บิ๊กตำรวจเปิดใจ สูญเสียลูกชาย นตท. ถูกรุ่นพี่ซ่อมจนตาย 10 ปีก่อน

เปิดใจ ผกก.สส.2 ภ.5 พ่ออดีตนักเรียนเตรียมทหารที่เสียชีวิตจากการถูกธำรงวินัย เผยครอบครัวน้องเมยโทรมาปรึกษา ชี้รุ่นพี่ทำระบบพังเพราะลุแก่อำนาจ แนะสองฝ่ายหันหน้าหาข้อยุติ

การเสียชีวิตของ นตท.ภคพงศ์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหาร ที่ยังคงเป็นปริศนา ขณะครอบครัวตัญกาญจน์ ยังคงเดินหน้าเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงการเสียชีวิตว่า เกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน หรือ เสียชีวิตจากสาเหตุอื่น

ล่าสุดวันนี้ ( 27 พฤศจิกายน) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 พ.ต.อ.ณธีพัฒน์ อัครพงศ์ธิติ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งเคยสูญเสียบุตรชาย คือ นตท.กรัณฑ์ อายุ 17 ปี หลังถูกรุ่นพี่นักเรียนเตรียมทหารลงโทษ จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2550 ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

โดย พ.ต.อ.ณธีพัฒน์ เล่าย้อนเหตุการณ์ความสูญเสียครั้งสำคัญที่สุดของครอบครัว แม้เวลาจะผ่านไปนานกว่า 10 ปีแล้วก็ตาม ว่า บุตรชายเสียชีวิตจากการถูกลงโทษ หรือ ”ธำรงวินัย” เช่นเดียวกับน้องเมย ซึ่งเหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2550 ขณะนั้นบุตรชายเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 ถูกรุ่นพี่จำนวน 6 คน ลงโทษตามกฎธำรงวินัยหรือการซ่อม จนถึงแก่ความตาย โดยแพทย์สรุปว่ามีน้ำท่วมปอดกับสมอง เพราะถูกบังคับให้กินน้ำถึง 40 ลิตร 

หลังเกิดเหตุการณ์ตนก็ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ส่วนขั้นตอนทางกฎหมายครอบครัวได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับรุ่นพี่ทั้ง 6 คน กระทั่งผ่านไป 3 ปี 6 เดือน จึงตัดสินใจยุติการดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา เนื่องจากสงสารภรรยาที่ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะสูญเสียบุตรชาย จึงไม่อยากไปฟังคำพิพากษา ขณะศาลมีก็มีคำตัดสินรอลงอาญา 5 ปีกับรุ่นพี่ทั้ง 6 คน

ส่วนการดำเนินการทางวินัยกับรุ่นพี่ทั้ง 6 คน ทราบว่า ถูกให้ออกจากโรงเรียนเตรียมทหาร 1 คน ซ้ำชั้น 2 คน และอีก 3 คนถูกตัดคะแนน

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำกับครอบครัวของน้องเมยนั้น แม่ของน้องได้โทรศัพท์มาปรึกษาทางครอบครัว ซึ่งตนได้ให้กำลังใจ และบอกให้ทำใจและปล่อยวาง เพราะกระบวนการต่างๆ อาจใช้เวลานานหลายปี ซึ่งกระแสที่เกิดขึ้นในเวลานี้มีหลายฝ่ายออกมาพูดและให้ความเห็นจึงทำให้เรื่องไม่จบ จึงอยากให้ทุกฝ่ายกันมาจับเข่าพูดคุยและหาข้อยุติ โรงเรียนเตรียมทหารมีกฎและระเบียบที่ดีอยู่แล้ว ยกเว้นตัวบุคคล เพราะมีรุ่นพี่บางคนที่ลุแก่อำนาจ ขณะที่ครูอาจารย์ และผู้ดูแลนักเรียนเตรียมทหารอาจไม่ทราบ จึงขอวิงวอนให้โรงเรียนเตรียมทหารตรวจสอบและหาทางป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ความสูญเสียเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำรอยอีก