‘ประยุทธ์’ ประกาศแล้ว ‘ไม่ใช่ทหาร แต่เป็นนักการเมือง’

‘ประยุทธ์’ ประกาศแล้ว ‘ไม่ใช่ทหาร แต่เป็นนักการเมือง’

‘ประยุทธ์’ ประกาศแล้ว ‘ไม่ใช่ทหาร แต่เป็นนักการเมือง’
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวหลังประชุมครม. นัดแรกของปีในวันที่ 3 ม.ค. ว่า วันนี้เป็นวันแห่งความสุข เป็นวันแห่งรอยยิ้ม ตนก็ยิ้มเยอะๆ แต่เก่าตนยิ้มแล้วหุบเร็ว เพราะเป็นคนไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ หน้าเป็นแบบนี้ วันนี้ต้องเปลี่ยนแปลงเพราะผมไม่ใช่ทหาร แต่เป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร แม้จะติดนิสัยทหารอยู่บ้างแต่ท้ายที่สุดคือประชาชน และไม่ใช่ประชาชนของตน แต่ประชาชนของประเทศไทย และไม่ใช่ของพรรคไหน

ทุกคนเป็นพลเมืองไทย ก็ต้องหนุนการเมืองที่ถูกต้องมีธรรมาภิบาลมีการเลือกตั้งในระบบยุติธรรม มีพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ มีพรรคการเมืองที่ใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่าและประหยัด ตรวจสอบได้และการตรวจสอบเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม อย่าตัดสินกันเองเลยทุกเรื่อง

ส่วนจะเป็นนักการเมืองยาวเลยหรือไม่นั้น ตนไม่เคยอยากเป็นสักวัน ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ยังไม่ได้อยากเป็น แต่มันด้วยหน้าที่ความจำเป็นชีวิตรับผิดชอบ ตนรับผิดชอบด้วยชีวิตของตน

ขณะเดียวกัน ย้ำว่า กรอบเวลาในการเลือกตั้งยังเป็นไปตามโรดแมปที่วางไว้ และได้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ขึ้นอยู่กับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูก ที่ยังอยู่ในการพิจารณาของ สนช. ยืนยันอีกครั้งตนเองและ คสช. ไม่สามารถสั่งการได้ เพราะทุกอย่างมีขั้นตอน และกระบวนการตาม สนช. ที่ต้องแปรญัตติ และถามความคิดเห็นประชาชน ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า หาก คสช. มีอำนาจในการสั่งการ สนช. กระบวนการต่างๆ คงแล้วเสร็จได้เร็ว โดยภาพรวมความเรียบร้อยในประเทศ ถือว่าเรียบร้อยในระดับหนึ่ง. นั่นเพราะมีกฎหมายพิเศษ บังคับใช้อยู่จึงจะต้องมองว่าในอนาคต หากไม่มีกฎหมายเหล่านี้ และใช้กฎหมายปกติ สถานการณ์จะเป็นอย่างไร เพราะได้มีบทเรียนจากการเลือกตั้งมาแล้ว

ส่วนพรรคการเมืองเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยการออกคำสั่ง ม.44 ว่าด้วยเรื่องการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง ที่อ้างขัดกับรัฐธรรมนูญ ให้เป็นเรื่องของศาลที่จะต้องดำเนินการตามกระบวนการพิจารณา 

ดังนั้นขอทุกฝ่ายอย่ามองว่าเป็นรัฐบาลทหาร เพราะถึงแม้ตนเองเคยเป็นทหาร แต่วันนี้ไม่ได้เป็นทหารแล้ว เพราะเกษียณอายุราชการมาแล้วถึง 3 ปี ต้องดูด้วยว่า มีความพยายามสร้างความเกลียดชังทหารหรือไม่ ที่สำคัญรัฐบาลในขณะนี้มาจากหลายภาคส่วน ดังนั้นแนวคิดที่ใครหรือพรรคการเมืองใดจะจับมือกัน ตามที่เป็นข่าว ก็เป็นสิทธิ์ของทุกพรรคการเมือง 

ทั้งนี้หากพรรคใดเป็นที่ยอมรับของประชาชน มีสมาชิกพรรคที่ถูกต้องครบถ้วน สังคม ย่อมรับได้ ที่สำคัญ สื่อ และประชาชนก็ต้องเลือกอนาคตของตนเอง เพราะตนไม่สามารถบังคับให้เลือกใครได้ และหลังจากนี้ไม่อยากให้ใช้คำว่าการต่อสู้ทางการเมือง หรือการอยากอยู่ในอำนาจต่อ

เพราะเบื่อการใช้อำนาจ เนื่องจากตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ได้อำนาจทางทหารในการบังคับบัญชา จึงไม่รู้สึกว่าอยากมีอำนาจต่อไป แต่การเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องกำกับการดูแลของทุกหน่วยงาน จึงไม่ได้ใช้แนวคิดแบบทหาร แต่มีอย่างเดียวที่ทหารและการบริหารบ้านเมืองที่ใช้ร่วมกันคือ การขับเคลื่อนงานไปสู่การปฎิบัติ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook