ศาลไม่รับฟ้องพานทองแท้ขอถอนอายัดทรัพย์

ศาลไม่รับฟ้องพานทองแท้ขอถอนอายัดทรัพย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คมชัดลึก : ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง ไม่รับฟ้องพานทองแท้ฟ้องสรรพากร ตั้งเจ้าพนักงานประเมินเก็บภาษีซื้อหุ้นชินคอร์ป 5 พันล้าน เหตุอยู่ในอำนาจศาลภาษีอากร (2เม.ย.)ที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลปกครองสูงสุดโดย นายจรัญ หัตถกรรม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืนตามศาลปกครองกลางไม่รับฟ้องคดีที่นาย พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรียื่นฟ้อง กรมสรรพากร นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร นางจิตรมณี สุวรรณพูล นางวินิจตา รังสีเทพปฏิมา นายอรรณพ บัวครื้น นางดวงใจ คันธาแก้ว และนายณรงค์ หาระวงศ์ เจ้าพนักงานสรรพากรเป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 " 7 เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากคำสั่งทางปกครอง กรณีร่วมกันออกคำสั่งแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินและเรียกเก็บภาษีเงินได้ผู้ฟ้องคดีเป็นเงิน 5,904 ล้านบาทเศษ ตามฟ้องสรุปว่า นาย พานทองแท้ ผู้ฟ้องคดี และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ซื้อหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มาจากบริษัท แอมเพิล ริช อินเวสท์เม้น เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2549 คนละ 164 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 1 บาท กรมสรรพากร ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 วินิจฉัยว่าเป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และ 40(2) ซึ่งมีหน้าที่ต้องเสียภาษี นายศานิต ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จะต้องเรียกตรวจสอบภาษีอากรจากนาย พานทองแท้ ผู้ฟ้องคดี และ น.ส.พิณทองทา และตรวจสอบการหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50(1) และผู้ถูกฟ้องคดีอ้างว่า สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ ที่นาย พานทองแท้ ผู้ฟ้องคดีนำมาให้ยึดถือเป็นประกันได้ถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ยึดอายัดไว้ จึงไม่ถือว่าปลอดภาระผูกผันที่จะนำมาเป็นหหลักประกันได้ โดยเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2550 กรมสรรพากร และนายศานิต ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 - 2 จึงมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานประเมินทำการประเมินและเรียกเก็บภาษีจากนาย พานทองแท้ ผู้ฟ้องคดี เป็นเงิน 5,409,791,172.29บาท ซึ่งผู้ฟ้องคดีไม่เห็นด้วยจึงยื่นอุทธรณ์ และขอทุเลาการเสียภาษีอากร แต่กรมสรรพากรไม่อนุมัติเนื่องจากนาย พานทองแท้ ผู้ฟ้องคดี ยังไม่จัดหาหลักประกันการชำระหนี้ให้ถูกต้องตามระเบียบสรรพากร จึงออกประกาศให้ยึดอายัดทรัพย์สินของนาย พานทองแท้ ผู้ฟ้องคดีมาชำระหนี้ภาษีอากร นาย พานทองแท้ ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์คำสั่งยึดอายัดทรัพย์ดังกล่าว แต่กรมสรรพากรไม่อนุญาต จึงนำคดีมาฟ้องศาลเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งยึดอายัดทรัพย์ของกรมสรรพากร และให้ ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งเจ็ด ชดใช้ค่าเสียหาย 100 ล้านบาทคดีนี้ศาลปกครองกลาง พิพากษายกฟ้องเพราะไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครองแต่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลภาษีอากร นาย พานทองแท้ ผู้ฟ้องคดี จึงยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุด

ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับกฎหมายภาษีอากรจึงอยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลภาษีอากร ไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง กรณีที่อุทธรณ์ว่าคดีนี้ฟ้องเพื่อโต้แย้งคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สินอันเป็นมาตรการบังคับทางปกครองที่เกิดจากการใช้อำนาจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นการกระทำละเมิดต่อนาย พานทองแท้ ผู้ฟ้องคดี ศาลเห็นว่า คำสั่งยึดอายัดทรัพย์สินนาย พานทองแท้ ผู้ฟ้องคดี ดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากการประเมินภาษีอากร ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลภาษีอากรดังได้วินิจฉัย จึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ข้อกล่าวอ้างของนาย พานทองแท้ ผู้ฟ้องคดี ฟังไม่ขึ้นและไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาอื่นตามอุทธรณ์ เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความกับให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดจำนวน 2.5 แสนบาทแก่นาย พานทองแท้ ผู้ฟ้องคดี นั้นชอบแล้ว จึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook