ตูน เปิดใจแม้ร่างกายผมจะช้ำ แต่รอยยิ้มคือพลังให้ก้าวไปถึงแม่สาย

ตูน เปิดใจแม้ร่างกายผมจะช้ำ แต่รอยยิ้มคือพลังให้ก้าวไปถึงแม่สาย

ตูน เปิดใจแม้ร่างกายผมจะช้ำ แต่รอยยิ้มคือพลังให้ก้าวไปถึงแม่สาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ที่นักร้องหนุ่ม "ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย" หรือ "ตูน บอดี้สแลม" ออกสตาร์ทครั้งแรก กับโครงการ "ก้าวคนละก้าว" เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ จากจุดเริ่มต้น ณ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ก่อนเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจุดพักหลักในช่วงครึ่งทางแรก รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 1,200 กิโลเมตร

โดยเมื่อเวลา 23.10 น. วันนี้ (3 ธ.ค.) ตูน บอดี้สแลม และขบวนนักวิ่งทีมงานก้าวคนละก้าว ได้เดินทางมาถึง ลานน้ำพุ คิง เพาเวอร์ ถนนรางน้ำ ท่ามกลางบรรยากาศการต้อนรับอย่างอบอุ่นของแฟนๆ และประชาชนชาวไทยที่ตั้งใจมาร่วมมอบเงินบริจาค ซึ่ง ตูน บอดี้สแลม ก็ได้ถือโอกาสนี้ เล่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตนเองและทีมงาน ตลอดระยะเวลา 33 วัน ที่เริ่มต้นโครงการให้เราฟังว่า

"สิ่งที่เกิดขึ้นกับโครงการก้าวคนละก้าว ผมว่ามันเป็นเหมือนผลพลอยได้ สิ่งที่เกิดขึ้น ผมเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดรวดเร็วและเป็นวงกว้างขนาดนี้ ในตอนแรกผมคิดว่า ผมแค่อยากจะใช้สิ่งที่ผมมีความสุขทำให้เกิดประโยชน์ ซึ่งผมมีความสุขกับการออกกำลังกาย เล่นฟุตบอล ตีปิงปอง ผมมีความสุขอยู่กับมันได้โดยไม่ต้องมองเวลา มองนาฬิกา"

"ดังนั้นผมจึงอยากทำกับสิ่งที่มีความสุขให้เกิดประโยชน์กับคนอื่นด้วย อยากใช้เสียงที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ให้มีคนได้ยินในสิ่งที่เราเปล่งเสียงบ้าง บอกเล่าเรื่องโรงพยาบาลที่เราได้รู้ได้เห็น ให้คนใจดีทุกคนฟังว่ามีตรงนั้นตรงนี้ว่าต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งพอเราเล่าไปแล้ว ใครจะช่วยเหลือหรือไม่ช่วยเหลือแล้วแต่สิทธิส่วนบุคคล แต่เราดีใจที่เห็นคนไทยมารวมกันที่นี่ วิ่งจากเบตงมาถึงกรุงเทพฯ 33 วัน มาถึงที่นี่สักที"

"เรื่องตลกระหว่างทางที่เกิดขึ้น คือผมเจอคนเยอะมาก เจอคุณยายหลายคน บอกด้วยความเป็นห่วงว่า “ถ้ามันเหนื่อยมาก ทำไมไม่ขึ้นรถไปล่ะลูก” เขาเป็นห่วง ว่าเราเหนื่อยขนาดนี้ทำไมไม่ขึ้นรถ และผมไม่ได้เจอคนเดียว 3-4 คนบอกผมอย่างนี้ ผมก็บอกไม่ได้ๆ ผมต้องวิ่งไป ตลอดทางมีเหรียญบาท ห้าบาท สิบบาท แบงค์ยี่สิบ แบงค์ร้อย แบงค์พัน บางคนนำเงินเป็นหมื่นหยิบใส่มือเรา 33 วัน มาถึงกรุงเทพฯ จากเศษเงินที่ว่ารวมเป็น 400 กว่าล้าน ผมอยากเห็นพลังคนไทยที่รวมกัน มีน้อยให้น้อย มีมากให้มาก ไม่เดือดร้อนตัวเอง อยากให้เกิดพลังตรงนี้"

"ความรู้สึกของผมตอนนี้ ผมรู้สึกมีความสุขมาก ถึงแม้ว่าร่างกายจะมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอดเวลา หรือแม้แต่วันที่มันไม่เป็นดั่งใจจนต้องหยุดพัก รวมไปถึงทีมแพทย์สั่งให้หยุด แต่สุดท้ายวันนี้ผมก็เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ได้ มันอาจจะล่าช้ากว่ากำหนดไป 2 วัน แต่ผมก็มีความสุขมากครับ (ยิ้ม)"

Photo by Sanook! Newsประชาชนรอต้อนรับ ตูน บอดี้แสลม ที่ King Power ซอยรางน้ำ

"ถามว่าตอนที่ร่างกายบาดเจ็บผมรู้สึกยังไง แน่นอนครับมันต้องรู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว แต่เราก็อุ่นใจตรงที่เรามีทีมแพทย์และทีมกายภาพติดตามกันไปตลอด ช่วยกันวิเคราะห์วันต่อวัน รวมถึงช่วยรักษาวันต่อวัน จนสุดท้ายก็ประคองกันมาจนถึงวันนี้ และเอาจริงๆ ผมคิดตั้งแต่ก่อนวันที่จะเริ่มวิ่งแล้วครับว่า การบาดเจ็บหรืออะไรที่มันไม่เป็นดั่งใจ มันต้องเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมอยู่แล้ว แต่อย่างที่บอกเราเองก็มีทีมที่ทำงานหนักที่ทำหน้าที่ค่อยๆ ประคับประคองกันไป จนวันนี้เรามาถึงกรุงเทพฯ ได้ครับ"

"สำหรับสภาพร่างกายของผม ณ ตอนนี้ ก็อะไรที่เจ็บได้ผมก็เจ็บหมดครับ (ยิ้ม) แต่สิ่งที่ทำให้ผมยังวิ่งได้ก็คือ รอยยิ้ม รอยยิ้มตั้งแต่วันแรกที่เบตงจนถึงวันนี้ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยรอยยิ้มของทุกคน เสียงเชียร์ของทุกคน ทุกคนออกมาร่วมด้วยช่วยกันกับเรื่องที่เราบอกผ่านเกี่ยวกับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนต่างๆ มันทำให้แม้ว่าร่างกายของผมจะช้ำ แต่ข้างในใจมันยังมีแรงต่อไปได้เพราะภาพเหล่านี้ครับ"

Photo by Sanook! News

"ในส่วนกำหนดการที่วางไว้ว่าจะต้องไปถึงในระยะเวลา 55 วัน อย่างที่ผมได้บอกบนเวทีในฐานะนักกีฬาหรือนักวิ่ง ผมก็อยากจะพิชิต ซึ่งครั้งที่แล้วผมพิชิตระยะ 400 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ สู่บางสะพานภายในระยะเวลา 10 วัน ตามที่กำหนดได้"

"และครั้งนี้เราก็คิดว่าเราอยากจะทำให้ได้ตามที่เรากำหนดเช่นเดียวกัน โดยที่เราก็ทำเต็มที่ที่สุด ซึ่งสุดท้ายมันจะอยู่ที่กี่วันก็เป็นเรื่องของอนาคต เพียงแค่สิ่งที่เราตั้งใจ เราก็อยากจะทำให้มันสำเร็จ เพราะมิเช่นนั้นความตั้งใจมันก็จะดูเลื่อนลอย"

ขณะที่ คิง เพาเวอร์ ภายใต้โครงการ "King Power Thai Power พลังคนไทย" ที่ก่อนหน้านี้ได้ร่วมสนับสนุนเงินจำนวน 24 ล้านบาท ตั้งแต่ ตูน บอดี้สแลม เริ่มต้นโครงการ "ก้าวคนละก้าว" เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ

และในวันนี้เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณพลังของคนไทยที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 77 จังหวัด ทาง คิง เพาเวอร์ จึงได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนเพิ่มอีก 87.64 ล้านบาท ซึ่งเมื่อนำมารวมกับองค์ต่างๆ ที่ร่วมบริจาคบนเวทีในวันนี้ 12.36 ล้านบาท ยอดทั้งหมดที่ได้จึงมีจำนวนเงินรวมแล้ว 100 ล้านบาท

 

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ ตูน เปิดใจแม้ร่างกายผมจะช้ำ แต่รอยยิ้มคือพลังให้ก้าวไปถึงแม่สาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook