สุขุม นวพันธ์ในวันอันรื่นรมย์

สุขุม นวพันธ์ในวันอันรื่นรมย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คมชัดลึก : หากไม่เห็น เขา ไปนั่งฟังเพลงในคอนเสิร์ตต่างๆ เราก็คงไม่สะดุดตาสะดุดใจอย่างนี้ โดยเฉพาะคอนเสิร์ตที่มีนักร้องสาว กบ เสาวนิตย์ นวพันธ์ ร่วมเล่นด้วย คนวัย 84 ปี นั่งฟังเพลงอย่างตั้งใจ แถมยังมีน้ำใจคอยเทกแคร์คน (ต่างวัย) ที่มาดูด้วยอย่างกันเอง ย่อมไม่ธรรมดา ผู้ที่กล่าวถึงนั้นคือ สุขุม นวพันธ์ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และสนามกอล์ฟรายใหญ่แห่งอาณาจักร นวธานี บนเนื้อที่กว่า 400 ไร่ และจัดสรรที่ดินบริเวณรอบสนามกอล์ฟ จนกลายเป็นย่านที่อยู่อาศัย ด้วยสุนทรียะแห่งเสียงเพลง บวกกับความอารีของผู้อาวุโส ทำให้วันต่อมาคณะ เนชั่น ได้มาเยือน บ้าน ตามคำเชื้อเชิญอย่างปลื้มใจ แดดอ่อนยามเช้า เจ้าของบ้านชี้ชวนให้ชมภาพวาดสีน้ำมันของภรรยา เมธ์วดี (เมธ์วดี นวพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ติดอยู่รายรอบห้องโถงด้านหน้า ราวกับเดินชมนิทรรศการในแกลเลอรี (ส่วนตัว) ยังมีภาพถ่ายในโอกาสสำคัญๆ ที่คุณสุขุมไล่เรียงที่มาที่ไปอย่างชัดเจน เดินชม ห้องรับเแขก รอบแล้ว เจ้าของบ้านพาขึ้นลิฟต์กลางตัวบ้าน แม้ในลิฟต์ก็ยังมีภาพเขียน เขาบอกอย่างอารมณ์ดีว่า ลิฟต์ที่เขียนเลอะๆ อย่างนี้ มีลิฟต์เดียวในโลก...เมธ์วดีเขียนเอง เมื่อมาถึงบรรยากาศชั้น ดาดฟ้า สุขุมชวนเดินไปที่ระเบียง ชี้ให้ดูน้ำตกเทียม ที่เพิ่งสั่งให้คนเปิด มีเรือลอยลำอยู่ เสียงน้ำตกสาดซ่า บางครั้งต้องออกเสียงแข่ง เจ้าของบ้านเล่าถึงเรื่องดนตรีที่ชอบ รวมทั้งตำแหน่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกุศลระดับประเทศ อีกถึง 20 แห่ง รวมทั้งในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพ ด้วย แดดเริ่มแรง เจ้าของบ้านพยักหน้าชวนให้ไปเที่ยวสนามกอล์ฟ และอย่างนึกไม่ถึง เมื่อรถกอล์ฟเทียบบันไดบ้าน คุณสุขุมขึ้นนั่งในตำแหน่งพลขับ พร้อมเชิญชวนให้ผู้มาเยือนขึ้น พวกเรากระโดดขึ้นรถแทบไม่ทันตั้งตัว สีหน้าคุณสุขุมดูมีความสุข ชี้ชวนให้ดูทิวทัศน์สองข้างทาง บางช่วงหยุดให้ผู้เล่นกอล์ฟหวดวงสวิงเสร็จ บางขณะเล่าถึงบ้านหลังนั้นหลังนี้ เจ้าของบางหลังเคยเป็นคนสำคัญในต่างประเทศด้วย อย่างนี้ลูกบ้านอย่าง ผู้พิพากษา นักการเมือง นักธุรกิจชื่อดัง นักร้อง นักข่าวอาวุโสจากหลากหลายสำนัก ฯลฯ ก็ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาของที่นี่แล้ว ที่น่าประทับใจอีกอย่าง คงจะเป็นสนามกอล์ฟแห่งเดียวที่มี ้นชมพูพันธุ์ทิพย์ หรือตาเบบูญ่า มากที่สุด เจ้าไม้ยืนต้นที่มีดอกกลีบบอบบางสีชมพูอ่อน หวิวไหวร่วงหล่นกระจายเต็มพื้นสีเขียวของสนาม เจ้าของบอกคนสวนไม่ให้เก็บกวาด หากปล่อยทิ้งไว้ ดั่งพรมสีหวานชวนมอง ดอกที่ว่างามแล้ว คุณสุขุมยังกลัวว่าจะสวยไม่พอ เขายื่นแว่นตากันแดดสีชาให้คนนั้นคนนี้ ส่องให้เห็นความงามอีกมิติ ด้วยสีของดอกจะเข้มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ชมพูพันธุ์ทิพย์ ผมชอบ ปลูกไว้เยอะ ในลิฟต์ก็รูปนี้ นี่ต้นทองกวาว เคยเห็นหรือเปล่า ในกรุงเทพฯ ไม่ค่อยมีนะ โน่นประดู่แดง ต้นประดู่ธรรมดา สามวันก็ร่วงแล้ว แต่ประดู่แดง นานมาก อยู่เป็นอาทิตย์ๆ...ได้ยินเสียงนกไหม คนกรุงเทพฯ ได้ยินเสียงนกน้อย ไกด์กิตติมศักดิ์อธิบาย เหลือบไปเห็นชาวญี่ปุ่นกำลังโชว์วงสวิง ถามเจ้าของว่าออกรอบบ่อยแค่ไหน เขาบอกสั้นๆ ว่า...ผมยังออกรอบอาทิตย์ละสี่หน...ที่นี่ เสาร์อาทิตย์ต้องเมมเบอร์พามาถึงจะเล่นได้ จันทร์ถึงศุกร์ ช่วยหาเงินเข้าประเทศ กระนั้นเจ้าตัวยังมีสิ่งที่ภาคภูมิใจที่อยากบอกย้ำมากกว่า คิดดูสิ ยืนตรงนี้ มองไป 180 องศา ไม่เห็นตึกสูงเลยแม้แต่นิดเดียว ในกรุงเทพฯ มีกี่จุด ที่มองไปไม่เห็นหลังคาบ้าน หรือสิ่งก่อสร้างให้เกะกะสายตา หาได้ที่ไหน อย่าลืมนะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรักษา... และข้อสำคัญที่สุด ก็คือต้นไม้ปล่อยออกซิเจนในเวลากลางวัน ออกซิเจนในนวธานี มากกว่าความต้องการของชาวนวธานี ถ้าคุณหายใจลึกๆ อยู่ในนี้ อายุยืนขึ้นอีกปีหนึ่ง ตีราคาเป็นเท่าไหร่ ปีนี้ผมอายุ 84 แล้วนะ ผมยังไม่มีอะไร นอกจากความดัน สุขุม ชะลอรถ ชี้ให้ดูสระน้ำด้านข้างสนาม ซึ่งหากมองไกลออกไปจะเห็นทิวแถวของชมพูพันธุ์ทิพย์ที่โอบล้อมสนาม มุมนี้สวยจริงๆ เหมือนภาพวาดของจิตรกรไม่ปาน โรแมนติกมั้ย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสิ่งสวยงามอย่างนี้ในชีวิต ใช่รึเปล่า พูดพลางยิ้มน้อยๆ เหมือนรู้ใจ

แม้จะรู้ แต่อดถามไม่ได้ว่าความสุขสำหรับนักธุรกิจวัยเกษียณอย่างเขาคืออะไร เราคิดว่า คำว่า ความสุข อยู่ที่ความรู้จักพอเพียง ถ้าคุณมองคนที่ลำบากกว่า เราก็จะไม่รู้สึกว่าเราน่าจะมีทุกข์ใจอะไร ผมเคยจนนะ เพราะคุณพ่อเป็นข้าราชการ เงินเดือนแค่หกสิบบาท ตอนนั้นคุณพ่อยังไม่ได้จบปริญญาธรรมศาสตร์ แต่มีลูกห้าคน ผมเป็นคนโต ตอนนั้นไปโรงเรียน ผมไม่ขึ้นรถเมล์นะ รถแค่สองสตางค์ ระยะทางสามกิโล ผมไม่ขึ้น เพื่อประหยัดสี่สตางค์แทนคุณพ่อ เดินเท้าเปล่าไปกลับ ตอนนั้นทำได้ยังไง คำถามที่โพล่งออกไปแทบจะทันที จะตอบว่า ผมคิดยังไง ผมก็รู้สึกความจนไม่ใช่สิ่งที่น่าอับอาย เวลานี้นับว่าพอมีบ้าง แต่...ทุกปี ผมใช้เงินกับตัวเองน้อยกว่าที่ผมบริจาคให้แก่สังคม คำตอบนี้ดูจะเป็นรูปธรรม ที่คนในสังคมรู้กันดี...ที่อยากรู้ต่อไปคือทำชีวิตให้รื่นรมย์อย่างไรในวัย 84 ปี? จริงๆ ไม่มีห่วงอะไรเลย ผมไม่เคยมีความกังวลใจ หรือมีความทุกข์เรื่องเงินทอง เพราะมีความเชื่อมั่นว่าคงไม่อดตาย คงพอทำมาหากินได้ ดังนั้นก็อยู่ที่สุขภาพ คนเรานี่แปลกนะ ถ้าคุณอยู่ในระยะที่บริจาคให้แก่สังคม ไอ้ความเห็นแก่ตัวจะน้อยลงไปเยอะ และไม่มีอะไรจะห่วงเลย นั่นคงจะเป็นความสุขของชายสูงวัย ที่แม้ธุรกิจในเครือจะกระทบจากพิษเศรษฐกิจไม่ต่างจากคนอื่น แต่ที่ไม่เหมือนคือการบริจาคสาธารณะสำหรับเขาในปีนี้ยัง คงเดิม หากนับตัวเลขคร่าวๆ ผู้ชายคนนี้ใช้เงินไปกับการช่วยเหลือคนไปมากกว่า 400 ล้านบาทแล้ว เจ้าตัวยังเคยคำนวณไว้ด้วยซ้ำว่า ถ้าเขามีชีวิตอยู่ถึง 110 ปี ยอดการให้ก็คงน่าจะเกิน 1,000 ล้านบาท เขาบริจาคให้วัด โรงเรียน มอบทุนนักเรียน แจกพจนานุกรมอังกฤษ-ไทย ช่วยเหลือครู แม้กระทั่งทำโต๊ะปิงปองซีเมนต์ส่งไปทั่วประเทศ! ได้บริจาคโต๊ะปิงปอง 200 ตัวให้เรือนจำ วันหนึ่งได้รับจดหมายจากนักโทษในเรือนจำ เขียนมาว่า ทุกวันนี้พวกเรามีความสุขขึ้นเยอะเลย เพราะมีโต๊ะปิงปองของท่านได้เล่น ผมคิดว่า ถ้าพ้นโทษมาแล้ว ผมจะออกมาเยี่ยมคุณ (หัวเราะลั่น) จะมาดูหน้าตาคนใจบุญเป็นอย่างไร แม้จะเล่าอย่างขำๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือสิ่งที่ได้คืนกลับมาทางใจ เพียง 2 ชั่วโมงเศษ ที่ได้พูดคุยกับชายสูงวัยคนนี้ ทำให้รู้สึกได้ถึงการใช้ชีวิต เป็น และพอใจกับการ ให้ จึงไม่แปลกใจ ที่ทำไมเขาถึง รื่นรมย์ ได้ ในทุกสถานการณ์เช่นนี้

บายไลน์ เรื่อง นันทพร ไวศยะสุวรรณ์

ภาพ อุทร ศรีพันธุ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง มองผ่านเลนส์คม - สุขกันเถอะเรา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook