สุรยุทธ์ ไม่หนักใจถูก ทักษิณ โจมตีสถาบันองคมนตรี

สุรยุทธ์ ไม่หนักใจถูก ทักษิณ โจมตีสถาบันองคมนตรี

สุรยุทธ์ ไม่หนักใจถูก ทักษิณ โจมตีสถาบันองคมนตรี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สุรยุทธ์ ยันไม่ต้องฟ้องศาล เหตุไม่อยากยืดเยื้อ ย้ำให้ปชช.ใช้วิจารณญาณตัดสิน ไม่หนักใจถูก ทักษิณ โจมตีรายวัน กลุ่มคนรักป๋าเปรม ยื่นหนังสือร้อง อภิสิทธิ์-ปู่ชัย จัดการ ทักษิณ จาบจ้วง สถาบัน-องคมนตรี ด้าน ชินวรณ์  ลั่นดำเนินการคนที่จาบจ้วงตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เสื้อแดงปรับแผนเริ่มกลยุทธดาวกระจายเริ่มพรุ่งนี้บุกคลัง


ที่โรงแรมสยามซิตี้เมื่อเวลา 11.00 น.พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) จะขึ้นเวทีของกลุ่มเสื้อแดง โดยจะมีการพูดถึงเบื้องหลังของการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 ว่า คงต้องให้พี่น้องประชาชนได้พิจารณาว่ามีสิ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์ หรือเป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนจะใช้วิจารณญาณของตนเองได้ ซึ่งตนคงจะชี้แจงได้เฉพาะเท่าที่จำเป็น คงไม่สามารถที่จะทำในสิ่งที่ถือว่า ทำต่อเนื่อง เหมือนกับการชุมนุมต่างๆได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเป็นข้อจำกัด ทั้งนี้ถือว่า ตนได้ชี้แจงไปแล้วในส่วนที่ผูกพันกับตนจึงไม่มีอะไรเพิ่มเติมในด้านนั้น

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเดินหน้าโจมตีองคมนตรีว่าอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า หากท่านได้รับข้อมูลและท่านคิดไปอย่างนั้น คงห้ามท่านไม่ได้แต่อยากให้ประชาชนพิจารณาและใช้วิจารณญาณว่าสิ่งที่ตนได้กระทำไปนั้น ได้ทำนอกเหนือหน้าที่หรือไม่อย่างไร ซึ่งเป็นส่วนที่อยากให้พี่น้องประชาชนได้พิจารณา เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ที่พ.ต.ท.ทักษิณ พุ่งเป้าโจมตีท่านและพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า งไม่หนักใจอะไร เพราะความจริงต้องเปิดเผยและผู้ที่ทำสิ่งใด ผลการกระทำนั้นจะตอบสนองบุคคลเหล่านั้น ไม่ว่าจะในทางที่ดีหรือไม่ดี

เมื่อถามถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แนะให้พล.อ.สุรยุทธ์ ไปฟ้องศาลกรณีที่พล.อ.พัลลภ ออกมากล่าวหา เพื่อให้ข้อเท็จจริงเกิดขึ้น พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนก็มีข้อพิจารณาของตัวเอง คิดว่าเราไม่ควรทำเรื่องให้ยืดยาวออกไป สิ่งใดที่ประชาชนใช้วิจารณญาณได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องนำเรื่องเข้าไปสู่ขั้นตอนของศาลก็จะทำให้เรื่องเหล่านั้นสั้นลง

เมื่อถามว่า จะมีแนวทางการแก้ไขปัญหาขณะนี้อย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่มีข้อคิดที่จะสามารถตอบได้ในขณะนี้เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างกว้างขวางและต้องการความร่วมมือจากประชาชนและหลายฝ่ายว่าเราต้องการให้บ้านเมืองเราสงบสุขในระยะเวลาสั้นๆหรือไม่ และเราจะได้มาช่วยกันแก้ไขปัญหาต่างๆที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าคงเป็นปัญหาเศรษฐกิจ คิดว่า สิ่งเหล่านี้เมื่อเราพิจารณาให้รอบคอบน่าจะหาทางออกได้

เมื่อถามว่า ในที่ประชุมองคมนตรีเป็นห่วงกรณีที่มีการกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า การประชุมองคมนตรีครั้งที่ผ่านมาไม่ได้มีการพูดถึงสถานการณ์บ้านเมือง เป็นเพียงการพูดตามวาระปกติ

"กลุ่มคนรักป๋าเปรม"ยื่นหนังสือร้อง"มาร์ค-ชัย"

วันนี้ ตัวแทนเครือข่ายคนรักแผ่นดินเกิด พร้อมสมาชิกจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 5 คน นำโดยนายประดิษฐ์ อ่อนรักษ์ ประธานเครือข่ายฯ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร

โดยได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เรื่องการปกป้อง พิทักษ์ รักษาสถาบันหลักของชาติ มีใจความว่า จากกรณีที่มีการใส่ร้ายป้ายสี สถาบันหลักของชาติ กระบวนการยุติธรรม สถาบันองคมนตรี และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จนทำให้ชาวไทย และชาวโลกเข้าใจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ซึ่งเกรงว่า จะเกิดความแตกแยกความสามัคคีในชาติ

ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล เร่งแก้ไขอย่างถูกต้องและทันท่วงที โดยเครือข่ายคนรักแผ่นดินเกิด จะรวมกันตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทุกรูปแบบ อาจทำให้เกิดสงครามกลางเมืองรูปแบบต่าง ๆ ขึ้นในประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกยุติการใส่ร้ายป้ายสี กล่าวเท็จต่อสถาบันองคมนตรี และพล.อ.เปรมในทันที
รวมทั้งขอให้รัฐบาลชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้ประชาชนได้รับทราบ ถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวร้ายป้ายสีต่อสถาบันหลักของชาติผ่านทางสื่อทุกช่องทาง หากข้อเรียกร้องไม่เป็นผล ทางเครือข่ายจะมีมาตรการเคลื่อนไหวที่เข้มข้นขึ้นตามลำดับ

ด้านนายชัย กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า "ผมรับหนังสือแล้ว ขอให้กลับไปบ้านได้แล้ว ทางฝ่ายสภาจะดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรม"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นทางประธานเครือข่ายฯ ได้ยื่นหนังสือถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยมีนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) รับหนังสือแทน และยื่นหนังสือต่อนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร

นายชินวรณ์ กล่าวว่า เขาจะยื่นหนังสือดังกล่าวให้รัฐบาลต่อไป และขอขอบคุณในความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ ในยามที่เกิดสภาวะความแตกแยกทางความคิดอย่างนี้ พวกเราจะใช้ความอดทน เพื่อให้บ้านเมืองได้เดินหน้าแก้ไขปัญหา เพราะวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังถลาโถมมา

ส่วนคนที่กระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม รัฐบาลก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และติดตามการชุมนุมอย่างใกล้ชิดไม่ให้เกิดความรุนแรง ที่สำคัญที่สุด เราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่จะให้มีการก้าวล่วงสถาบัน เพราะเป็นที่ยึดเหนี่ยวของคนไทย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะยืนหยัดระบบยุติธรรม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย

วิปรัฐบาลห่วงเสื้อแดงเหิมหนัก

นายชินวรณ์ กล่าวภายหลังการประชุมวิปรัฐบาลว่า ที่ประชุมห่วงสถานการณ์การเมือง โดยเฉพาะที่กลุ่มเสื้องแดงปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลจนฝ่ายบริหารไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ แม้จะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ชุมนุมได้ แต่การปิดล้อมทำเนียบอย่างนี้ถือว่าผิดกฎหมายชัดเจน ดังนั้นวิปรัฐบาลจึงเห็นว่ารัฐบาลต้องอดทน แต่ให้เร่งรัดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เมื่อศาลแพ่งมีคำสั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมเปิดทางเข้า-ออกทำเนียบแล้ว

ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปลุกระดมทั้งการเรียกร้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติยุบสภา ให้ฝ่ายบริหารลาออก รวมถึงความไม่เชื่อมั่นในระบบตุลาการ หรือแม้แต่การก้าวล่วงองคมนตรี ชี้ให้เห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่าตัวเองถูกแต่คนอื่นผิดหมด จึงอยากเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณรีบกลับมาประเทศไทยเพื่อพิสูจน์ความจริงในคดีที่ถูกดำเนินการอยู่ และเชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ใช้วิธีสลายการชุมนุมแน่นอน เพราะไม่ต้องการตกหลุมพรางของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะเป็นการซ้ำเติมวิกฤติชาติเพิ่มเป็น 2 เด้ง

นายชินวรณ์ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำ ทั้งการโฟนอิน และวีดีโอลิงค์ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยชัดเจน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว มีข้อมูลจากสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา เริ่มมีนักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวโดยเฉพาะแถบจังหวัดชายฝั่งอันดามัน แต่พอมีการโฟนอินหรือวีดีโอลิงค์ ทำให้ยอดนักท่องเที่ยวลดลงไปมาก จึงอยากให้พ.ต.ท.ทักษิณ รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไป มากกว่าจะมาชี้นำการแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบนี้ และการวีดีโอลิงก์เข้ามาบ่อยครั้ง ถือว่ามีเจตนาทางการเมืองชัดเจน ซึ่งขัดกับการประกาศว่าจะไม่เล่นการเมือง จึงขอให้ท่านยุติการดำเนินการดังกล่าว เพราะเป็นการทำเพื่อตัวเองให้พ้นจากคดี และทำเพื่อพวกพ้อง ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เรียกร้องอยู่นี้เพื่อระบบประชาธิปไตยหรืออะไรกันแน่

อย่างไรก็ตาม ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า การเดินทางไปร่วมประชุมกลุ่ม จี 20 ที่ประเทศอังกฤษของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำกลุ่มประเทศอาเซียน จะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติและนักท่องเที่ยวกลับคืนมา

" วิปรัฐบาลเห็นร่วมกันว่า รัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ควรประสานการทำงานเพื่อความเป็นเอกภาพ และต้องมียุทธศาสตร์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ชัดเจน รวมถึงต้องเร่งประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาลทั้ง เรื่องเช็คช่วยชาติ ต้นกล้าอาชีพ สวัสดิการผู้สูงอายุ และเงินช่วยเหลืออาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน(อสม.) เป็นต้น ส่วนกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาท้วงติงนายกรัฐมนตรีและฝ่ายบริหาร ให้เปิดกว้างรับฟังขอเสนอแนะจากบุคคลที่มีประสบการณ์นั้น ถือเป็นคำแนะนำที่ดีที่รัฐบาลต้องรับฟัง เพราะท่านเป็นผู้มีประสบการณ์เป็นที่เคารพของคนในพรรค และรัฐบาลต้องไม่เกรงกลัวต่อการข่มขู่ด้วยเงื่อนไขใดๆ " ประธานวิปรัฐบาล กล่าว

เสื้อแดงปรับแผนเริ่มกลยุทธดาวกระจายเริ่มพรุ่งนี้บุกคลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุม ของกลุ่ม นปช. เป็นวันที่ 7 ว่า ภายหลังจากที่ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเปิดถนนลูกหลวง และเปิดประตูทำเนียบฯ ให้ข้าราชการของทำเนียบ เข้าไปปฎิบัติงาน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. นั้น วันนี้ เวลา 10.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มนปช. ได้แถลงว่า คนเสื้อแดงเคารพในคำวินิจฉัยของศาลแพ่ง แต่ก็ขอสงวนสิทธิ์ในการต่อสู้เรียกร้องตามระบอบประชาธิไตย โดยได้มอบหมายให้ทีมทนายความ ทำเรื่องยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลเพื่อให้สามารถชุมนุมต่อไป

ส่วนคำสั่งให้เปิดประตู 6 และ 8 นั้น ที่จริงหลังบุกยึดพื้นที่รอบทำเนียบฯ ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. กลุ่มเสื้อแดงไม่เคยกีดขวางข้าราชการไม่ให้เข้าไปทำงาน ยังสามารถเข้าออกได้บริเวณประตู 6 และ 8 ตลอดเวลาไม่มีการตรวจค้น เพียงแต่ขอให้เดินเท้าเข้าทำเนียบฯเท่านั้น อีกทั้งข้าราชการที่ไปร้องต่อศาล ได้ชี้แจงด้วยว่า ผู้ชุมนุมไม่ได้ทำให้ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย เป็นการยืนยันถึงการชุมนุมโดยสันติปราศจากอาวุธ ดังนั้น จึงขอสงวนสิทธิ์ ในการประกาศจุดยืนขับไล่รัฐบาลต่อไป และคาดว่า การยื่นอุทธรณ์จะได้รับการพิจารณาจากศาลแพ่ง ในการขอยื่นอุธรณ์

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. จะเป็นวันแรกที่จะจัดกำลังออกไปดาวกระจาย โดยจะเริ่มไปที่กระทรวงการคลัง เพื่อไปบอกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงคลังว่า คนเสื้อแดงไม่ยอมรับโครงการของรัฐ ที่จะให้คลังเตรียมกู้เงินจากต่างประเทศนับแสนล้านบาท จะไม่ยอมรับภาระหนี้ที่รัฐบาลนี้ก่อไว้ และต้องยุติขั้นตอนทุกโครงการทันที

ผู้สื่อข่าวถามว่า การยกระดับการเคลื่อนไหวจะสอดคล้องกับที่ถูกมองว่า จะสร้างความรุนแรงหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ถ้าอยากให้รุนแรงคงทำไปนานแล้ว แค่ใช้กำลังคน 500 คน บุกเข้าทำเนียบฯ หรือสนามบินก็ทำได้ เป็นเรื่องไม่ยาก แต่คนเสื้อแดงไม่คิดที่จะสร้างความรุนแรง ไม่คิดยึดทำเนียบฯ หรือสนามบิน

สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มนปช.วันที่ 7 ตั้งแต่ช่วงเช้ามีผู้ชุมนุมบางตา เพราะสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้มีผู้ชุมนุมนับสิบรายล้มป่วย ต้องนอนที่เต๊นท์พยาบาล และขอยาแก้ไข้หวัดกันเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ใกล้บริเวณเวทีปราศรัย ได้ยังมีการทะเลาะวิวาทกันระหว่างแม่ค้ากับการด์เสื้อแดง เพราะแม่ค้าบางคนพยายามจะเข้ามาขายเบียร์ในที่ชุมนุม แต่การ์ดเสื้อแดงไม่ยอม ให้ขายได้เเฉพาะน้ำดื่มเท่านั้น ทำให้แม่ค้าไม่พอใจพยายามปืนรั้วเข้ามาหาแกนนำ จึงได้ถูกการ์ดหิ้วตัว และเอาน้ำราดหัวแม่ค้า นำตัวไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสงบสติอารมณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บริเวณแยกมิสกวัน ยังคงมีเต๊นท์ ของแม่ค้าตั้งจำหน่ายเสื้อแดง แต่บรรยากาศเงียบเหงาไม่มีคนให้ความสนใจ ส่วนบริเวณด้านหน้าอาคารสำนักงานปปช. ปรากฎว่า ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดง ซื้อหวยใต้ดินประมาณ 4-5 คน โดยมีคนถือโพยหวย ตรวจสอบเลขอย่างโจ๋งครึ่ม

ทั้งนี้ เวลา 10.45 น.พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประภัย ผบก.น .1 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 15 ราย พร้อมด้วยนายถวัลย์ ดวงไชยวงศ์ เจ้าพนักงานศาลแพ่ง นำคำสั่งศาลแพ่ง มามอบให้จำเลย 3 คน คือนายวีระ มุกสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช.ที่เวทีปราศรัย แต่แกนนำทั้ง 3 ยอมไม่ออกมารับ
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ศาล ได้ขอให้ตำรวจนำคำสั่งศาลมามอบให้จำเลยทั้ง 3 เพื่อให้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล แต่ไม่เจอตัวจำเลย จึงจะนำคำสั่งศาลไปติดไว้ที่ประตู 6 และประตู 8 ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามก็จะดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่เจอตัวจำเลย เมื่อเจ้าหน้าที่นำคำสั่งศาลมาติดแล้ว จำเลยจะต้องดำเนินการตามคำสั่งศาลภายใน 30 วัน

ทั้งนี้ มีผู้ชุมนุมช่วยกันตะโกนโห่ไล่ว่า ตำรวจอย่าดำเนินการสองมาตรฐาน โดยผู้ปราศรัยบนเวที ได้ประกาศห้ามปรามไม่ให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ

"การนำหมายไปมอบให้แกนนำ หรือปิดที่ประตูนั้น เป็นการดำเนินการให้มีผลทางกฎหมายอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดการโต้เถียง และจะดูว่า มีการปฏิบัติตามคำสั่งศาลหรือไม่ หากไม่ปฏิบัติตาม ก็จะเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะนำพยานหลักฐานไปยื่นร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลออกคำบังคับคดี ให้เจ้าหน้าที่บังคับคดีดำเนินการตามคำสั่งศาล ส่วนการอุทธรณ์นั้น ไม่เกี่ยวข้องกับคำสั่งศาล เพราะขณะนี้ศาลมีคำสั่งมาแล้ว ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลก่อน ส่วนผลการอุทธรณ์จะเป็นอย่างไรก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง" พล.ต.ต.อำนวย กล่าว

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงานศาลแพ่ง ได้นำหมายศาลไปติดที่ประตู 6 และ 8 โดยเป็นคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวศาลแพ่งหมายเลขคดีดำที่ 1233 / 2552 โจทก์คือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำเลยคือนายวีระ นายณัฐวุธ และนายจตุพร ให้จำเลยทั้ง 3 คน เปิดถนนลูกหลวงตั้งแต่แยกเทวกรรมจนถึงสะพานชมัยมรุเชษฐ และให้เปิดประตูทำเนียบฯ 6 และ 8 ให้ข้าราชการครม.นำรถยนต์เข้าออกได้สะดวก และให้ใช้เครื่องขยายเสียงในระดับที่ไม่รบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
ทั้งนี้ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังติดหมายศาลที่ประตูทางนั้น ผู้ชุมนุมบางคนได้ใช้โทรโข่งขนาดเล็ก ตะโกนขับไล่ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จากเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

ส.ส.เพื่อไทย อัด "กษิต" ไม่มีคุณสมบัติผู้ดี

ที่รัฐสภา นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยน.ส.วิสาระดี เตชะธีรวัฒน์ ส.ส.เชียงรายพรรคเพื่อไทย แถลงโต้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่แถลงข่าวตอบโต้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยวาจาและท่าทางที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง

นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่า การพูดในลักษณะดังกล่าวของนายกษิต เป็นการพูดที่ส่อไปในลักษณะการไม่มีคุณสมบัติของผู้ดีคงอยู่ แต่เหมือนกับมีพฤติกรรมเป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมากกว่า ซึ่งการพูดในท่าทีและลักษณะท้าตีท้าต่อยของรมว.ต่างประเทศนั้น ได้ทำให้สมเด็จ ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชาไม่พอใจต่อคำพูด จึงขอตักเตือนนายกษิตว่า ควรที่จะพูดจาให้ดีๆ น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะนายฮุนเซ็นไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีที่ปล้นอำนาจมา แต่มาจากการเลือกตั้ง นอกจากนี้นายกษิตควรที่จะทบทวนบทบาท และหน้าที่ของตนเองเสียใหม่ เพราะพรรคเพื่อไทยเกรงว่าจะเกิดผลเสียแก่ประเทศชาติ เนื่องจากหลายครั้งที่นายกษิตใช้ถ้อยคำวาจาที่กระเทือนต่อความสัมพันธ์ของประเทศเพื่อนบ้าน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook