เชิด...หมื่นล้านแปลงโฉมสวมศพสึนามิ

เชิด...หมื่นล้านแปลงโฉมสวมศพสึนามิ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คมชัดลึก : ไม่มีอาชญากรรมใดไม่ทิ้งร่องรอยไว้ ไม่มีมนุษย์คนไหนหนีกรรมที่ก่อได้... คงจะจริงสำหรับคดีที่กำลังจะเอ่ยถึง แม้ว่าจะมีหลักฐานบ่งชี้ว่า กันต์กนิษฐ์ อังกินันทน์ วัย 43 ปี เสียชีวิตไปกับเหตุการณ์พิบัติภัยสึนามิตั้งแต่ปลายปี 2547 แต่แล้ว 4 ปีให้หลังความจริงก็ปรากฏ เมื่อตำรวจสืบสาวราวเรื่องแล้วพบว่าเป็นเรื่องอำพรางเพื่อหลบหนีคดีฉ้อโกงมูลค่าเกือบหมื่นล้านบาท !?! กันต์กนิษฐ์ เป็นบุตรสาวของ ปิยะ อังกินันทน์ อดีต ส.ส.เพชรบุรี พรรคไทยรักไทย ถูกบริษัทประกอบธุรกิจค้าน้ำมันแห่งหนึ่งใน อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง แต่พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีแจ้งว่า กันต์กนิษฐ์ได้เสียชีวิตจากพิบัติภัยสึนามิแล้ว จึงไม่สามารถดำเนินการได้ต่อ ผู้เสียหายไม่ค่อยแน่ใจว่าการตายที่กล่าวอ้างจะเป็นจริงหรือไม่ เนื่องจากมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากการฉ้อโกงครั้งนี้มีมูลค่าสูงถึง 3,000 ล้านบาท จึงพยายามหาข้อเท็จจริง กระทั่งพบสิ่งผิดปกติประการหนึ่งคือ แม้ครอบครัวลูกหนี้จะสูญเสียคนในครอบครัวไป ทว่ากลับไม่มีความเศร้าโศกเสียใจผิดวิสัยของปุถุชนทั่วๆ ไป 1 สิงหาคม 2548 เจ้าหนี้รายเดิมจึงเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) แต่เนื่องจากยุคนั้นพรรคการเมืองใหญ่ยังครองอำนาจอยู่ ทำให้คดีมีความล่าช้ามาก จนเหมือนกับไม่มีอะไรคืบหน้าเลย กระทั่งเมื่อมีการผลัดใบเปลี่ยนขั้วการเมืองเกิดขึ้น ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทเจ้าหนี้จึงเข้าร้องขอความเป็นธรรมอีกครั้งกับ พล.ต.ต.พงษ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป.และ พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.5 บก.ป. ซึ่งสั่งการให้ พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.ช่วยราชการ บก.ป.ตรวจสอบข้อเท็จจริง สิ่งแรกที่ชุดสืบสวนลงมือทำคือ การตรวจสอบสำเนาบันทึกประจำวันจาก สภ.เมืองระนอง พื้นที่เกิดเหตุสึนามิตามที่ครอบครัวของกันต์กนิษฐ์แจ้งว่าเธอได้เสียชีวิตไปจากเหตุการณ์ข้างต้น โดยพบศพอยู่ริมทะเล หมู่ 1 ต.เกาะพยาม อ.เมือง จ.ระนอง โดยหลักฐานเดียวที่ยืนยันการเสียชีวิตคือบัตรประจำตัวประชาชนระบุชื่อ กันต์กนิษฐ์ อังกินันทน์ และมีการบำเพ็ญกุศลที่วัดสุวรรณคีรีวิหาร ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง หลักฐานเพียงแค่นี้ไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่ากันต์กนิษฐ์เสียชีวิตแล้วจริงหรือไม่ ชุดสืบสวนจึงประสานไปยังสำนักทะเบียนราษฎร กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับการทำบัตรประจำตัวประชาชนของกันต์กนิษฐ์ จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนเกิดสึนามิไม่นานกันต์กนิษฐ์ได้ไปทำบัตรประจำตัวประชาชนที่สำนักงานเขตบางพลัด กรุงเทพฯ โดยแจ้งว่าบัตรเก่าชำรุด ปี 2547 ระบบพิมพ์ลายนิ้วมือด้วยระบบคอมพิวเตอร์ได้มีการพัฒนาแล้ว คือมีการจัดพิมพ์ลายหัวแม่มือเอาไว้ด้วย ต่างจากก่อนหน้าที่ที่จะมีเฉพาะ 4 นิ้วเท่านั้น

เมื่อตรวจสอบต่อไปเรื่อยๆ ก็พบว่าลายนิ้วมือนี้เคยมีบันทึกเกี่ยวกับปัญหาข้อขัดข้องในการทำบัตรที่ว่าการอำเภอบางกรวย จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2548 !?! ครั้งนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งมาทำบัตรประจำตัวประชาชน แจ้งชื่อ น.ส.พเยา ปานหวาด เมื่อขั้นตอนทุกอย่างเสร็จสิ้นเหลือเพียงตรวจสอบลายนิ้วมืออยู่นั้น ปรากฏว่าระบบคอมพิวเตอร์แจ้งว่าลายนิ้วมือของผู้แจ้งขอทำบัตรตรงกับของกันต์กนิษฐ์ที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้หญิงคนนั้นรีบกลับออกไปทันที ชุดสืบสวนจึงปริ๊นท์รูปถ่าย 3 ใบที่ปรากฏในสำนักทะเบียนราษฎร ได้แก่ บัตรประชาชนใบเก่าของกันต์กนิษฐ์ที่ทำเอาไว้ที่ว่าการอำเภอเพชรบุรี ที่สำนักงานเขตบางพลัด และที่ว่าการอำเภอบางกรวย นำมาเปรียบเทียบกัน เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดก็พบว่า 2 ใบแรกนั้นเหมือนกัน ส่วนใบที่ 3 แตกต่างกันตรงไม่ปรากฏปานแดงที่ใบหน้า นอกเหนือจากนั้นทั้งรูปทรงหน้า หู ตา จมูก ปาก ใกล้เคียงกัน เพื่อคลายข้อสงสัยนี้ ชุดสืบสวนปริ๊นท์ภาพจากที่ว่าการอำเภอบางกรวยมาอีกใบแล้วใช้ดินสอแต้มสีแทนปาน เมื่อนำมาเปรียบเทียบก็คลายข้อสงสัยในจุดนี้ไปได้ทันที พร้อมกันฟันธงว่า กันต์กนิษฐ์ยังไม่ตาย !!! เมื่อยังมีชีวิตอยู่แล้ว กันต์กนิษฐ์หลบอาศัยอยู่ที่ไหน ชุดสืบสวนเริ่มดำเนินการสะกดรอยตามคนใกล้ชิด ผู้คนที่หญิงกลางคนผู้นี้รู้จักมักคุ้น และตามไปยังสถานที่ต่างๆ ที่เธอเคยไป กระทั่งพบพฤติกรรมคนใกล้ชิดต้องสงสัยคนหนึ่งป้วนเปี้ยนอยู่แถวถนนนางลิ้นจี่และนราธิวาสราชนครินทร์ โดยเข้าออกบ้านทั้งหมด 4 หลังด้วยกัน จากการตรวจสอบพบว่า บ้านทั้ง 4 หลังล้วนเป็นบ้านเช่า แต่น่าแปลกที่ทั้ง 4 หลังติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้รอบบ้าน ทั้งๆ ที่เป็นเพียงบ้านเช่า ประกอบกับรถยนต์ที่ผ่านเข้าออกก็มักจะติดฟิล์มดำมืดจนไม่สามารถมอบเห็นภายในได้ คำถามผุดขึ้นในใจชุดสืบสวน เหตุใดคนในบ้านถึงระมัดระวังตัวแจและทำตัวลึกลับซับซ้อนขนาดนั้น ? หลายวันของการเฝ้าดูจนมั่นใจว่ากันต์กนิษฐ์น่าจะหลบอยู่ในบ้านหลังหนึ่งหลังใดในนี้ รอจนสบโอกาสจนสามารถจับกุม กันต์กนิษฐ์ อังกินันทน์ ได้ที่ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ส่วน ชาญชัย ชิ้นศิริ สามีวัย 47 ปี จับกุมได้ในบ้านเลขที่ 256/1 ถนนนางลิ้นจี่ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ หลังถูกจับถึงได้รู้ว่าปานที่หายไปเกิดจากการไปทำศัลยกรรมที่ประเทศจีน ทั้งสองมีคดีที่ถูกฟ้องร้องพัวพันอยู่เกือบ 30 คดี รวมมูลค่าหนี้สินเกือบหมื่นล้านบาท โดย 3,000 ล้านบาท เกิดกับบริษัทน้ำมัน ส่วนอีกกว่า 5,000 ล้านบาท อยู่ที่กรมบังคับคดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง จับลูกปิยะจัดฉากตายหนีคดีโกง3พันล.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook