จากปาก ลาล่า เล่าถึงนาทีระทึก ตั้งใจไปทำบุญแต่กลับถูกขู่ฆ่า เพราะ GPS

จากปาก ลาล่า เล่าถึงนาทีระทึก ตั้งใจไปทำบุญแต่กลับถูกขู่ฆ่า เพราะ GPS

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตกอกตกใจอยู่ไม่น้อย สำหรับนักร้องสาวอารมณ์ดี “ลาล่า อาร์สยาม” เพราะล่าสุดเธอได้ออกมาเผยกับสื่อมวลชนให้ฟังถึงกรณีที่ขับรถตามจีพีเอสแต่กลับหลงเข้าป่าไปเจอคนขู่ฆ่า โดยสาวลาล่าได้เล่าให้ฟังว่า วันนั้นตั้งใจจะไปทำบุญกับคู่หู “ลูลู่ อาร์สยาม” เนื่องในวันคล้ายวันเกิดอีกฝ่ายวัดในตำบลดอนแร่ จ.ราชบุรี แต่ด้วยความไม่ชินทางจึงเปิดจีพีเอสดู กลับทำให้หลงเข้าไปในพื้นที่ป่าของชาวบ้านจนถูกขู่ฆ่าเพราะบุกรุก แต่เธอก็ไม่ได้แจ้งความอะไร เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายจริงๆ

เหตุการณ์วันนั้นเกิดอะไรขึ้น ?
"พอดีวันนั้นเป็นวันเกิดลูลู่ ปกติเราก็จะไปทำบุญไม่ว่าจะเป็นวัดต่างๆ สถานสงเคราะห์ต่างๆ อยู่แล้ว ครั้งนี้ก็เลยเลือกไปทางราชบุรี ตอนแรกจะไปใส่บาตรเช้า ก็นัดกันตอนเช้า ซึ่งในการเดินทางทุกครั้งเราก็ต้องทำการบ้านก่อนว่าเราจะไปสถานที่ตรงนี้เราก็ต้องจิ้มจีพีเอสแล้วว่าใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่ และมันใช้เวลาประมาณ 1 ชม.กับ 48 นาที เราก็เลยคิดว่าไปคนเดียวดีกว่า เพราะถ้าไปขึ้นรถที่บ้านลูลู่จะต้องตื่นตี 3 อาบน้ำแต่งตัวตี 4 ออกรถตี 5 มันเร็วเกินไป เพราะก่อนหน้านี้เคยไปแล้วและหลงแบบนี้แล้วด้วยจีพีเอส แต่เราก็ฝืน พอไปมันก็เป็นป่า สุดท้ายก็ไปจนถึง แต่ไปเข้าทางหลังวัด”

“เราก็ชะล่าใจว่าเพราะเราไม่ได้มานาน สงสัยหญ้ามันคงจะขึ้นเยอะไปหน่อย ซึ่งเราก็เอาบุญจากท่านเจ้าอาวาสที่วัดสมุทรปราการมา ท่านฝากข้าวสารอาหารแห้งมาให้น้องๆ พิการซ้ำซ้อนเพราะเราต้องไปหาน้องๆ อีก รถมันก็หนักมาก ขับเร็วไม่ได้”

“กว่าจะไปถึงจุดที่เจอผู้ชายคนนั้นก็ประมาณเกือบ 10 กิโล คิดว่าถ้ายางมันแตกเราจะออกจากจุดนั้นได้ยังไง ตอนนั้นเราพยายามจะถอยหนีออกให้ได้ ผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามา เราก็คิดว่าเขาจะถามว่าหนูหลงทางเหรอ แต่เขากลับบอกว่าถ้าผมมีปืนอยู่ในมือผมยิงคุณแล้ว เขาก็พูดปกติเลยนะ เหมือนไม่ตั้งใจมาขู่ แต่เสียงที่พูดมันเหมือนคำทักทายนะ แต่สิ่งที่ทำให้เราน้ำตาแตกคือที่บอกว่าถ้ามีปืนอยู่ในมือ แต่ที่เขาสะพายอยู่นั่นก็ปืนยาวนะ อาจจะไว้ใช้ยิงนก ก็คิดว่าถ้าเขาเจตนาร้ายกับเราจริง เขาน่าจะใช้ปืนนั้นยิงเราแล้วหรือเปล่า เขาก็พยามยามพูดบอกเราดีๆ นะ แต่เราก็กลัวและอยู่คนเดียว”

“ก็อธิบายไปว่าจีพีเอสพาเข้ามา หนูไม่มีเจตนาจะเข้ามาตรงนี้ ในใจตอนนั้นหน้าพ่อหน้าแม่ลอยเข้ามา (เสียงสั่น) และคิดอีกอย่างหนึ่งคือพระอาจารย์ท่านฝากบุญมา และเราตั้งใจจะไปทำบุญกับลูลู่ และเอาบุญนี้ไปส่งให้น้องพิการซ้ำซ้อนที่เราตั้งใจมาก (น้ำตาคลอ) เราก็คิดขอให้บุญนี้นำพาไปส่งให้ถึงน้อง ก็พยายามคุยกับเขาดีๆ และถอยจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด แต่มันทำอะไรที่รวดเร็วไปกว่านั้นไม่ได้ เพราะลาล่าอยู่คนเดียวและมันต้องตั้งสติ และทุกคนก็ถามว่าทำไมไม่โทรหาไม่ติดต่อใคร แต่ตอนนั้นมันติดต่อใครไม่ได้เลย เรามีสัญญาณอยู่คนเดียว แต่คนที่อยู่วัดไม่มีสัญญาณเลย"

แถวนั้นไม่มีบ้านคนเลยเหรอ ?
"มันเหมือนทางไปสวนไปนาบ้านเรานี่แหละค่ะ มันก็แค่มีรถสวนผ่าน แต่ตอนนั้นไม่มีเลย เราก็พยายามถอยออกมาเส้นที่มีคนที่สุดแล้ว แต่จีพี่เอสบอกว่าอีก 3 กิโลและอีก 10 นาทีถึง เราเลยพยายามอยู่แถวๆ นั้น และในเมื่อติดต่อใครไม่ได้ ก็เลยไลฟ์สดเลยดีกว่า ทุกคนจะได้รู้ว่าเราอยู่ตรงนี้ และถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเราทุกคนจะได้ตามหาเราเจอ"

เขาบอกไหมว่ามันเป็นที่ของเขาหรืออะไร ?
"ที่จำได้เขาบอกเพิ่งมีเรื่องหรือมีปัญหากับอะไรก็ไม่รู้ กลายเป็นเราเป็นคนแปลกหน้าที่เข้าไป ก็ไม่รู้ว่าเขาระแวงใครหรือเปล่า รถก็เป็นทะเบียนต่างจังหวัดด้วย พอหลงเข้าไปเขาก็คงใช้วิธีป้องกันตัวของเขาด้วยการใช้คำพูดแบบนี้ เขาก็ไม่ได้ช่วยบอกทางออก เราออกเอง เขาเหมือนพยายามที่จะพูดคำเดิม คือตอนลดกระจกลงครั้งแรกเพราะเราเข้าใจว่าเขาจะมาบอกทางเรา ถ้ารู้อย่างนั้นจะไม่ลดกระจกลงเลย เพราะไม่รู้ว่าเขาจะชกเราหรือจะทำอะไรไปมากกว่านี้หรือเปล่า เขาก็เหมือนจะขับรถนำเราออกไปถนนใหญ่ แล้วเขาก็หายไป แล้วเขาก็กลับมาและใช้คำพูดเดิมอีกว่าถ้ามีปืนอยู่ในมือนี่โดนยิงไปแล้ว เขาก็พูดคำเดิมอีก"

ณ ตอนนั้นคิดว่าจะโดนเขายิงไหม ?
“มันคิดได้หลายอย่างมากว่าถ้าไม่ใช่เขา แล้วเราไปเจอคนอื่นที่อยู่แถวนั้นล่ะ ตอนนั้นเราไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือใครได้เลย ตอนนั้นมีแต่หมา”

สรุปออกมาได้ยังไง ?
"ก็ค่อยๆ ขับออกมาค่ะ เพราะมันขับเร็วไม่ได้ มันมีกิ่งไม้ยาวๆ เข้าไปเสียบใต้ท้องรถ เราก็กลัวมันโดนเพลารถและกลัวโดนพัดลมแอร์ เรากลัวทุกอย่างเลย ตอนนั้นเครื่องก็ดังกึกๆ ตลอดทาง ก็ภาวนาว่าวันนี้ตั้งใจมาทำบุญขอให้ลูกหลุดจากตรงนี้ เพราะฝืนรถออกไปเกือบ 10 กิโลกว่าจะถึงถนนใหญ่"

พอหลุดมาได้แล้วเราไปไหนต่อ ?
"ลู่คงหาสัญญาณโทรกลับมาลาล่าได้พอดีว่าอยู่ไหน ก็เลยบอกว่าขอโทษที่ไม่ได้ใส่บาตรด้วย ขอมาตั้งหลักอยู่ในตัวจังหวัดก่อน แล้วเดี๋ยวไปเจอกันที่สถานสงเคราะห์ ก็ได้เจอน้องๆ ค่ะ"

ได้ไปแจ้งความไหม ?
"ไม่ได้แจ้งความค่ะ เพราะด้วยลักษณะของเขาไม่มีท่าทางตั้งใจจะมาฆ่าเรา ไม่ได้มานักเลง ถ้าเขาจะปล้นเรา เราลดกระจกขนาดนั้นเขาน่าจะทำอะไรได้มากกว่านั้น ลาล่าคิดว่าเขาน่าจะต้องการบอกเล่าเรา แต่เป็นคำพูดที่น่าตกใจสำหรับเรา และเขาก็มีปืนอยู่จริงๆ ก็คิดว่าข่าวคงกระจายออกไปเยอะแล้ว ก็อยากจะใช้ช่องทางนี้เป็นกระบอกเสียงหรือเป็นอุทาหรสอนใจในการเดินทาง"

กล้าจะเดินทางคนเดียวอีกไหม ?
"ไม่กล้าเลย เพราะเพื่อนๆ กลัวกันหมดเลย ก่อนเดินทางก็โทรหาเพื่อนสนิทหมดแล้วนะคะ ทุกคนติดธุระกันหมด และต้องตื่นเช้าด้วย ก็ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้ เพราะตรงนั้นวัดเยอะมาก ก็ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์นี้"

ก่อนหน้านี้เราก็เพิ่งโดนชน ?
"ใช่ ตอนนั้นรถเราจอดขวางอยู่ เหมือนเขาจะเข็นแล้วไม่พ้น ก็เพิ่งไปเคลมมา เพิ่งจะเคลียร์สีเสร็จ"

ปีชงหรือเปล่า ?
"ไม่นะ ระกาไม่ชงนะ ทำบุญเราก็ทำเยอะนะ คิดว่าเป็นจังหวะมากกว่า"

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ ของ จากปาก ลาล่า เล่าถึงนาทีระทึก ตั้งใจไปทำบุญแต่กลับถูกขู่ฆ่า เพราะ GPS

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook