เปิดใจ เพื่อนบ้านเสก โลโซ เผยอดีตเป็นคนร่าเริง แต่ชื่อเสียงฉุดให้เปลี่ยน

เปิดใจ เพื่อนบ้านเสก โลโซ เผยอดีตเป็นคนร่าเริง แต่ชื่อเสียงฉุดให้เปลี่ยน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีนายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ เสก โลโซ ร็อกเกอร์ชื่อดัง ยิงปืนขึ้นฟ้า 10 นัด เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2560 ภายหลังจากเล่นคอนเสิร์ตภายในวัดเขาขุนพนม อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังบุกจับดำเนินคดี กลายเป็นข่าวดังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างกว้างขวางอยู่ในขณะนี้นั้น

ล่าสุด วันนี้ (4 ม.ค. 61) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่ บ้านโคกหนองไผ่ หมู่ 2 ต.สายออ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเสก โลโซ พบว่าบ้านหลังดังกล่าวไม่มีใครอยู่ภายในบ้าน โดยได้ใส่กุญแจปิดประตูรั้วบ้านอย่างมิดชิด ทั้งบ้านหลังดังกล่าวมีรั้วสีชมพู เป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งไม้ ครึ่งปูน ภายในมีการนำป้ายไวนิลรูปของเสก โลโซ ติดไว้บริเวณโรงจอดรถ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา

สอบถามเพื่อนบ้านหลายคน ต่างบอกว่าบ้านหลังนี้มีเพียงนางปลิว สุขพิมาย อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นมารดาของเสก โลโซ อาศัยอยู่คนเดียวเท่านั้น ส่วนลูกๆ ต่างก็แยกย้ายกันไปสร้างครอบครัวอยู่ที่อื่นกันหมด ซึ่งเมื่อช่วงวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา นายอมร ศุขพิมาย หรือ แสน นากา พี่ชายของเสก ได้พาคุณแม่เข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปให้กำลังใจลูกชาย

นายเกรียงศักดิ์ อายุ 34 ปี เพื่อนบ้านซึ่งมีรั้วบ้านติดกัน เล่าว่า เสก โลโซ ไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านนานกว่า 3 ปีแล้ว ครั้งล่าสุดเห็นมาทอดผ้าป่าที่วัดบ้านโคกหนองไผ่ หลังจากนั้นก็ไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ตลอด ส่วนกรณีที่พี่เสก ไปยิงปืนขึ้นฟ้านั้น ก็คงจะเป็นเรื่องของการคึกคะนองส่วนตัว ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าพี่เสกคิดอะไรอยู่ แต่ได้ยินข่าวแล้วก็รู้สึกตกใจ กับการกระทำดังกล่าวของพี่เสก

ด้าน นางชูชิด พรมเกาะ อายุ 59 ปี เพื่อนบ้านเล่าว่า ตนเองนั้น เห็นเสก โลโซ ตั้งแต่ตัวยังเล็ก ปกติเขาจะเป็นคนที่ร่าเริงแจ่มใส คุยเก่งและชอบแสดงออก แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนได้กลายเป็นศิลปินดัง ก็ทำให้ไม่ค่อยได้เจอกัน จึงไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้จะเป็นคนสนุกสนานร่าเริงเหมือนเดิมหรือไม่

กระทั่งล่าสุดมีข่าวการยิงปืนขึ้นฟ้า ก็รู้สึกตกใจและสงสารนางปลิว มารดาของเสก เพราะทุกครั้งที่มีข่าวของลูกชายทำเสียหาย แกก็จะซึมเศร้า กลัวว่าจะคิดมากจนสุขภาพร่างกายไม่ดี

ขณะที่ นางอัญชัญ จันทร์ศร อายุ 47 ปี เจ้าของร้านค้า ซึ่งเปิดร้านอยู่ติดกับรั้วบ้านของเสก โลโซ เล่าว่า ในอดีตนั้นตนเองเป็นนักเรียนรุ่นพี่ที่โรงเรียนบ้านโคกหนองไผ่ เขาจะเป็นคนที่เรียนเก่งมาก เวลาครูให้อ่านข่าวภาษาอังกฤษหน้าเสาธง จะสามารถอ่านได้อย่างคล่องแคล่ว และชอบแสดงออกด้านดนตรี จนเป็นที่รักของเพื่อนๆ ในโรงเรียน

ต่อมาเมื่อเติบโตขึ้น ก็ได้ไปเป็นศิลปินนักร้อง จนกระทั่งมีชื่อเสียงโด่งดังระดับแนวหน้าของไทย เมื่อกลับมาบ้านทุกครั้งก็จะมีการ์ด คอยคุมหน้า คุมหลัง ทำให้ชาวบ้านเข้าไม่ค่อยถึงตัวนัก ชาวบ้านที่นี่จึงเริ่มรู้สึกห่างเหินกับเสกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ขณะที่นายอมร ศุขพิมาย หรือ แสน นากา พี่ชายของเสก ก็ได้เป็นศิลปินนักร้องเหมือนกัน แต่เขาเป็นคนที่ทำตัวเรียบง่าย เมื่อมาบ้านก็จะเข้ามาทักทาย พูดคุยกับเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด

แม้ล่าสุดที่มาแสดงในงานปิดทองฝังลูกนิมิต ที่วัดโคกน้อย ต.สายออ อ.โนนไทย เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 60 ก็ยังมาเล่นกับตนที่บ้านเหมือนคนในหมู่บ้านทั่วๆ ไป ทำให้ชาวบ้านที่นี่รู้สึกรักและผูกพันกับแสนมากกว่าเสก ซึ่งตนมองว่าความมีชื่อเสียงโด่งดัง ทำให้คนเราเปลี่ยนไป

จึงขอฝากไปถึงเสกด้วยว่า จะทำอะไรก็ให้ใจเย็นๆ เข้าไว้ เพราะตัวเองเป็นศิลปินดังเป็นคนของประชาชน ย่อมถูกจับตามองจากสังคมทั่วไป ถ้าทำดีก็ย่อมได้รับเสียงชื่นชม แต่ถ้าทำไม่ดีก็จะมีคนคอยซ้ำเติม และส่งผลถึงคนในครอบครัว เช่นมารดาด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook