พี่น้องลาวยอมรับขนเงินธุรกิจมืด 98 ล้าน หลบกฎหมาย ไม่มีจนท.เอี่ยว

พี่น้องลาวยอมรับขนเงินธุรกิจมืด 98 ล้าน หลบกฎหมาย ไม่มีจนท.เอี่ยว

พี่น้องลาวยอมรับขนเงินธุรกิจมืด 98 ล้าน หลบกฎหมาย ไม่มีจนท.เอี่ยว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

นายด่านศุลกากรหนองคาย เผยผลสอบสองพี่น้องชาวลาว ขนเงิน 98 ล้านบาท ระบุเจตนาหลบกฎหมายทั้งสองประเทศไทยลาว ย้ำเจ้าหน้าที่ทุกคนไม่มีส่วนรู้เห็นการนำเงินเข้ามาขาย

จากกรณีสองพี่น้องชาวลาว ที่ลักลอบนำเงิน 98 ล้านบาท ซุกซ่อนไว้ตามที่ต่างๆ ภายในรถยนต์เดินทางกลับประเทศลาว แต่ถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคายจับกุมได้ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น

ความคืบหน้าในวันนี้ (18 ธ.ค. 60) นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย ได้เปิดเผยความคืบหน้าของคดีนี้หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์ว่า ได้เรียกสองพี่น้องมาสอบปากคำ เก็บรายละเอียดเพิ่มเติม ก็ทราบว่า ทั้งสองคนมีเจตนาที่จะหลบกฎหมายทั้งไทยทั้งขาเข้าและขาออกประเทศ ซึ่งการนำเงิน 2.8 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ทั้งสองคนยืนยันว่านำไปขาย ไม่ใช่การแลกเงิน ให้กับธนาคารกรุงไทย สาขาหนองคาย เพียงแห่งเดียว แล้วนำเงินซุกซ่อนไว้ตามลานจอดรถของธนาคาร ซึ่งศุลกากรได้ทำหนังสือสอบถามไปยังธนาคารแล้ว คาดว่าจะมีหนังสือตอบข้อซักถามกลับมาภายในสัปดาห์นี้

จากนั้นเจ้าหน้าที่จะรวบรวมข้อมูลเสนอกรมศุลกากรนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับของกรมศุลกากร ผ่านทางฝ่ายสำนักกฎหมายของกรมศุลกากร ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการเดือนละ 1 ครั้ง ที่ประกอบด้วย ตัวแทนจากสำนักงานอัยการ, ตัวแทนกระทรวงการคลัง ตัวแทนกรมศุลกากร และตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้พิจารณายึดเงิน 94 ล้านบาท คืนให้สองพี่น้องชาวลาว 4 ล้านบาท หรืออาจมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการ

ส่วนสองพี่น้องชาวลาว ก็ยังใช้สิทธิประกันตน แต่ต้องอยู่ในพื้นที่จังหวัดหนองคายต่อจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ในการนำเงินเข้าและเงินออกนอกประเทศ ไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด แต่เป็นเงินนอกระบบของประเทศเพื่อนบ้าน ที่ต้องการหลบเลี่ยงการตรวจสอบ เมื่อเป็นธุรกิจเงินด้านมืดก็ไม่ต้องการเปิดเผยถึงที่มาของเงิน จึงยอมยกเงิน 98 ล้านบาทให้ทางการไทยแต่โดยดี การนำเงินมาขายให้กับธนาคารนั้นธนาคารมีสิทธิรับซื้อได้ แต่ต้องหาทางป้องกันร่วมกับทางธนาคารอีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ทางการลาวขอให้ฝ่ายไทยให้ความเป็นธรรม ขอให้ดูแลคดีนี้ให้ดี ซึ่งนายด่านศุลกากรหนองคาย ก็ย้ำชัดว่าดำเนินการตามระเบียบ และขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ ถ้าทำผิดก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่บางคนมีส่วนรู้เห็นกับการขนเงินเข้าออกนั้น นายด่านศุลกากรยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าวอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน ยังได้ขอความร่วมมือกับผู้ที่ต้องการนำเงินตราออกนอกประเทศ ให้มาแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำด่านพรมแดนฯ ก่อนทุกครั้ง หากยอดเงินถึง 450,000 บาท ต้องดำเนินการ ตามระเบียบของกรมศุลกากร ซึ่งในช่วงนี้มีความกังวลว่าอาจมีขบวนการเช่นนี้ลักลอบนำเงินเข้าออกประเทศอีก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลจะมีรถยนต์เข้าออกไม่ต่ำกว่าเดือนละ 50,000 คัน เจ้าหน้าที่จะเพิ่มความเข้มงวด ตรวจสอบรถหรูให้ถี่มากขึ้นเพื่อเป็นการป้องปราม

และในวันที่ 1 ม.ค.2561 เป็นต้นไป ชาวลาวที่นำรถยนต์เข้าประเทศหากไม่ใช่เจ้าของรถยนต์จะต้องมีใบมอบอำนาจจากเจ้าของรถมาแสดง ต่อเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง ทั้งกรณีรถส่วนบุคคลและรถยนต์ของบริษัททุกประเภท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook