ลมแทบจับ! เจ้าของร้านอาหารเจอเก็บค่าไฟย้อนหลัง 3.3 แสนบาท

ลมแทบจับ! เจ้าของร้านอาหารเจอเก็บค่าไฟย้อนหลัง 3.3 แสนบาท

ลมแทบจับ! เจ้าของร้านอาหารเจอเก็บค่าไฟย้อนหลัง 3.3 แสนบาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจ้าของร้านอาหารเครียด ถูกเรียกเก็บค่าไฟฟ้าย้อนหลังเป็นเงิน 338,000 บาท เจ้าหน้าที่อ้างจดเลขมิเตอร์ผิดนานกว่า 4 ปี ร้องการไฟฟ้าชี้แจง

(20 ต.ค.) นางสุดา อายุ 45 ปี ชาวบ้านบ้านโค้งงาม ตำบลหางดง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่นำเอกสารหลักฐานบิลค่าไฟฟ้ามาร้องเรียนกับสื่อมวลชนหลังถูกทางการไฟฟ้าเรียกเก็บค่าไฟฟ้าย้อนหลัง 4 ปีรวมเป็นเงิน 338,000 บาท โดยบอกว่า ตนได้เช่าพื้นที่เปิดร้านอาหารในเมื่อเดือนมีนาคม 2555 ซึ่งช่วงแรกได้จ่ายค่าไฟฟ้า แต่ละเดือนต่ำสุดจะอยู่ที่ 2,000 บาท หากเป็นช่วงฤดูร้อนจะเสียค่าไฟฟ้าประมาณ 7,000 บาท

ต่อมาเดือนสิงหาคมปี 2559 ได้ย้ายร้านออกจากพื้นที่เดิมกลับไปเปิดร้านที่บ้าน แต่ปรากฏว่ามีหนังสือจากการไฟฟ้าเรียกเก็บค่าไฟฟ้า ระบุเก็บค่าไฟฟ้า ย้อนหลังเพิ่ม เป็นระยะเวลา 4 ปี รวมเป็น 338,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่ามีการจดเลขมิเตอร์คลาดเคลื่อน จากยอดรวมที่เรียกเก็บตามปกติยอดรวมที่ 85,774 บาท

จากการตรวจสอบหนังสือและตารางเรียกเก็บที่การไฟฟ้าส่งมาให้ พบความผิดปกติของการจดมิเตอร์หลายจุด เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555  พบว่าหน่วยเลขมิเตอร์ไฟฟ้าอยู่ที่ 9490 พอเดือนต่อมาเลขมิเตอร์กลับมาอยู่ที่เลข 1106 หลังจากนั้นมาทำให้การคำนวณค่าไฟฟ้าคาดเคลื่อนจนถึงเดือนสิงหาคม 2559 ทั้งหมดรวมเป็นระยะเวลา 47 เดือน หรือ เกือบ 4 ปี เมื่อมีการเรียกเก็บค่าไฟเพิ่มพบว่ามีการเติมเลขศูนย์หลังเลขมิเตอร์ ทำให้การการคำนวณค่าไฟฟ้าแพงเกินความเป็นจริง บางเดือนค่าฟ้าแพงขึ้นกว่า 10,000 บาท ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง หากนับจากจำนวนเงิน 338,000 บาทเมื่อนำมาหารด้วยจำนวน 47 เดือน ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บย้อนหลังคิดเป็นเดือนละกว่า 7,000  บาท ตนจึงอยากขอความช่วยเหลือจากผู้ที่มีความรู้ ช่วยเหลือในการตรวจสอบการคำนวณค่าไฟฟ้าจากหน่วยงานดังกล่าวเนื่องจากมีการส่งหนังสือแจ้งและตารางการปรับปรุงค่ากระแสไฟฟ้ามาให้ 3 ครั้ง แต่ละครั้งตัวเลขไม่เหมือนกัน

นอกจากนี้ตนลองนำเครื่องคิดเลขมาลองคำนวณตัวเลขในเอกสารพบว่ามีการคาดเคลื่อนหลายจุด จึงอยากจะทราบว่าหน่วยงานดังกล่าวใช้หลักอะไรในการคำนวณตัวเลขมิเตอร์ย้อนหลังแต่ล่ะเดือน เนื่องจากว่ามีความผิดปกติของเลขมิเตอร์ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555 และความผิดพลาดดังกล่าวเกิดจากเจ้าหน้าที่ ของหน่วยงานดังกล่าวเป็นระยะเวลานานเกือบ 4 ปี ทำไมไม่มีการตรวจสอบตั้งแต่พบความผิดปกติในช่วงแรก แต่หน่วยงานดังกล่าวกลับผลักภาระให้กับชาวบ้านเป็นผู้รับผิดชอบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook