โหมโรงBIG & BIH 600ผู้ผลิตร่วมแจม ลุ้นออร์เดอร์ส่งออก

โหมโรงBIG & BIH 600ผู้ผลิตร่วมแจม ลุ้นออร์เดอร์ส่งออก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4092

ผู้ประกอบการ 600 ราย ร่วมออกบูทงาน BIG & BIH กลางเดือนเมษายนนี้ นายกสมาคมสินค้าตกแต่งบ้านออกโรง โปรโมตเต็มที่ หวังดึงผู้ซื้อตัวจริงทั่วโลกเข้าชมงานดันยอด แนะเพิ่มช่องทางขายทั้งภายในประเทศและส่งออก ชี้ตลาดใหม่แถบยุโรปตะวันออก แอฟริกาใต้ และตลาดประเทศเพื่อนบ้าน มีโอกาสขยายตัวสูง

นางพัทธ์ธีญา พสุจรัสพงศ์ นายกสมาคมสินค้าตกแต่งบ้าน เปิดเผยว่า สมาชิกสมาคมกว่า 200 รายได้ตอบรับเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน (BIG & BIH April 2009) ที่กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-26 เมษายนนี้ โดยมั่นใจว่างานนี้จะเป็นช่องทางที่ดีให้กับผู้ประกอบการในการขยายตลาดทั้งภายในประเทศและส่งออกไม่ว่าจะเป็นผู้นำเข้า ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก โดยล่าสุดมีผู้ประกอบการทั้งที่เป็นสมาชิกสมาคมและบุคคลภายนอกแสดงความประสงค์เข้าร่วมงาน 600 รายแล้ว

ปัจจุบันสมาคมสินค้าตกแต่งบ้านมีสมาชิกราว 300 ราย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มผู้ประกอบการมืออาชีพ 65% ส่วนใหญ่ทำตลาดส่งออกมานานกว่า 10 ปี อีก 35% เป็นกลุ่ม young trend ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีพื้นฐานในการทำตลาดในประเทศ และต้องการทำตลาด ส่งออก โดยมองว่าการเข้ามาร่วมจัดแสดงสินค้าจะขยายโอกาสและต่อยอดการขายสินค้าได้

อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์การส่งออกที่เติบโตลดลงจากภาวะเศรษฐกิจหดตัวทั่วโลก คาดว่าตลาดสินค้าตกแต่งบ้านใน ปีนี้จะทรงตัวเท่าปีที่ผ่านมา โดยการส่งออกสินค้าของขวัญ ของชำร่วย และของตกแต่งบ้านในปี 2551 มีมูลค่ากว่า 27,000 ล้านบาท ตลาดหลัก ได้แก่ยุโรป 60% สหรัฐอเมริกา 30% และตลาดอื่นๆ 10% โดยตลาดส่งออกที่มีศักยภาพในการเติบโต ได้แก่โปแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี สเปน แคนาดา เนเธอร์แลนด์ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน รวมถึงตลาดอาเซียนที่ไทยยังได้เปรียบจีน เพราะค่าขนส่งถูกกว่าและได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีภายใต้ข้อตกลงอาฟต้า ทำให้สินค้าจากไทยเสียภาษีต่ำกว่าสินค้าจากจีน

นางพัทธ์ธีญากล่าวว่า ตลาดใหม่ที่น่าจับตามอง ได้แก่ตลาดแถบยุโรปตะวันออก อาทิ รัสเซีย เช็ก สโลวัก เป็นต้น ซึ่งมีกำลังซื้อพอสมควร ขณะที่ประเทศแอฟริกาใต้ก็ยังมีช่องทางที่จะเข้าไปทำตลาดได้อีกมาก นอกนั้นมีประเทศเม็กซิโก ชิลี และ อาร์เจนตินา เป็นต้น เนื่องจากมีกำลังซื้อสูง

ส่วนลู่ทางเปิดตลาดประเทศในแถบเอเชีย ได้แก่กัมพูชา ลาว และจีน ผู้ประกอบการไทยจะต้องให้ความสำคัญกับงานดังกล่าวและนำสินค้ามาจัดแสดงให้ มากขึ้น โดยเฉพาะรายใหม่ที่คิดจะทำตลาดส่งออก ขณะเดียวกันต้องเร่งปรับตัวรับความผันผวนทางเศรษฐกิจและการแข่งขัน พัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานตัวสินค้า ลดต้นทุนการผลิตและขยายช่องทางการจำหน่ายให้หลากหลายมากขึ้นด้วย หน้า 8

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook