิจารณาตามขั้นตอนและกระบวนการของ กกต.แล้ว อาจจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษขึ้นมาดูแลเรื่องร้องเรียนนี้โดยเฉพาะ โดยเป็นคณะที่ดูร่วมกันทั้งระหว่างในส่วนกิจการพรรคการเมืองและการสืบสวนทั่วไป ถ้าผลการสอบของอนุกรรมการ กกต.ฟังได้ตามข้อกล่าวหาของดีเอสไอ และ กกต.เห็นตาม ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุบพรรค ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายพรรคการเมืองที่เคยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพรรคการเมืองแล้วเอาไปใช้ไม่ถูกต้องตามโครงการที่เสนอมา ก็ต้องมีการเรียกเงินคืนและเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคมากว่า 40 พรรคแล้ว นี่คือขั้นตอนที่ปฏิบัติกัน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการตั้งธงไว้ถึงขั้นตามที่ดีเอสไอเสนอมา เพราะต้องรอขั้นตอนการสอบสวน นางสดศรีกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook