จ่อแจ้งข้อหาเพิ่ม “ผู้กองเหน่ง” หากดีเอ็นเอยันชัดเป็นศพ “ผอ.อ้อย”

จ่อแจ้งข้อหาเพิ่ม “ผู้กองเหน่ง” หากดีเอ็นเอยันชัดเป็นศพ “ผอ.อ้อย”

จ่อแจ้งข้อหาเพิ่ม “ผู้กองเหน่ง” หากดีเอ็นเอยันชัดเป็นศพ “ผอ.อ้อย”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้ครอบครัวจะมั่นใจว่าชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบเป็นของ “ผอ.อ้อย” แต่ในทางคดีการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลจะเป็นเครื่องยืนยันได้แม่นยำ ล่าสุดชิ้นส่วนได้ส่งถึงสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจแล้ว ซึ่งหากพิสูจน์ได้ว่าเป็นศพของ ผอ.อ้อยจริง ทางตำรวจจะเตรียมแจ้งข้อหา “ผู้กองเหน่ง” เพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กะโหลก ชิ้นส่วนมนุษย์ และเส้นผม ที่คาดว่าเป็นของ ผอ.อ้อย ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนตำบลชำ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ค้นเจอเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะนี้ถูกส่งให้ทีมแพทย์สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลแล้วเมื่อช่วงเช้าวันนี้

พลตำรวจตรีพรชัย สุธีรคุณ รักษาราชการแทนรองนายแพทย์ใหญ่ สัญญาบัตร 7 (สบ.7) โรงพยาบาลตำรวจ อดีตผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา เปิดเผยข้อมูลกับทีมข่าวพีพีทีวี ว่า การตรวจกะโหลกศีรษะและชิ้นส่วนมนุษย์ จะต้องดูว่ากระดูกมีสภาพเป็นแบบเปียก หรือแห้ง ถ้าเป็นแบบเปียกการพิสูจน์ว่าเป็น ผอ.อ้อย จะใช้เวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ เพราะบ่งชี้ว่ามีดีเอ็นเอหลงเหลืออยู่มาก แต่ถ้ากระดูกแห้งจะต้องใช้เวลานาน เพราะดีเอ็นเอถูกย่อยสลายเหลือน้อย หรืออาจไม่มีเลย

ขณะที่ พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่เมื่อวานนี้ ชุดลาดตระเวนค้นเจอกระดูกซี่โครง 8 ชิ้น กระดูกท่อนขาบน ท่อนขาล่าง 2 ชิ้น และกระดูกลำคอ 4 ชิ้น ที่บริเวณเนิน 500 สามเหลี่ยมมรกต ใกล้ชายแดนไทย-ลาว-กัมพูชา อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งคาดว่าถูกฝังไว้นาน 3 เดือน ทำให้การพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลอาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บดีเอ็นเอของพ่อและแม่ของ ผอ.อ้อย ไปแล้ว เพื่อใช้เทียบเคียงกับชิ้นส่วนมนุษย์ดังกล่าวว่าตรงกันหรือไม่

ส่วนการแจ้งข้อหาเพิ่มกับ "ผู้กองเหน่ง" นายทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จะต้องรอผลตรวจจากสถาบันนิติเวชก่อน ซึ่งข้อหาที่เข้าข่ายสามารถตั้งได้คือข้อหา ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หรือฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

และล่าสุดมีคำสั่งให้ผู้กองเหน่งออกจากราชการแล้วขณะที่ชุดลาดตระเวนได้ยุติการตรวจค้นหาชิ้นส่วนมนุษย์ที่คาดว่าเป็น ผอ.อ้อย แล้ว เนื่องจากบริเวณที่พบโครงกระดูกเป็นพื้นที่อันตราย และมีระเบิดจำนวนมากเพราะอยู่ติดชายแดน โดยขอให้ทางญาติรอผลพิสูจน์อยู่ที่บ้านแทน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook