ดีเอสไอ เชื่อเครือข่ายขุนส่ากลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

ดีเอสไอ เชื่อเครือข่ายขุนส่ากลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

ดีเอสไอ เชื่อเครือข่ายขุนส่ากลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจับญาติขุนส่าได้ พร้อมยึดทรัพย์กว่า 117 ล้าน เร่งสอบปากคำผู้ต้องหาสาวผู้ร่วมขบวนการ เชื่อยังมีเครือข่ายอีกเพียบ

พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ถึงความคืบหน้าคดีจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดซึ่งเป็นเครือญาติขุนส่า หรือจางซีฟู หรือนายจันทร์ จางตระกูล ราชายาเสพติดระดับโลก ได้จำนวน 3 คน พร้อมยึดทรัพย์ได้กว่า 117 ล้านบาท ว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เร่งสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย นายพีรยุทธ์ แพศย์ศกล นายชาญณรงค์ มูเซอ หรือเกษมทัศน์ และนายวิชาญ สุถิพรรณ์ รวมทั้งพยานอีกหลายปาก เนื่องจากผู้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยังมีอีกบางส่วน ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ และคาดว่า คงจะมีการจับกุมเพิ่มเติมเพราะเป็นเครือข่ายใหญ่ ส่วนยึดหรืออายัดทรัพย์เพิ่มเติมก็อยู่ระหว่างดำเนินการ

แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า การจับกุมเครือข่ายที่เป็นญาติของขุนส่า ซึ่งเป็นเครือข่ายนักค้าเฮโรอีนใหญ่ที่สุดในขณะนี้ เพราะหากเปรียบเทียบวงเงินที่ยึดทรัพย์ได้ กว่า 100 ล้านบาท แสดงว่าเครือข่ายดังกล่าวกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหลังจากเงียบหายไปช่วงหนึ่ง และจากฐานข้อมูลของ ป.ป.ส.ยังพบว่า มีญาติพี่น้องอีกหลายรายเข้าข่ายถูกยึดอายัดทรัพย์สิน ซึ่งต้องยอมรับว่าเครือข่ายลักษณะนี้มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ทรัพย์สินคงไม่มีแค่นี้แน่นอน

"เชื่อมั่นว่าคดีนี้มีความชัดเจนว่าเป็นขบวนการค้ายาเสพติดจริง เพราะมีของกลางที่ได้จากการล่อซื้อ และมีความแตกต่างจากคดีของนายเล่าต๋า แสนลี่ อดีตผู้ต้องขังคดียาเสพติด ที่ศาลยกฟ้อง เพราะคดีนี้มีประจักษ์พยานจำนวนมาก อีกทั้งหลักฐานสำคัญหลายอย่างบ่งชี้ชัดเจนว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด" แหล่งข่าวกล่าว และว่า สำหรับทรัพย์สินจำนวนมากที่เจ้าหน้าที่อายัดไว้ ถือเป็นหน้าที่ของญาติพี่น้อง หรือตัวผู้ต้องหา ที่ต้องหาพยานหลักฐานมาชี้แจงต่อศาลว่าทรัพย์สินดังกล่าวได้มาอย่างไร หากชี้แจงได้ก็ไม่ปัญหา หากชี้แจงไม่ได้ศาลก็จะสั่งให้ริบทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook