40สว.ค้านพรบ.ปรองดองยันเป็นนิรโทษฯ ชุมพลจวกวิกฤติการเมืองมาจาก2คนทำประเทศพัง
เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นคำร้องพร้อมเอกสารหลักฐานเพื่อให้ตรวจสอบ กรณีพรรค ประชาธิปัตย์ปกปิดเงินบริจาคจำนวน 258 ล้านบาท ที่ได้รับจากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) และเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองจำนวน 23 ล้านบาท โดยกล่าวว่า เอกสารที่มายื่นเป็นส่วนหนึ่งที่เกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เรามีข้อมูลชัดเจนจะมีความผิดถึงขั้นไหนก็ต้องฝากให้ กกต. สอบสวน
พรรคมั่นใจในหลักฐานดังกล่าวถ้า กกต. ใช้มาตรฐานเดียวกับที่ยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ก็จะสามารถดำเนินการกับกรรมการบริหารพรรคและยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้ อีกทั้ง กกต. ก็เคยมีมาตรฐานในการยุบพรรคการเมือง 40 พรรคจากการไม่แจ้งการรายงานงบสนับสนุนอย่างถูกต้องแก่ กกต. ด้วย และเมื่อ กกต.ตั้งอนุกรรมการตรวจสอบแล้วพรรคจะนำข้อมูลหลักฐานมาส่งให้เพิ่มเติม นายพร้อมพงศ์กล่าวและว่า หลักฐานที่นำมายื่นมีสำเนาเช็คหลายฉบับ และงบดุลของพรรคประชาธิปัตย์ที่ลงนามโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เหรัญญิกพรรคในขณะนั้น ปชป.ขู่ใส่ร้ายเจอสวนแน่
ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยให้ กกต. ตรวจสอบเรื่องเงินบริจาค เข้าพรรคว่า การเข้าสู่การพิจารณาของ กกต. น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง พรรคยืนยันจะไม่แทรกแซงการทำงานขององค์ กรอิสระ ยืนยันว่าพรรคได้ดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย หากพบว่ามีข้อมูลที่เป็นเท็จเพื่อมุ่งหวังทำลายและใส่ร้ายพรรค ก็จำเป็นที่จะต้องรักษาสิทธิตามกฎหมาย
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านอ้างว่าได้ข้อมูลมาจาก พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร นั้น นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า พรรคยังไม่ได้สอบถาม พล.ต.มนูญกฤต แต่ช่วงที่ฝ่ายค้านหยิบยกมาอภิปราย พล.ต.มนูญ กฤตยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ถ้าเป็นข้อมูลจาก พล.ต.มนูญกฤต จริง ก็ไม่น่าจะเป็นข้อมูลโดยตรง พรรคมั่นใจว่าไม่มีคนของพรรคจงใจใส่ร้ายตามที่มีความพยายามปล่อยข่าวแต่อย่างใด สุทัศน์ ปัดแอบส่งข้อมูล
นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข่าว ส.ส. อักษรย่อ ส. นำตัวเลขต้นขั้วเช็คของพรรคสั่งจ่ายบริษัทเมซไซอะ มาบอกให้แกนนำพรรคเพื่อไทย จนนำสู่การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ไม่ทราบว่า เป็น ส. ไหน แต่ไม่ใช่ตนแน่นอน เพราะตนเป็นกรรมการบริหารชุดที่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรค แล้วจะเอาข้อมูลไปให้เขาทำไม เพราะถ้า กกต. สั่งยุบพรรคตนก็ต้องโดนด้วย
นายสุทัศน์กล่าวต่อว่า การที่พรรคเพื่อไทยไปยื่นเรื่อง กกต. เพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์ นั้น ส่วนตัวมองว่าถ้ามีเพียงข้อมูลของ ร.ต.อ. เฉลิม ที่ใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่น่ามีปัญหา ถ้าคดีถึงศาลก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องต่อสู้ไม่มีอะไรน่ากังวล เมื่อถามว่า หลายคนมองว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจตายเพราะความขัดแย้งกันเอง นายสุทัศน์กล่าวว่า สำหรับตนไม่ทำแน่ นอน แต่คนอื่นตนไม่ทราบ ซัด พท.แค่คิดสนองคุณ แม้ว
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยยื่น กกต. พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นสิทธิของฝ่ายค้าน แต่การที่นายพร้อมพงศ์ให้สัมภาษณ์กล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์เรื่องการไซฟอน เงินนั้นถือว่าไม่เหมาะสม เมื่อยื่นเรื่องต่อ กกต. แล้ว ก็ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ กกต. ในการสอบสวน หากถึงที่สุดผลออกมาว่าพรรคไม่มีความผิด พรรคเพื่อไทยจะรับผิดชอบอย่างไร
ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ. ปรองดองแห่งชาติว่า ผู้ที่เสนอร่างกฎหมาย คงไม่ได้ต้องการให้กฎหมายนี้ผ่านการพิจารณา ของสภาแต่อย่างใด ดูเหมือนแค่ต้องการสนองบุญคุณให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่า ส.ส.พรรค เพื่อไทยได้ช่วยกันเสนอร่างนี้แล้วเท่านั้น อย่างไรก็ตามพรรคร่วมรัฐบาลเห็นตรงกันว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะเสนอร่าง พ.ร.บ.นี้ 40 ส.ว.ตั้งท่าค้าน พ.ร.บ.ปรองดอง
ส่วนการเมืองอื่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.สรรหา แถลงข่าวคัดค้านการเสนอร่าง พ.ร.บ. ความปรองดองแห่งชาติ ที่พรรคเพื่อไทยเป็น ผู้เสนอ โดยนายไพบูลย์กล่าวว่า จากการศึกษาเนื้อหาพบว่าล้วนเป็นกฎหมายนิรโทษกรรม ที่จะล่วงหน้าไปจนถึง 5 พ.ค. 52 ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะจงใจนิรโทษกรรมในส่วนของความผิดทั้งในส่วนขององค์กรอิสระ โดยเฉพาะ คตส. ที่มีการเพิกถอนคำพิพากษาของศาลในส่วนของคดีที่ดินย่านรัชดาฯ รวมไปถึงคดีที่ คตส. ได้ตรวจสอบและได้ส่งไปยังศาลแล้ว ซึ่งจะทำให้ เสียการถ่วว่างนิติบัญญัติและตุลาการ
นายสาย กังกะเวคิน ส.ว.ระยอง กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าร่างกฎหมายฉบับนี้คงไม่ผ่านสภาได้ง่าย ๆ เพราะเนื้อหาขัดรัฐธรรมนูญชัดเจน ถ้าผ่านสภามาได้และเข้ามาสู่วุฒิสมาชิก กฎหมายฉบับนี้ก็คงไม่ได้รับความเห็นชอบ ผ่านการกลั่นกรองแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่ม 40 ส.ว.ไม่เห็นด้วย ปชป.เชื่อหวังคืนอำนาจให้แม้ว
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เป้าหมายที่แท้จริงเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณคืนสู่อำนาจ สาระของ พ.ร.บ.ดังกล่าวอยู่ที่ 3 ข้อ คือ ให้คดีของ พ.ต.ท. ทักษิณทั้งหมดเป็นโมฆะ ให้เครือข่ายทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณคืนสู่อำนาจ และให้ทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิชอบกลับคืนมา พรรคยืนยันตามมติวิปรัฐบาลว่า ไม่สามารถรับกฎหมายดังกล่าวได้ เพราะไม่ได้เป็นการปรองดองแต่เป็นการเพิ่มความขัดแย้ง และไม่ว่าเหตุการณ์จากนี้จะดำเนินไปในทิศทางใด สังคมจะต้องเผชิญชะตากรรมร่วมกัน
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ถ้าคิดจะปรองดองก็ต้องไม่มีการชุมนุม การเสนอกฎหมายเข้าสภาแปลว่าต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข โดยอาศัยกลไกของรัฐสภา แต่ดูเหมือนว่าขณะที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ขณะเดียวกันกลุ่มเสื้อแดงยังคงชุมนุมอยู่ แสดงให้เห็นว่าเป็นการดำเนินการ 2 ทางที่ขัดกัน จึงอยากเรียกร้องพรรคเพื่อไทยว่า ควรเอาทางใดทางหนึ่ง ถ้าจะใช้กระบวนการทางรัฐสภา ก็ไม่ควรชุมนุม การเมืองไม่นิ่ง ศก.พัง
อีกด้านหนึ่งที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ มีการประชุมใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนา โดยนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค กล่าวตอนหนึ่งว่า ตั้งแต่ปิดสนามบินสุวรรณภูมิประเทศชาติ เสียหายมาก แต่ในฐานะ รมว.การท่องเที่ยวฯจะพยายามแก้ไขให้การท่องเที่ยวกลับเข้าสู่ภาวะ ปกติ แม้ว่าจะต้องทุบโต๊ะใน ครม. ก็ต้องทำ สภาวะตอนนี้ทางแก้คือต้องทำงบขาดดุล และต้องขาดดุลแบบมหาศาลประมาณ 3 ปี ถึงจะ ฟื้นได้ การกู้เงินเพื่อมาลงทุนก็สำคัญดังนั้นอย่า ไปตำหนิรัฐบาล
หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนากล่าวต่อว่า การแก้วิกฤติการเมืองต้องนิ่ง ถ้าไม่นิ่งแก้เศรษฐกิจอย่างไรก็พัง เรื่องทั้งหมดเกิดมาจากเอกชนรายหนึ่งมันกัดกับนักการเมืองคนหนึ่ง แล้วมาเหมาว่าเป็นการเมืองทั้งระบบ แล้วมาล้มการเมืองทั้งกระบิเอารัฐธรรมนูญอมาตยาธิปไตยมาให้ รัฐธรรมนูญแบบนี้ทำงานไม่ได้ แค้นคนคนเดียวแต่ล้มทั้งหมด เอาคน 65 ล้านคน เข้าไปร่วมด้วย หลักการแบบนี้ไม่มีที่ไหนในโลก มีประเทศไทยเท่านั้น
ลั่นไม่เอารัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญปี 50 ฉบับนี้ สีเหลืองร่างทั้งนั้น เป็นพวกอมาตยาธิปไตย ไปเขียนเพิ่มเติมอย่างละเอียดยิบ รัฐบาลดิ้นไม่หลุด ดังนั้นวิกฤติประเทศต้องแก้ที่การเมืองก่อน หากไม่นิ่งมีคนคนหนึ่งเต้นฟุตเวิร์ก ป่วนทั้งเมืองประเทศเดินไม่ได้ ถามว่ารัฐบาลนี้กลัวไหมตอบว่ากลัวแต่ปากแข็งว่าไม่กลัว ตอนนี้ก็เข้าทำเนียบฯ ไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าอังคารหน้าไปประชุมที่ไหน เป้าหมายเขาต้องการให้เร่ร่อนเหมือนรัฐบาลของเขา ตราบใดที่คนยังไม่ได้รับความเป็นธรรม เอาคนไม่ผิดมาเข้าคุกแล้วก็ไปตัดสิทธิทางการเมืองเขาหมดก็ไม่ถูก นายชุมพลกล่าวและว่า เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้น่า จะอยู่ได้จนถึงสิ้นปี ถ้าไม่สะดุดขาตัวเองในเรื่องการทุจริต
ผู้สื่อข่าวถามว่า มี ส.ส.พรรคไปร่วมลงชื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ นายชุมพลกล่าวว่า เป็นสิทธิของ ส.ส. ถือเป็นข้อเสียของรัฐธรรมนูญที่ให้ ส.ส. มีสิทธิและอิสระทำอะไรก็ได้ ตรงนี้ทำให้ระบบพรรคเสีย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมใหญ่ครั้งนี้ไม่มีแกนนำพรรคชาติไทยเดินทางมาร่วมงานแม้แต่คนเดียว แต่มีอดีต ส.ส. ของพรรคบางส่วนเดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ แต่อยู่นอก ห้องประชุม เลือกวิสุทธิ์เสียบ กกต.
วันเดียวกันที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการสรรหา กกต.แทนตำแหน่งที่ว่าง มีนายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการสรรหาได้ลงคะแนนทั้งสิ้น 2 รอบ ปรากฏว่านายวิสุทธิ์ โพธิแท่น อดีตกรรมการ ป.ป.ช. และอดีต กกต. เป็นผู้ได้รับเลือก จากนี้ไปคณะกรรมการสรรหาจะได้นำรายชื่อเสนอต่อประธานวุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงว่า จากการตรวจสอบการจัดประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคเพื่อแผ่นดินว่า กกต. เสียงข้างมากเห็นว่าการประชุมดังกล่าวไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.พรรคการเมือง จากนี้นายทะเบียน พรรคการเมืองจะแจ้งให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ในฐานะผู้ร้องเรียนทราบ และแจ้งให้พรรคเพื่อแผ่นดินจัดการประชุมใหญ่เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคให้เป็นไปตามกฎหมายและ ข้อบังคับพรรค แจกใบเหลือง ขจิต ชัยนิคม
นายสุทธิพลยังกล่าวด้วยว่า กกต.มีมติเสนอให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.มหาสารคาม เขต 1 ใหม่ แทนนายขจิต ชัยนิคม ส.ส.พรรคเพื่อไทย เนื่องจากปรากฏหลักฐานเชื่อได้ว่านายขจิตมีการโฆษณาหาเสียงโดยให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ
ด้านนายขจิต ชัยนิคม ส.ส.มหาสาร คาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กกต.ให้ใบเหลือง ว่า เรื่องนี้ทำให้ตนงงมาก เพราะ กกต.มหาสาร คาม บอกว่าสำนวนคำร้องของตนไม่มีปัญหา แต่ กกต.กลางมีมติให้ใบเหลืองตนโดยไม่ได้เรียกไปสอบสวน เชื่อว่าอาจมีสาเหตุมาจากการที่ตนเริ่มมีบทบาทในสภามากขึ้นจึงทำให้ถูกเพ่งเล็ง อย่างไรก็ตามจะต่อสู้แก้ข้อกล่าวหาในชั้นศาลต่อไป ยกคำอนสิทธิเรืองไกร
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีที่ กกต.ขอให้เพิกถอนสิทธินายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว. สรรหา เนื่องจากองค์กรที่คัดเลือกนายเรืองไกรเป็นนิติบุคคล ศาลพิเคราะห์แล้วมาตรา 113-114 กำหนดที่มาของ ส.ว.สรรหาว่า ให้ผู้ทรงคุณวุฒิสรรหาบุคคลที่จะทำหน้าที่ ส.ว. จากองค์กรภาครัฐ เอกชน ภาควิชาชีพ และภาคอื่น ๆ หากกรรมการสรรหาทำถูกต้องตามขั้นตอนแล้ว ผลการสรรหาถือว่าเป็นที่สุด การรวบรวมรายชื่อผ่านไปจนกระทั่งเสร็จสิ้นขั้นตอน และไม่ปรากฏว่ามีขั้นตอนใดที่จะทำให้การสรรหาไม่สุจริต คำร้องจึงไม่มีเหตุผลเพียงพอ จึงให้ยกคำร้อง
ด้าน นายเรืองไกร กล่าวถึงเรื่องดังกล่าว ว่า การที่ตนถูกตรวจสอบสถานภาพเป็นเรื่องที่ดี เรื่องนี้เคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว แต่ กกต. ยังยื่นคำร้องคัดค้าน โดยไม่เรียกตนไปสอบสวนเลย อย่างไรก็ตามตนไม่คิดฟ้องร้องใคร แต่จะขอกลับไปทำหน้าที่ต่อ ยกคำร้องแถลงเปิดคดียึดทรัพย์
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า ผู้พิพากษาพร้อมองค์คณะ 9 คนออกนั่งบัลลังก์เพื่อตรวจพยานหลักฐานที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ และได้ มาเนื่องจากการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคล และประโยชน์ส่วนรวมของ พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอแถลงเปิดคดีผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ศาลเห็นว่ากรณีที่ยังไม่มีเหตุอันควรให้ผู้ถูกกล่าวหาจัดคำแถลงเปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนการพิจารณาครั้งแรก 15 วัน กองหนุนน้องยิ้มพร้อมช่วย
น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียง ราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ขณะนี้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีต รมว.ยุติธรรม นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.การต่างประเทศ และนายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย จะเข้ามาช่วยดูแลในเรื่องการต่อสู้คดี ผู้ใหญ่ของพรรคและฝ่ายกฎหมาย ก็ให้กำลังใจ จะไม่ปล่อยให้โดดเดี่ยวอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนา
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังยื่นหนังสือถึงสำนัก งานผู้ตรวจการแผ่นดิน รัฐสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบงบ 1,000 ล้านบาทว่า ไม่มีเหตุผลที่จัดสรรงบให้หน่วยงานด้านความมั่นคงไปแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และนักวิชาการคำนวณว่าระยะเวลาดำเนินงานเพียง 1 เดือน ใช้งบเพียง 500 ล้านบาท ก็เพียงพอ จึงคิดว่าลักษณะนี้วัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่ง เพราะทราบมาว่า ส.เสือ มีเอี่ยวกับผลประโยชน์ถึง 300 ล้านบาท จากงบดังกล่าว และ ส.เสือคนนี้ยังบุกเข้าไปทุกกระทรวง และมีส่วนแบ่งถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์ในโครงการต่าง ๆ โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว นพดลย้อนเกล็ดมาร์ค
ที่โรงแรมเรดิสัน นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.การต่างประเทศ นำเอกสารจำนวนมากและแผนที่แสดงเขตแนวบริเวณปราสาทพระวิหาร มาประกอบการแถลงข่าว โดยกล่าวว่า ถ้านายอภิสิทธิ์ยังยืนยันว่าต้องยึดแนวสันปันน้ำก็ ขอให้ไปสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ทหาร กรมสัญญาและกฎหมาย และคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) เปลี่ยนแปลงท่าทีต่อกัมพูชาว่าเส้นเขตแดนของไทยเป็นแนวสันปันน้ำไม่ใช่ L7017 ไม่เช่นนั้นจะกล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ เพราะไม่ปกป้องเขตแดนของชาติ
นายนพดลกล่าวต่อว่า กรณีที่นาย อภิสิทธิ์ชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ไทยสามารถสงวนสิทธิเมื่อพบหลักฐานใหม่จะได้รื้อฟื้นคดีเอาปราสาทคืนมานั้น เป็นคำชี้แจงที่ผิด เพราะในธรรมนูญศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ม.60 และ ม.61 ระบุว่า คำพิพากษาถือเป็นที่สุดไม่สามารถอุทธรณ์ต่อได้ หากจะอุทธรณ์จะ ต้องทำภายใน 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลตัดสิน ซึ่งหมายความว่าไทยไม่สามารถรื้อฟื้นคดีได้อีกแล้ว ตนไม่ได้ขายชาติ ไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลตามที่มีการกล่าวหา ถ้าพูดเท็จก็ขอให้มีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วัน แต่ถ้าตนปกป้องประเทศชาติก็ขอให้ เจริญยิ่งขึ้น.
