รมช.คลังสั่งเช็คบิลยักษ์ใหญ่บุหรี่นอกทำรัฐสูญ6หมื่นล.กรมศุล-สรรพสามิต ลั่นผิดจริงจัดการเร็วถึงที่สุด

รมช.คลังสั่งเช็คบิลยักษ์ใหญ่บุหรี่นอกทำรัฐสูญ6หมื่นล.กรมศุล-สรรพสามิต ลั่นผิดจริงจัดการเร็วถึงที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รมช.คลังสั่งดำเนินการฟิลิปมอร์ริสเต็มที่ฐานทำรัฐชวดภาษี 6 หมื่นล้าน กรมศุลฯ-สรรพสามิต แจงยังไม่เห็นเรื่องบริษัทยักษ์ใหญ่บุหรี่ตปท.สำแดงราคาเท็จ ลั่นหากผิดจริงจัดการถึงที่สุด-เร็วที่สุด นางฉวีวรรณ คงเจริญกิจกุล รองอธิบดีกรมศุลกากร ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม กรณีคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และพนักงานอัยการ มีมติร่วมกันให้พิจารณาดำเนินคดีอาญา และมีหนังสือเรียกบริษัทฟิลิปมอร์ริส ไทยแลนด์ ลิมิเต็ด ผู้นำเข้าบุหรี่ตรามาร์ลโบโร และแอลแอนด์เอ็มมารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร มาตรา 27,99 ในวันที่ 9 เมษายน และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ มีบันทึกถึงอธิบดีกรมศุลกากร และอธิบดีกรมสรรพสามิตให้กำหนดราคาศุลกากรและประเมินภาษีตาม พ.ร.บ.ศุลกากร มาตรา 11 ทวิ กรณีการสำแดงนำเข้าเท็จ แจ้งราคาต่ำกว่าความเป็นจริงทำให้รัฐเก็บภาษียาสูบในช่วงเป็นคดีความต่ำไปประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับเรื่องจากดีเอสไอเกี่ยวกับการแจ้งสำแดงนำเข้าบุหรี่เป็นเท็จของบริษัท ฟิลลิปมอร์ริส ไทยแลนด์ ลิมิเต็ด ผู้นำเข้าบุหรี่ตรา มาร์ลโบโร และ แอลแอนด์เอ็ม แต่ที่ผ่านมากรมศุลกากรมีข้อโต้แย้งอยู่กับบริษัทดังกล่าวที่ได้ดำเนินการฟ้องกรมศุลกากรต่อองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ว่ากรมศุลกากรไม่ประเมินราคาตามข้อตกลงของข้อตกลงว่าด้วยพิกัดภาษีและศุลกากร (แกตต์)

เท่าที่ทราบขณะนี้ยังไม่เห็นเรื่อง บางทีอาจจะไปตกค้างอยู่ที่สำนักเลขาธิการ แต่ถ้าได้รับเรื่อง ต้องพิจารณาว่าดีเอสไอดำเนินการในเรื่องใด และจะให้กรมศุลฯร่วมมือประเด็นใดบ้าง กรมศุลฯต้องพิจารณารายละเอียดว่า หากดีเอสไอเห็นว่ามีการแจ้งสำแดงบุหรี่เป็นเท็จ มีเหตุผลอย่างไร เพราะการพิสูจน์เรื่องราคาแตกต่างกับการพิสูจน์เรื่องพิกัดภาษีที่มีคำอธิบายชัดเจน แต่ในส่วนของราคามีขั้นตอนในการประเมินหลายขั้นตอน ซึ่งค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่ยืนยันว่าหากมีการทำผิดจริง กรมศุลฯก็พร้อมให้ความร่วมมือและดำเนินการให้ถึงที่สุด นายฉวีวรรณกล่าว

ขณะที่นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทฟิลลิปมอร์ริสฯ แจ้งสำแดงบุหรี่เป็นเท็จแล้ว โดยเชื่อว่ากรมศุลฯจะพิจารณาประเมินด้วยความยุติธรรมและติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะที่ผ่านมากรมศุลฯก็ต่อสู้ในเรื่องของการประเมินราคาบุหรี่อย่างเต็มที่ ซึ่งมั่นใจว่าการดำเนินการทั้งหมดจะโปร่งใส

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มอบหมายนโยบายให้กรมศุลกากรเรื่องนี้อย่างไร นายประดิษฐ์กล่าวว่า กรมศุลฯในฐานะผู้รับผิดชอบคงจะดำเนินการอย่างเต็มที่อยู่แล้ว เพราะเม็ดเงินภาษี 6 หมื่นล้านบาทถือเป็นเงินจำนวนมาก ส่วนจะมีกรณีอื่นอีกหรือไม่ ต้องไปสอบถามจากดีเอสไอ

นายสุรพล สุประดิษฐ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นเอกสารจากดีเอสไอ คาดว่าจะอยู่ระหว่างการนำส่งเรื่องมายังกรมสรรพสามิต ซึ่งหากได้รับก็จะเร่งนำมาพิจารณาโดยเร็ว

นายสมชัย อภิวัฒนพร ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะคณะทำงานร่วมกับดีเอสไอ กล่าวว่า ทางคณะทำงานได้เสนอให้กรมสรรพสามิตเร่งออกกฎหมายในลักษณะเดียวกับกรมสรรพากรที่มีกฎป้องกันการสำแดงราคาเกินจริง ซึ่งกรมสรรพสามิตต้องออกกฎป้องกันการสำแดงราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อป้องกันบริษัทต่างชาติเข้ามาทุ่มตลาดสินค้าของไทย และป้องกันไม่ให้เกิดการหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งในกรณีบริษัท ฟิลลิปมอร์ริสฯ ได้เข้ามาทุ่มตลาดยาสูบไทย จนกระทั่งยาสูบไทยแข่งขันไม่ได้ จากเดิมที่บริษัทดังกล่าวมีส่วนแบ่งตลาด 2-3% แต่เนื่องจากมีการสำแดงราคาที่คาดว่าจะต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้ปัจจุบันบริษัทดังกล่าวมีส่วนแบ่งทางการตลาดปรับเพิ่มขึ้นถึง 25% ซึ่งสูงมาก ขณะที่อัตราการเสียภาษีของบริษัทดังกล่าวอยู่ในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ ไม่สอดคล้องกับส่วนแบ่งตลาด

นายสมชัยกล่าวว่า บริษัทดังกล่าวตั้งอยู่ที่เกาะเดลต้า แวร์ ที่มีลักษณะคล้ายหมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้น และมีบริษัทลูกจำนวนมาก โดยที่ผ่านมาบริษัทดังกล่าวถูกหลายประเทศ อาทิ โคลัมเบีย ฟ้องในคดีการสำแดงราคานำเข้าบุหรี่เป็นเท็จ และบริษัทดังกล่าวได้ฟ้องต่อดับเบิลยูทีโอ ว่าไม่ดำเนินการตามข้อตกลงแกตต์เช่นกัน แต่เชื่อว่า เมื่อพิสูจน์ในข้อเท็จจริงจะเห็นว่า ข้อมูลที่ดีเอสไอและคณะทำงานได้ลงไปพิสูจน์ในข้อเท็จจริงจะเห็นว่าสิ่งที่กรมศุลกากรดำเนินการเป็นการประเมินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้ละเมิดสิทธิของบริษัทใดทั้งบริษัทในประเทศและต่างประเทศ

สำหรับขั้นตอนการเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะทำงานได้เริ่มต้นจากการสำรวจในพื้นที่ที่มีการตั้งโรงงานบุหรี่ทั้งสองยี่ห้อ คือประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ โดยคณะทำงานพบว่าราคาที่ขายกับราคาที่บริษัทดังกล่าวแตกต่างกันมาก เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับราคานำเข้าที่บริษัทอื่นนำเข้ามาในประเทศไทย ไม่มีบริษัทใดที่สามารถนำเข้าได้ในราคาที่ต่ำเช่นนั้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook