ใต้ฝนกระหน่ำ-น้ำหลาก ภาคตะวันออกเฝ้าระวัง "พายุด็อมเร็ย"

น้ำท่วมหลากภาคใต้ตอนล่าง หลังฝนตกสะสมต่อเนื่องหลายชั่วโมง กรมอุตุฯ ยังประกาศเตือนระวังน้ำป่าต่อเนื่อง ขณะที่พายุด็อมเร็ยอ่อนกำลังลงแล้ว ปกคลุมประเทศกัมพูชา คาดกระทบภาคตะวันออกเล็กน้อย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ฝนที่ตกต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดพัทลุง หลายวัน โดยเฉพาะในวันนี้ได้มีฝนตกลงมาตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงขณะนี้ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงมาจากป่าเขาบรรทัดพัทลุง ในพื้นที่ 5 อำเภอประกอบด้วย อ.กงหรา อ.ป่าบอน อ.ตะโหมด อ.ศรีนครินทร์ อ.ศรีบรรพต โดยเฉพาะตามน้ำตกต่างๆได้มีมวลน้ำป่าไหลหลากลงมาเป็นจำนวนมากและน้ำมีสีแดงขุ่น

ล่าสุดพื้นที่บริเวณบ้านคลองหรั่งหมู่ที่ 2 ต.คลองทรายขาวอำเภอกงหรา ที่น้ำป่าไหลหลากลงมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัดพัทลุง กระแสน้ำที่ไหลแรงกัดเซาะพื้นที่สวนยางพาราสองข้างตลิ่งจนล้มเสียหายไปหลายสิบต้น ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราด

ขณะที่จังหวัดพัทลุง ได้ออกแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำและพื้นที่น้ำท่วมช้ำซากเตรียมรับมือน้ำท่วมหนักในคืนนี้ หลังพบน้ำป่าไหลหลากลงมายังพื้นที่ด้านล่างในพื้นที่ 5 อำเภอ ติดเทือกเขา นอกจากนี้ บางหมู่บ้านเริ่มมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มสวนยางพาราแล้วเช่นกัน

ส่วนพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช นายชูศักดิ์ สุทธิ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาเรื่องคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ นั้น ในส่วนของสำนักงานชลประทานที่ 15 ได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำ ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำท่าดีและคลองเสาธงอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมเครื่องสูบน้ำ จำนวน 20 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ จำนวน 12 เครื่อง เพื่อรับสถานการณ์อุทกภัยในเขตตัวเมืองนครศรีธรรมราชและพื้นที่การเกษตร

ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากการได้ติดตามสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำท่าดี บริเวณต้นน้ำคีรีวง อ.ลานสกา พบว่ามีฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เมื่อเวลา 05.00 น. วันนี้ (4 พ.ย.) ที่สถานีวัดน้ำบ้านวังไทร มีระดับน้ำ +33.61 เมตร(ที่ระดับน้ำทะเลปานกลาง) ต่ำกว่าระดับจุดวิกฤติ 0.29 เมตร(ระดับวิกฤติ 33.90 เมตร)

คาดว่าปริมาณน้ำจากต้นน้ำคลองท่าดีจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช ในเวลา 24.00 น. ของคืนวันที่ 4 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่ลุ่มต่ำริมคลองท่าดี และชุมชนต่าง ๆ ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ดังนั้นจึงขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และสื่อมวลชน ช่วยแจ้งเตือนประชาชนในการเตรียมการป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากฝนที่ตกสะสม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง

ทางด้าน เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้มีการติดตั้งป้ายเตือนภัยพร้อมปักธงตามจุดต่าง ๆ ของลำคลองทุกสายที่ผ่านตัวเมืองนครศรีธรรมราช ขณะนี้ระดับน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ได้มีการปักธงสีเขียว แต่หากระดับเพิ่มสูงขึ้นจนเข้าขั้นวิกฤติก็จะมีการปักธงสีเหลืองและสีแดง ตามลำดับต่อไป ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนได้โปรดสังเกตสีของธง และให้ปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดด้วย

ส่วนพื้นที่ จ.จันทบุรี นายบัญทูล ศรีสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ่อเวฬุ ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ว่ามีพายุลมแรงพัดต้นไม้ใหญ่ล้มทับบ้าน สวนผลไม้ใน 3 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 7 ถูกแรงลมพัดต้นล้มหักโค่นเสียหายเป็นวงกว้าง

นายบัญทูล ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าในพื้นที่ หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 7 ตำบลบ่อเวฬุ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี มีต้นทุเรียน สวนยางพารา กล้วยน้ำหว้า และมะละกอล้มหักโค่นเสียหายเป็นวงกว้าง และ ได้รายงานให้ทางจังหวัดได้รับทราบแล้ว ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะได้เข้าสำรวจความเสียหายและเตรียมให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่อไป

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 6 พายุด็อมเร็ยและฝนตกหนักและคลื่นลมแรงภาคใต้ ระบุว่า เมื่อเวลา 16.00 น. พายุด็อมเร็ย ได้ออกกำลังเป็นพายุโซนร้อน เคลื่อนตัวปกคลุมประเทศกัมพูชาแล้ว มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำในระยะต่อไป

ส่วนหย่อมความกดอากาศต่ำยังคงปกคลุมบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และลมกระโชกแรง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กบริเวณดังกล่าวควรงดออกจากฝั่ง ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังคลื่นซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าว INN และ กรมอุตุนิยมวิทยา