"แจ๊ค จิลล์" ยอมรับเป็นจอมขมังเวทย์ รวย 100 ล้านเพราะเล่นมนต์ตา

"แจ๊ค จิลล์" ยอมรับเป็นจอมขมังเวทย์ รวย 100 ล้านเพราะเล่นมนต์ตา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดกูรูกุมารทองมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองไทยและต่างประเทศ สำหรับอดีตนักร้องฝาแฝด "แจ๊ค จักรพันธุ์ การสมพรต" และ "จิลล์ จักรพงศ์ การสมพรต" ล่าสุดโด่งดังสุดขีดกรณีล็อกเก็ต "พี่นวล" ซึ่งกลายเป็นกระแสสังคมถูกวิพากษ์วิจารณ์มากมาย มีการตั้งกระทู้ถึง 2 หมื่นกระทู้ มีการแชร์กันเป็นล้าน และยังไม่นับของขลังมากมายที่มีอยู่ในบ้านไม่ว่าจะเป็นปั้นเหน่งผี หนังอวัยวะเพศหญิง และอีกสารพัด เรียกว่าคือมันดงผีชัดๆ

ล่าสุดสองพี่น้องก็ไปสร้างความฮือฮาที่ "ประตูสวรรค์" อ.ไชยปราการ เชียงใหม่ สถานที่อาถรรพ์ที่ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านกำลังจะพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยสองพี่น้องได้ไปบริจาคสิ่งของที่โรงเรียนในอำเภอดังกล่าว ผู้ใหญ่บ้านเลยพาขึ้นไปเนินเขาที่ถูกเรียกว่าประตูสวรรค์ เพื่อสื่อสารว่าควรจะทำอย่างไร เพราะจะอัญเชิญพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาไว้ที่นี่เพื่อให้ชาวบ้านได้บูชา

ซึ่งทันทีที่แจ๊คจิลล์ไปถึงก็สัมผัสได้ถึงพลังงานที่ปกคลุมยืนยันว่า "ที่นี่ไม่ใช่ที่ของพระ" ไม่ควรอัญเชิญพระมาตั้งควรเป็นรูปปั้นของ "เจ้าข่วงเงิน" วิญญาณนักรบพันปี ผู้เคยครองสถานที่แห่งนี้มาตั้งให้ชาวบ้านได้บูชา และทำนายว่าอีก 2 ปี อ.ไชยปราการแห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง โด่งดังกว่าอ่างขาง ต่อไปคนจะมาที่นี่ไม่ไปอ่างขาง เจ้าข่วงเงินจะทำให้ที่นี่เจริญรุ่งเรือง

จากนั้นหนึ่งเดือนแจ๊คจิลล์ก็ได้เดินทางมาทำพิธีเบิกเนตรเจ้าข่วงเงิน อัญเชิญไปไว้ที่ประตูสวรรค์ โดยได้ทำพิธีปล่อยโคมประกาศบารมีเจ้าข่วงเงินให้เจ้าป่าเจ้าเขาได้รับรู้ และปลดปล่อยดวงวิญญาณนักรบที่ติดค้างพันปี มีชาวบ้านไปร่วมพิธีมากมาย รุ่งเช้าอีกวันก็ได้ร่วมแห่เจ้าข่วงเงินและทำพิธีเบิกเนตร อัญเชิญดวงวิญญาณเจ้าข่วงเงิน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "เจ้าสินชัย" มาสถิตที่หุ่น

เรื่องนี้เป็นที่ฮือฮามาก เพราะทุกคนต่างก็รับรู้ว่าแจ๊คจิลล์เป็นอดีตนักร้อง ที่มีความศรัทธากุมารทอง เป็นกูรูกุมารทอง และสะสมเครื่องรางของขลังสายฮาร์ดคอร์ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวจะมีความสามารถในการทำพิธีกรรมได้ด้วย ซึ่งเรื่องเจ้าตัวสารภาพเป็นครั้งแรกในชีวิตว่า แท้จริงแล้วตนเองไม่ใช่แค่นักสะสม หากแต่มีวิชาด้านไสยศาสตร์ ร่ำเรียนวิชาอาคมมนต์ตาจากอาจารย์ขมังเวทย์เขมร และนำมาใช้ด้านธุรกิจประสบความสำเร็จจนรวยเป็น 100 ล้าน มีคนในวงการไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ ที่ผ่านมาเคยทำพิธีให้กับคนดังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปีเตอร์ คอร์ปไดเรนดัล อาร์ต พศุฒม์ ฯลฯ และดาราซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของฮ่องกง จีน ที่ถึงขั้นบินมาให้ทำพิธีที่เมืองไทยเลยทีเดียว

"จะบอกว่าเดิมผมเป็นคนชอบสะสมเครื่องรางแนวแปลกอยู่แล้ว ไม่ใช่ตะกรุดเขี้ยวงาทั่วไปส่วนใหญ่ก็จะเป็นเครื่องรางแนวมนต์ตา แนวอาถรรพ์ เพราะของพวกนี้เป็นของที่ลี้ลับ เป็นเครื่องรางที่น่าสนใจน่าค้นหา ประวัติความเป็นมาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยที่จะไปเอามา แล้วส่วนใหญ่คนก็จะไม่ค่อยนิยม ในการที่จะเอามาบูชา ครอบครองเป็นเครื่องราง ด้วยชื่อเสียงความน่ากลัว หนังต่างๆ เรื่องราวต่างๆ ก็เล่าจนคิดว่าเป็นสายดา สายมืดเข้าตัวเองต่างๆ นานา"

"และด้วยความที่เรามีของพวกนี้มากมาย จนเราเองก็ต้องมีวิชาป้องกันตัว คุ้มตัว หลายคนมักจะถามผมว่า ไม่กลัวของเข้าเหรอ ทำไมมีของขลังสายดามากมายอย่างนี้ ไม่กลัวเหรอ บอกเลยครับว่าไม่กลัว ผมเล่นกับงู ก็ต้องรู้ว่างูมีพิษและต้องจัดการยังไง เมื่อเราสะสมมากขึ้นๆ เรื่อยๆ เลยต้องมีวิชาไว้คุ้มตัว ไว้ปราบของเหล่านี้ ฉะนั้นเรื่องของเข้าตัวอะไรนี่ไม่กลัวครับเพราะเรามีวิชา เมื่อก่อนไม่เคยบอกใคร แต่ทุกอย่างมันเปิดมาเรื่อยๆ"

"อย่างที่เราไปทำพิธีที่อาเภอไชยปราการ หมู่บ้านสินชัย นั่นก็คือหนึ่งในพิธีกรรมที่เราเรียนมา และโดยส่วนตัวเราทั้งสองก็มีซิกเซนส์สัมผัสได้มานานแล้ว อย่างแจ๊คนี่เขาจะมองเห็นและทำนายอนาคต ของผมก็จะเป็นเรื่องพิธีกรรม ที่สินชัยเขาให้เราไปช่วยในการสร้าง เขาอยากได้ความรู้ว่าจะสร้างเป็นพระหรือเป็นศาลดี ก็ให้เราไปสื่อ เราก็สื่อได้ว่าเดิมเป็นแม่ทัพเก่า สมัยเจ้าเม็งรายโบราณ ตรงนี้เป็นด่านหน้าในการปะทะกับพม่า เป็นที่พักแรม ก็เล่าในนิมิตว่ามีไพร่พลอยู่ 45,000 คน ประจำจุดนี้ ทุกวันนี้ก็เป็นฐานทหาร ปัจจุบันเป็นฐานทหารติดชายแดนไทยพม่า เป็นเรื่องราวคร่าวๆ เราก็ได้ไปอันเชิญดวงวิญญาณเจ้าพ่อข่วงเงิน ซึ่งด้วยจังหวะและชะตา ได้มาทำการในครั้งนี้ คือถึงเวลาที่เจ้าพ่อสินชัยจะได้ประทับแล้ว"

จากนักสะสมเครื่องราง ก้าวเท้าสู่วิชาไสยเวทย์ กลายเป็น "หมอผี"

"ต้องเท้าความเลยว่า สมัยก่อนตอนที่หาเครื่องรางของขวัญใหม่ๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกุมารทอง เป็นเครื่องรางแนวนี้โดยตรง จะหาไปทั่ว ที่ไหนมีก็โทรหาเรา จะรู้กันในกลุ่มว่ามีอะไรแนวนี้แปลกๆ เครื่องรางแปลกๆ ก็จะโทรหาแจ๊คจิลล์ ก็จะโทรมา ก็ขออะไรที่มันดูเด็ดๆ ที่เขาสะสมกันมาบูชากันมา บางคนมีแบบนั้นแบบนี้ จากตรงนั้นแหละ เราก็ได้พบเจออาจารย์ที่ปลุกเสกของพวกนี้ เราก็ได้คลุกคลี เลยตั้งข้อสังเกตว่าทาไมของพวกนี้ถึงมีออกมาได้ และมีออกมาได้ยังไง ทาไมถึงมี ก็เป็นคาถาม แล้วใช้ได้จริงหรือเปล่า พอศึกษาไปศึกษามา ของพวกนี้มีจริง แล้วใครจะมีของพวกนี้ได้ต้องมีวิชาอาคม"

"เราก็ศึกษาจากอาจารย์ อาจารย์เป็นอาจารย์ฝั่งเขมรอยู่ชายแดนบ้านเรา ก็ข้ามไปข้ามมา ทั้งไทยและเขมร เขาก็สอนวิชาพวกนี้ให้กับเรา ซึ่งที่เขาสอนให้เราต้องบอกก่อนว่าเขาก็ต้องดูด้วย คนสอนจะเอาไปทาอะไรในสิ่งที่ผิดบ้าง เราก็บอกว่าสารรูปเราก็บ่งบอกแล้วว่าเราไม่ได้เอามาทาด้านไม่ดี ส่วนใหญ่ก็เรื่องช่วยคนทั่วไปแต่เราอยากเรียนวิชานี้ไว้ป้องกันตัว เพราะผมสองคนแจ๊คจิลล์มีของพวกนี้เยอะมากมาย ไม่ว่าแนวอะไร แนวผี แนวอาถรรพ์ สะสมไว้เยอะ เราจาเป็นต้องเรียน จากการเรียนตรงนั้นก็ทาให้เราต้องเรียนมากขึ้น เพราะเราอยากรู้อยากเห็น ไสยศาสตร์เป็นสิ่งที่ตื่นเต้น น่าทดลอง น่าค้นหาว่ามันจะสุดตรงไหน ก็ลองไปเรื่อยๆ บางวิชาเราก็จะไม่เรียน"

ไม่ชอบเสกหนังควายทำร้ายคน เน้นเรียนด้านเสน่ห์เมตตา ค้าขายรุ่งเรือง

"ยกตัวอย่างการเสกหนังควายเข้าท้อง มันเป็นการทาลายฝั่งตรงข้ามเราก็จะไม่เรียน เพราะเราสองคนคิดว่ามันไม่ได้ประโยชน์อะไรกับเรา ไปทาลายทาร้ายคนอื่นมันเป็นเวรเป็นกรรม มันมีอยู่แล้วกรรมพวกนี้ การทาให้คนอื่นเดือดร้อน ผมก็จะเฟ้นหาวิชาที่ได้ประโยชน์กับผม เช่นการค้าของผม ทาไงให้ธุรกิจการค้าผมรุ่งเรือง โดดเด่นกว่าคนอื่น ธุรกิจคนอื่นดี แต่ของเราดีกว่าเขา มีชื่อเสียงกว่าเขา ทายังไงให้มีเสน่ห์ ไปไหนมาไหนมีคนหลงคนรัก ทาให้รู้สึกว่าเรามีความน่าเอ็นดู มีความถ่อมตนลง นี่คือวิชาพวกนี้"

"ก็เรียนยากพอสมควร อาจารย์ต่างๆ ที่สอนผมก็มีหลากหลายอาจารย์ ไม่ได้มีแค่คนเดียว อาจารย์ต่างๆ ทั่วเลยนะ ภาคตะวันออกบ้านเราจะมีหลายคน ภาคเหนือก็มี เราเลือกที่เราอยากจะเรียนมากกว่า ไม่ใช่เรียนด้านขมังเวทย์ คงกระพันชาตรี ด้านอะไรแบบนี้ เพราะถ้าเรียนอะไรพวกี้จะมีข้อห้ามเยอะๆ อย่างขมังเวทย์ คงกระพันชาตรี หนังเหนียว หายตัวอะไรแบบนี้ ทาให้คนมองไม่เห็น พรางตา จะห้ามกินนั่นห้ามกินนี่ ห้ามไปนั่นห้ามไปนี่ ทุกอย่าง ชีวิตเราก็ทาไม่ได้ อย่างบางวิชาห้ามกินเนื้อดิบ ปลาร้าก็ห้ามกิน เพราะมันดิบ ไม่ผ่านการหุงต้มไฟ แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังกินซูชิ กินอะไรต่างๆ ที่ดิบๆ กินไข่กุ้งอาหารญี่ปุ่น เราก็ไม่เรียน"

"เราเลือกเรียนสิ่งที่อยากเรียนดีกว่า อาจารย์ต่างๆ ที่ผมไปเรียน ช่วงแรกก็เล่าว่าเก่งอยางนั้นเก่งอย่างนี้ ช่วงแรกๆ เราก็ไปดูวิธีการก่อน มันมีของปลอมด้วย อาจารย์ปลอมอาจารย์เก๊ก็มีเยอะแยะ อาจารย์พุทธพาณิชย์ ขายเครื่องรางของขลังก็มีเยอะ อันนี้ผมรู้เพราะเราซื้อจริง บางทีเครื่องรางบางประเทศเราก็ซื้อมาหลักหลายแสน คือถามว่าโดนหลอกมีมั้ย ก็มี ด้วยความโลภ เราอยากได้ แต่พอศึกษาจริงๆ มันไม่ใช่ มันไม่ใช่ของจริง ศึกษาจนเข้าใจ จนรู้ว่าไสยศาสตร์ไม่ได้มีอยู่เท่านี้ และวิธีการปลุกเสกมันปลุกเสกยังไง"

เรียนไสยศาสตร์ก็เหมือนการเรียนทำอาหารชอบอะไรก็ไปเรียนด้านนั้น

"เพราะเราอยากรู้ มันตื่นเต้นดี อีกอย่างถ้ามีไว้กับตัวก็ไม่เสียหายอะไร ผมก็โตแล้ว อายุ 46 ทำไมผมจะอยากเรียนอยากรู้ไม่ได้ คนชอบเรื่องอาหารก็ไปเรียนทำอาหาร บางคนชอบด้านกีฬาก็ไปเรียน ผมชอบด้านนี้ก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ที่คู่กับคนไทยและคนไทยไม่ชอบ ผมก็แค่อยากรู้ว่ามันมีจริงมั้ย และมันดีหรือเปล่า มันเห็นผลหรือเปล่า

"ส่วนค่าเรียนบอกตรงๆ ไม่เสียเลยสักบาท ส่วนใหญ่ผมจะเช่าของแกมากกว่า บางทีแกก็ให้มา ผมไม่บอกชื่ออาจารย์เพราะหนึ่งท่านก็ไม่อยากดังอยู่แล้ว และไม่อยากจะสอนศิษย์คนไหน สอนไปก็เอาไปตั้งสำนัก ตั้งตำหนัก แล้วก็ประชันกับแก บางคนแกเสียไปแล้วก็มี ผมเรียนมา 4 คน 2 คนเสียแล้วอีก 2 คนก็ไม่ไหวแล้ว อายุมากแล้ว บางคนก็เลิกทำแล้ว เพราะด้วยหลายๆ อย่าง เขาก็เลิกไป ไม่เสียตังค์ แต่ส่วนใหญ่จะเช่าของแกที่แกสะสม แกเคยออกไปกับอาจารย์ของแกเอง ตกทอดมาก็มี อย่างอาจารย์ก่ายที่ผมเคยบอกไปเรื่องพี่นวล นั่นก็เสียแล้ว เป็นอาจารย์ขมังเวทย์ด้านหมอผีด้านสัปปะเหร่อ เป็นพวกผีๆ โดยตรง นั่นก็เสียไปแล้ว"

เข้าป่าขุดศพ แฉ "น้ำมันพราย" ไม่ได้ลนจากคาง แต่ต้องลนจากอวัยวะเพศ

"มีจริงครับ ผมเคยไปออกสนามจริงกับอาจารย์ ก็ไปแถบชายแดนบ้านเรา ประเทศเพื่อนบ้าน ไปทำพิธีกันจริงๆ ขุดกันจริงๆ โลงจริง บ้านเขาไม่เผา เขาจะฝัง การฝังของเขา เขาก็มีจอมขมังเวทย์ไสยศาสตร์ด้านนี้ของเขาอยู่แล้ว ถ้าตายธรรมดาทั่วไป ไม่มีอะไรก็เอาหัวไปทางทิศตะวันตก เท้าไปทางทิศตะวันออก แต่ถ้าคนที่เฮี้ยนๆ จัดๆ ตายทั้งกลม หรือผูกคอตาย เขาจะเอาหัวไปทางทิศตะวันออก เท้าหันไปทางทิศตะวันตก เป็นวิธีการข่มทางไสยศาสตร์

"ของขลังที่ใช้ๆ กันจะมีมวลสารอาถรรพ์ผสมด้วย เพื่อให้เกิดความเฮี้ยนความแรง ฉะนั้นมวลสารที่ว่านั้นก็ต้องเฮี้ยน เช่นการที่จะเอามาทำน้้ำมันพรายต้องเป็นผู้หญิงสาวสวย มีความสวย อายุยังน้อย ไม่มีลูกมีผัว วิธีการก็ดูฤกษ์ดูยาม เดินไปแต่ละที่ต้องเอาหมุดตอกตามแยกต่างๆ เพื่อการสะกด ตั้งแต่เดินออกจากบ้านอาจารย์ ไปป่าช้าประมาณซักพัก ถ้าเจอแยกตรงไหน แยกคันนา แยกทางเดินก็เอาหมุด เขามีไม้หมุด ก็ตอกหมดเลยตามแยก มุมตรงไหนก็ตอก เพื่อสะกดวิญญาณตามสามแยก หรือวิญญาณอาถรรพ์ตามสามแยกนั้น"

พอไปถึงก็มีพิธีขุดแล้วงัดฝาโลง สะกดทุกอย่าง เอาทรายเสกสาดก่อนแล้วเอาศพขึ้นมา ต้องบอกก่อนว่าเหม็นมาก เหม็นสุดๆ พอเอาศพขึ้นมาก็ทาพิธีถอดผ้าแล้วลน ไม่ได้ลนตรงคางเหมือนในหนังที่เราเห็นนะครับ แต่ลนตรงอวัยวะเพศ แล้วก็เอาน้ำมันมามันก็ทุลักทุเลนะครับเพราะศพบางศพก็เน่าแล้ว หมอผีพวกนี้เขาจะมีวิชาในการสะกด ไปทั้งหมด 4 คน รวมผมอีก 2 คนก็เป็น 6 คน ไปดูวิธีการทาในป่าช้า"

"สิ่งน่ากลัวสุดคือยุงเพราะเยอะมาก(หัวเราะ) น้ำมันเป็นน้ามันที่เฮี้ยนที่สุด ผู้หญิงคนนี้ต้องสวย เป็นที่หมายปองของผู้ชายหลายๆ คน ซึ่งศพนี้คนนี้เกิดอุบัติเหตุเรื่องมอเตอร์ไซค์ เราก็ไม่ได้ถามว่าตายเพราะอะไร อาจจะมอเตอร์ไซค์ชนหรือตกมอเตอร์ไซค์ อันนี้จำไม่ได้ 15 ปีมาแล้ว ทำกันกลางป่า การไปทำกลางป่าก็ต้องไปนอนที่ประเทศเพื่อนบ้าน คืนสองคืนเพราะต้องเข้าไปในป่าลึก พอทำเสร็จปุ๊บก็เอาน้ำมันแล้วก็ต้องสะกดเพื่อดวงวิญญาณจะได้ไม่ตาม พอมาถึงสำนักของอาจารย์ก็จะมีการเคี่ยวผสมด้วยน้ำมันไม่ให้เหม็นแต่ โห..เหม็นจริงๆ ใครไม่เคยได้กลิ่นนี่คือมันเหม็นสุดๆ ส่วนใหญ่ทำกันตามฤกษ์ยาม ช่วงนั้นก็ไปประมาณช่วงหน้าหนาว ต.ค. - พ.ย. - ธ.ค."

เผยเรียนวิชาด้านเสน่ห์ ทำเสน่ห์ ฝังรูปฝังรอย เสริมดวง ไล่ผี ไล่อาถรรพ์ ถอนคุณไสย คาถาต้องจำห้ามจดใส่กระดาษ

"ก็เรียนหลายอย่าง เรียนด้านเสน่ห์ ด้านเสริมดวง ด้านไล่อาถรรพ์คุณไสย ไล่ผี ฝังลูกฝังลอย เรียนเอาไว้ อาจารย์จะสอน บางคนก็ไม่ได้สอน เพราะไม่ได้เกี่ยวกับอะไรที่ทำให้ผมดีขึ้น พิธีกรรมคาถาต่างๆ ก็เรียนมาจากอาจารย์ ตอนแรกจดใส่กระดาษ พอใส่กระดาษปุ๊บจำได้อาจารย์ขยำทิ้งเลย อาจารย์บอกว่าปกติโบราณเขาจะเล่าปากต่อปาก ไม่มีการจด ไม่มีการเขียนลงกระดาษให้จำด้วยการท่องจำ คาถาอาคมเวทมนต์ต่างๆ เป็นการเล่าปากต่อปากให้จดให้จา ไอ้ผมก็อายุ 30 กว่าๆ ตอนนั้น ก็ไม่ได้จะจดจะจำ สมองไม่ได้ดี ก็ต้องเขียนกระดาษ พอจำได้อาจารย์ก็ขยำทิ้ง เรียนมาได้เยอะเหมือนกัน ลองผิดลองถูก วิธีการทำพวกนี้ต้องใช้วิธีครูพักลักจำ เล่นแร่แปรธาตุ ต้องพลิกแพลงได้บ้างไม่ได้บ้างก็ต้องทำให้ได้"

ตระเวณหาของอาถรรพ์ ไม้เสียบผี เงินปากผี ตะปูฝาโลง ตะแกรงเผาศพฯลฯ

"ก็เป็นไม้นะครับ ผีเวลาเขาเผากลางแจ้ง เวลาเขาแทงๆ ผี ให้มันกระจายเพื่อจะได้เผาง่ายขึ้น ตะปูต่างๆ ตะปูโลงศพต่างๆ เวลาเขาเอาไป เขาก็จะเอามารวมๆ กัน ทำมีดหมอด้วย ตะแกรงเผาศพเป็นตะแกรงเหล็กเขาก็จะเอามาเพราะรวมความอาถรรพ์ รวมความผีๆ อยู่ในนั้น ตะปูต่างๆ แล้วอีกอย่างคือเหรียญ เหรียญเงินปากผี สมัยโบราณก็ต้องบอกก่อนว่าตั้งแต่พญาเก่าๆ พวกเก่าๆ ต้องเอาของพวกนี้เวลาเผาศพแล้วเขาจะเอาเถ้ากระดูกใส่โกศไว้ ข้างในนั้นก็จะมีเหรียญเงินต่างๆ สมัยรัชกาลที่ 5 สมัยรัชกาลที่ 4 พดด้วงบ้างเราก็เก็บเหรียญพวกนี้เอาไว้จากโกศ"

"ส่วนใหญ่ลูกหลานเขาก็เอาเถ้ากระดูกไปลอยอังคารเรียบร้อยแล้วก็จะเหลือเหรียญพวกนี้ พอเราไปเจอที่จังหวัดต่างๆ ทั้งอยุธยา กรุงเทพ ปริมณฑล เขาเห็นว่าเป็นของไม่มงคลก็ให้เรามา เขาไม่เอากันเพราะมันไม่มีราคา แต่จะมีราคากับคนที่เรียนไสยศาสตร์ เรานี่ถือว่าของพวกนี้เป็นของที่มีฤทธิ์ ผู้มีไสยศาสตร์จะเล็งเห็นว่าเอาของพวกนี้มาทาด้านไสยศาสตร์ให้มีฤทธิ์เดชได้"

เผยมวลสารอาถรรพ์ศพที่ "หมอผี" อยากได้มากที่สุดคือ ผีตายทั้งกลม เพราะตายสองชีวิต รองลงมาคือผูกคอตาย ตกน้ำตาย และ ตายด้วยความรัก ยิ่งถ้าเป็นสาวน้อยพรหมจรรย์ตายยิ่งดีเอามาทำเสน่ห์

"ศพที่เฮี้ยนที่สุดคือผีตายทั้งกลม จะตายแบบไหนก็แล้วแต่ ต้องตายทั้งกลม เพราะตายสองชีวิต ตามหลักไสยศาสตร์ รองลงมาคือผูกคอตาย ตกน้าตาย ตายด้วยความรัก ฆ่าตัวตาย อันนี้รองลงมา สุดท้ายก็ตายอีกแบบ ตายด้วยพรหมจรรย์ อายุ 16-17 ยังไม่เคยผ่านชายไม่มีลูกไม่มีผัวไม่มีสามี ไม่ได้แต่งงาน พวกนี้ก็เอามาทำเสน่ห์ ถ้าผู้หญิงคนนี้สวย มีคนหมายปองทั้งหมู่บ้าน ก็จะมีคนเอามาทำเครื่องรางของขลัง บางคนก็สะเดาะปั้นเหน่ง บางคนก็เอาน้ามันพราย ต้องใช้วิธีการศึกษาก่อน

"บางทีผมไปเจอประเทศเพื่อนบ้าน เขาก็ทำกันเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ได้สนใจอะไรตายก็ตายไปแล้ว อีกอย่างขโมยเป็นเรื่องเป็นราว สมัยก่อนป่าช้านี่ไม่มีใครเข้า กลัวยิ่งกว่าบ้านเราอีกนะ เขาเชื่อเรื่องนี้จริงๆ ประเทศเพื่อนบ้านตอนเหนือเขาก็กลัวเรื่องนี้ เขาเสกเรื่องนี้กันจริงๆ เขาอ้วก หาสาเหตุไม่เจอ มันเป็นเรื่องที่คนเชื่อก็เชื่อ เหมือนคนที่เจอผีมาแล้วไปบอกคนอีก 10 คนว่าฉันไปเจอผีมา อีกสิบคนก็จะบอกว่ามึงเวอร์ ไม่จริงไม่เชื่อ"

"ส่วนใหญ่คนเล่นและสัมผัสพวกเครื่องรางของขลัง ถ้าได้คุณเขาจะไม่บอกใคร เพราะถ้าบอกแล้วฝั่งตรงข้ามเขาก็จะแก้ เครื่องรางต่างๆ จะไม่บอกกัน แม้ว่าตะกรุด ไปสักอะไรก็มาก็แล้วแต่ เขาจะไม่บอก จะลองของก็ไม่ควร เครื่องรางพวกนี้ก็เป็นเครื่องรางส่วนตัว ไม่ได้เอาไปอวดกัน ถอดเสื้อโชว์กัน ฉันสักอย่างนั้น ตะกรุดแบบนี้มีเครื่องรางแบบนั้นแบบนี้ ฉันมีปั้นเหน่ง ถ้าฝั่งตรงข้ามรู้เขาก็จะทeของแก้ จะไปยิงใครอะไรยังไง ก็ต้องแก้กัน รวมทั้งผงกระดูกผีด้วย ถ้าตายดีนะครับ ตายไม่ดีก็แล้วแต่บางทีสมัยใหม่เขาจะเผากันเลย ตายเสาร์เผาวันอังคาร ตายอังคารเผาศุกร์ เป็นเกี่ยวกับเอามาเป็นมนต์ตทำลายฝั่งตรงข้าม มีในสมัยรัชกาลที่ 4 มีการทำไสยศาสตร์ใส่กัน ก็มีการลงโทษ เกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์มนต์ตา ทำให้ฝั่งตรงข้ามมีอันเป็นไป"

"อันนี้ไสยศาสตร์ด้านทำลาย แต่ผมเป็นไสยศาสตร์เพิ่มคุณ หมายถึงเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่ทำลายฝั่งตรงข้าม มีหลายอย่างเช่น หนังเท้า โบราณด้านไสยศาสตร์เขาก็บอกว่าเลาะหนังเท้าคนตายโหง เป็นผู้ชายเอามาปุ๊บเขียนชื่อวันเดือนปีเกิดฝั่งตรงข้าม ม้วนๆ ฝังดินหรือใส่กระทงลอยน้าบุคคลนั้นชื่อบุคคลนั้นก็จะมอดไหม้มะลายเสียชีวิตไปบ้างก็มี แต่มันเป็นด้านไสยศาสตร์ด้านทาลาย ต้องบอกก่อนว่าผู้ทาจะต้องมีตบะวิชาในการทาจริงๆ อย่างผม ผมพูดตรงๆ ของพวกนั้นผมจะไม่เรียนเด็ดขาด ในด้านทำลายฝั่งตรงข้าม เพราะมันเป็นกรรมเกาะตัว ทำกันไปทำกันมา เขาก็รู้ว่าเรามีวิชา เราก็รู้ว่าเขามีวิชา ต่างคนต่างเล่นกันเอง เหมือนมือปืนใครแม่นกว่ากันก็ยิงกัน ก็เหมือนกัน ของพวกนี้ไม่ควรที่จะให้รู้"

โดนด่าจนต้องยอมเปิดตัวเป็น พ่อมด หมอผี จอมขมังเวทย์ เพื่อให้รู้ว่าด้านไสยศาสตร์มีจริง เผยกุมารทอง จจ. รุ่นต่างๆ เหรียญดวงดี วัวธนู ของขลังต่างๆ ของตนเองที่เปิดให้เช่า ล้วนปลุกเสกเองทั้งสิ้น

"ครั้งนี้ที่เรามาเปิดตัวว่าเรียนวิชาไสยศาสตร์มาก็ต้องบอกก่อนว่า หนึ่งเราโดนกระหน่ำเรื่องพี่นวลที่โดนด่า ทั้งบ้านทั้งเมืองสองหมื่นกว่ากระทู้ ล้านกว่าแชร์ เป็นข่าวไปก็ต้องบอกด้วยว่าไสยศาสตร์มีจริง ที่ผมเรียนเพื่อประโยชน์กับตัวเอง ต่อมาผมก็รู้สึกว่าเรารู้ด้านนี้ เราก็เริ่มสร้าง สร้างกุมารทองตั้งแต่จจ. 1 จจ.2 จจ.3 กุมารทองทุกรุ่นที่ผมสร้าง ผมก็ปลุกเสกเองด้วย โดยที่ไม่บอกใคร ต้องบอกก่อนว่าเหรียญดวงดี เหรียญต่างๆ วัวธนูต่างๆ ที่ผมสร้างก็ไว้ป้องกัน ผมไม่ได้สร้างควายธนู เพราะควายธนูคือการส่งไปทำลาย แต่วัวธนู เอาไว้ป้องกัน ตำหนักบ้านเรือน กันคุณไสย กันผีต่างๆ ที่จะมาทำร้ายนี่คือแนวป้องกัน"

"ต้องบอกทุกคนว่าส่วนใหญ่ผมจะเรียนด้านแนวป้องกัน แนวเสริม ไม่ใช่แนวทำลายฝั่งตรงข้าม ถ้าเรียนทำลายฝั่งตรงข้ามมากๆ ป่านนี้ก็คงตายไปแล้วก็ได้ (หัวเราะ) เพราะข้อห้ามเยอะมาก ผิดครูไม่ได้เลย ถ้าทำผิดข้อห้าม ผีจะกินตัว ข้อห้ามคือห้ามกินของดิบ ซูชิ ปลาแซลมอนกินไม่ได้เลย ปลาร้าไม่เคยผ่านความร้อนก็กินไม่ได้ อันนี้ต้องบอกก่อน"

มีแค่คนใกล้ตัวเท่านั้นที่รู้ว่า เรียนด้านไสยศาสตร์หมอผี พ่อแม่รู้แต่ห้ามไม่ได้พูดไม่ออก

"ก็จะมีคนใกล้ตัว ต้องบอกตรงๆ ก่อนว่าไสยศาสตร์เป็นสิ่งที่ค้นหาเหตุผลไม่ได้ เชื่อในเหตุผลไม่ได้ ไม่สามารถพิสูจน์ใดๆ ได้ แต่เชื่อในสิ่งที่คนๆ นั้นปฏิบัติ ใครปฏิบัติ ใครเชื่อ ใครศรัทธาก็จะเชื่อและเห็น ก็จะสัมฤทธิ์ผล ใครไม่เชื่อไม่ปฏิบัติก็จะไม่เห็น ก็ต้องบอกก่อนว่าสิ่งของพวกนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ได้ คุณพ่อคุณแม่ท่านก็รู้แต่ท่านไม่รู้จะพูดยังไง เพราะผมก็โตแล้ว อายุ 46 แล้ว ทำธุรกิจ ทำทุกอย่างมาหมดแล้ว ทั้งเป็นศิลปิน นักธุรกิจ แล้วครั้งหนึ่งในชีวิตผมจะศึกษาเรื่องพวกนี้ไม่ได้เหรอ บวชเรียนก็บวชมาแล้ว เราก็อยากศึกษาสิ่งที่เราอยากรู้ มันก็ไม่ผิดที่เราอยากจะรู้"

นักธุรกิจฮ่องกง จีน สิงคโปร์ แม้แต่ซูเปอร์สตาร์ฮ่องกงที่ดังระดับโลก เอ่ยชื่อมาไม่มีใครในเมืองไทยไม่รู้จัก ต่างมาให้ "แจ๊คจิลล์" ทำพิธีจนร่ำรวยมีชื่อเสียงโด่งดัง ล่าสุดก็เตรียมจะบินมาให้ทำพิธีอีก

"ไม่ได้ตั้งสานักครับ คนที่รู้จักกันส่วนตัวจะรู้ว่าเราเป็นวิชาพวกนี้ คนเป็นลูกศิษย์ผมส่วนใหญ่จะเป็นคนจีนฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน พวกนี้จะได้วิชาอาคมที่ผมเคยทำ ส่วนใหญ่ก็จะร่ำรวย ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจฮ่องกง สิงคโปร์ พวกนี้บ้านเมืองเขาเทคโนโลยีเจริญมาก แต่เขาสู้กันในไสยศาสตร์ ต่อสู้กันด้านกำลังใจซะมากกว่า ใครมีกำลังใจดีกว่า ใครมีเครื่องรางของขลังดีกว่า เขาก็จะประสบความสาเร็จในด้านการงานมากกว่า พวกนี้เขามีความเชื่อด้านนี้มาก"

"ผมก็ทำให้เขาสัมฤทธิ์ผล อย่างตัวอย่างที่เคยออกข่าวไป คนไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกงที่เป็นลูกศิษย์ผมแต่ไม่ได้บอกชื่อ แล้วก็ยังมีดาราจีน ฮ่องกงมาให้เราทำพิธีให้ ก็เป็นดาราระดับซูเปอร์สตาร์ เอ่ยชื่อมาไม่มีใคร ไม่รู้จัก เสียดายที่ตอนนั้นไม่คิดจะเปิดตัวเลยไม่ได้ถ่ายรูป จากนี้ไปใครจะให้ทำ จะขอถ่ายรูปไว้หมดไม่งั้นไม่ทำ ไม่งั้นจะหาว่าผมโม้ ทุกวันนี้ดาราก็ยังประสบความสาเร็จและยังดังอยู่ มีชื่อเสียงไปถึงฮอลลีวู้ด ล่าสุดก็นัดมาอีกแล้วครับ กeลังจะบินมาทeที่ไทยเร็วๆ นี้"

ดาราไทยแห่ทำเสน่ห์ เสริมดวง ปีเตอร์ คอร์ปไดเรนดัล อาร์ต พศุตม์ ก็มาให้ทำพิธีดวงดีให้จนมีงานมีเงินเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

"บางคนบอกแบ่งชนชั้นหรือเปล่า ทำไมไม่ทำให้คนจน ทำแต่กับคนรวย ผมต้องบอกว่าเราทำให้กับคนที่ต้องการ ที่เขาอยากให้เราทำไม่ใช่ว่าเปิดสำนักแล้วทำมั่วซั่ว ผมทำให้เขาประสบความสำเร็จด้านการเงิน การงาน ไม่ได้บอกว่าเขาจะเอาไปเล่นหวย เล่นคาสิโน ไม่ใช่ แต่เป็นด้านการงาน เหนือดวง ดวงเขาจะดีกว่าคนอื่น ก็เป็นพิธีกรรมในการทำ คนที่ทำได้ เขาดีตั้งเยอะตั้งแยะ ประสบความสาเร็จมาเยอะ อย่างดาราไทยก็ต้องบอกก่อนว่าทำหลายคน ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยทำด้านเสน่ห์"

"ผมจะทำเรื่องดวงมากกว่า ในด้านการงาน ดวงต้องมาก่อน ผมเรียกว่าพิธีดวงดี ทำพิธีดวงดีใช้มือประกบส่งพลัง ตบะวิชาที่ผมเรียนมาแล้วท่องคาถาส่งเข้าไป บุคคลนั้นก็จะได้พลังต่างๆ ไป แล้วเราก็สังเกตเขาก็จะดี ที่ผ่านมาก็ดีทุกคน ยังไม่มีใครไม่ดี จิตใจเขาก็ดีขึ้น สุขภาพจิตเขาก็ดีขึ้น อย่างที่เห็นในภาพปีเตอร์กับอาร์ตก็มาทำ และมีอีกหลายคน ทั้งที่เราถ่ายภาพไว้และไม่ได้ถ่ายภาพ เรื่องนี้จะรู้กันในหมู่ดาราที่สนิทๆ ไม่กี่คนเท่านั้น ทุกวันนี้จะเดินไปไหนยังต้องหลบดารา เพราะพอเขาเห็นเขาก็อยากจะให้เราทำพิธีให้"

พิธีดวงดี พิธีเด็ด เหนือดวง

"พิธีดวงดีคือ เสริมดวงนั่นแหละ ใช้พลังตบะวิชาที่ผมศึกษามาแล้วก็ฝึกมา ส่งไปให้กับบุคคลอีกคนหนึ่ง ก็เป็นวิชาที่ส่งให้เขาไปแล้ว เขาเอาไปใช้ประโยชน์ในการทำงาน ทำธุรกิจ สู้รบปรบมือ อย่างมีดาราคนหนึ่งเป็นรุ่นใหญ่แล้ว ตอนที่มาหาผมมีเงินในบัญชีเหลือติดตัวแค่ 3 พัน ผมเห็นแล้วอยากจะให้เขาได้รับโอกาสดีๆ ก็ทำพิธีให้ เขาก็ไปแคสงานละครเรื่องหนึ่งเรื่อง ซึ่งเป็นละครที่ดังมาก เขาก็ได้แต่คนอื่นไม่ได้ทั้งที่เขาเป็นดารารุ่นใหญ่เป็นดาราเก่า ก็เป็นการเสริมดวงด้านดวงดีให้เขา ดวงดีทุกอย่างแต่ไม่ได้ชี้นำว่าเป็นเรื่องหวยการพนัน กาสิโน ไม่มีใครรวยเพราะการพนัน แรกๆ ก็รวย แต่สุดท้ายก็หมดตัว"

ฟาดเละค่าครูทำพิธีดวงดีหลายแสน

"ถามว่าหลักแสนจริงไหม ก็ส่วนมากเราจะทำให้ต่างประเทศ อย่างดาราจีน ดาราฮ่องกงเขาก็ให้มา จริงๆ เราไม่ได้เรียกร้อง เขาให้มา เขาอยากเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กัน จริงๆ เราไม่ได้อยากมาเป็นอาจารย์ในสายนี้หรอกนะเพราะเราก็มีเงินจากการทำธุรกิจความงามคอสเมติกและสินค้าความงาม ไม่ต้องมาเป็นอาจารย์ไรพวกนี้ก็มีกิน แต่อันนี้เป็นเงินที่เขาตั้งใจที่จะให้จริงๆ ให้ก็รับ ไม่รับก็ไม่ได้ มันจำนวนน้อยสำหรับเขา เพราะเขาได้กลับไปเป็นร้อยๆ ล้าน"

ถ้าแจ๊คจิลล์ตายไป จะเอาไปทำมวลสารหรือเปล่า?

"ก็มีความคิดที่จะเอาไปทำมวลสารนะครับ (หัวเราะ) เป็นเรื่องไกลตัวนะครับ ตายแล้วก็ต้องบอกก่อนว่าผมอาจเป็นมวลสารให้ใครคนใดคนหนึ่งก็ได้ ก็เหมือนมวลสารจอมขมังเวทย์ต่างๆ ที่เขาขุดหรือมอบให้กันมา ก็เป็นสิ่งตกทอดกันไป เขาเรียกว่าไสยศาสตร์มนต์ตา ไสยศาสตร์อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ก่อประโยชน์กับคนเอา ไสยศาสตร์ที่ทำลายคนอื่นก็อย่าไปยุ่ง เพราะของพวกนี้ไม่มีวันจบ ไม่มีวันสิ้น ของพวกนี้มันรู้กันหมด ใครทำใคร ก็ทำกันไปไม่มีวันจบ อีกอย่างคนที่ศึกษาไสยศาสตร์โดยตรง ข้อห้ามก็เยอะอยู่แล้ว ใครคิดจะมาเรียนวิชาไสยศาสตร์ก็ต้องระวัง ใครแค่บูชาพวกเป็นเครื่องรางติดตัวได้ครับ ไม่มีข้อห้ามอะไร แต่ถ้าจะเป็นหมอผี หมอไสยศาสตร์ หมอต่างๆ อย่างที่ผมเป็น มันไม่ใช่ง่าย มันไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะเป็น ต้องบอกตรงๆ ว่าดวงชะตาแต่ละคน เกิดมาไม่เหมือนกันครับ"

ต่อไปในอนาคตจะเปิดเป็นตำหนักมั้ย?

"ก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้นนะครับ ทำเฉพาะคนที่ต้องการที่จะทำให้ นักธุรกิจต่างๆ เพราะผมเป็นนักธุรกิจ ผมอยากให้นักธุรกิจทำแล้วดีขึ้น หลายคนถามว่าทำไมไม่ทำให้ชีวิตตัวเอง ไปทำให้คนอื่น ชะตาชีวิตคนเรามีมาเท่านี้ ทำได้เท่านี้จริงๆ จะให้เยอะกว่านั้นก็เกินชะตาชีวิต สมมุติผมมี 1 ล้าน ผมจะมีหมื่นล้านก็ไม่ได้ ต้องไปตายแล้วเกิดใหม่ ต้องทำบุญ อนุเคราะห์คนในชาตินี้เยอะๆ ชาติหน้าจะได้เป็นเศรษฐีหมื่นล้าน ต้องบอกก่อนว่าชะตาชีวิตเขาให้มาเท่านี้ จะให้เกินกว่านี้ไม่ได้ ถ้าเกินกว่านี้คุณก็อยู่ในประเทศไม่ได้ คุณต้องไปอยู่ที่อื่น"

บทสัมภาษณ์ของฝาแฝดแจ๊คจิลล์นี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook