มูลนิธิเมาไม่ขับชวนไถ่ชีวิต-หยุดขายเหล้า 13เมษาฯ แพทยสภาเผยสถิติเด็กจมน้ำตายช่วงนี้มากสุด

มูลนิธิเมาไม่ขับชวนไถ่ชีวิต-หยุดขายเหล้า 13เมษาฯ แพทยสภาเผยสถิติเด็กจมน้ำตายช่วงนี้มากสุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
มูลนิธิเมาไม่ขับชวนสถานบันเทิง ไถ่ชีวิต หยุดขายเหล้า 13 เมษาฯ ใช้กฏเหล็ก 7 วันอันตราย คุมคนขับรถปลอดแอลกอออล์ ฝืนถูกไล่ออก แพทยสภาทดลองปืนฉีดน้ำแรงดันสูง พบทำถึงตาบอด เตือนผู้ปกครองเลือกซื้อ เผยสถิติ เม.ย.เด็กจมน้ำตายมากสุด

นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เตรียมมาตรการรณรงค์ลดอุบัติเหตุจราจร ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 7 วันอันตราย โดยให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 3 เมษายนว่า ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชนที่รณรงค์เมาไม่ขับมากว่า 10 ปี มียุทธศาสตร์ที่จะรณรงค์ไว้ 2 แนวทาง คือ 1.ร่วมกับสมาคมภัตตาคารไทย ขอความร่วมมือผู้ประกอบการร้านอาหาร สถานบันเทิงและสถานที่ท่องเที่ยว งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันที่ 13 เมษายน เป็นเวลา 1 วัน เพื่อร่วมไถ่ชีวิตคนไทย 2.หลังสงกรานต์จะร่วมกับกระทรวงคมนาคมผลักดันให้แก้ไขกฎหมาย โดยกำหนดให้ผู้ขับขี่รถสาธารณะต้องปลอดแอลกอฮอล์

แต่ในเบื้องต้นช่วง 7 วันอันตราย ตั้งแต่วันที่ 10-16 เมษายนนี้ กระทรวงคมนาคมจะร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ กรมการขนส่งทางบก กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) สมาคมประกันวินาศภัยและกลุ่มผู้ประกอบการรถขนส่ง ดำเนินโครงการรถสาธารณะปลอดภัย แอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ กำหนดนโยบายเข้มงวดกวดขันกับผู้ขับขี่รถสาธารณะ เช่น รถ บขส. รถเมล์ และรถร่วม ขสมก.ฯลฯ ให้ปลอดจากแอลกอฮอล์ แม้ว่า พ.ร.บ.จราจร จะกำหนดให้ผู้ขับขี่รถสาธารณะมีแอลกอฮอล์ในร่างกายได้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่กระทรวงคมนาคมได้กำหนดบทลงโทษอย่างหนักกับผุ้ขับขี่รถสาธารณะที่ฝ่าฝืน หากมีการตรวจพบแอลกอออล์ในร่างกายจะถูกไล่ออก ให้ออก ตัดเงินเดือน หรือสั่งพักงานทันที เพราะแม้ตามกฎหมายจะลงโทษไม่ได้ แต่ทางวินัยถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว นพ.แท้จริง กล่าว

นพ.แท้จริง กล่าวว่า ผู้ที่เดินทางสัญจรไปมาในช่วงดังกล่าว หากพบเห็นผู้ขับขี่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือมีอาการคล้ายคนเมา ให้แจ้งศูนย์ปลอดภัยคมนาคม สายด่วน 1584 ผู้แจ้งจะได้รับค่าตอบแทนครั้งละ 500 บาท และตำรวจที่ตรวจจับจะได้รางวัล 500 บาท เช่นกัน และวันที่ 8 เมษายนนี้ เวลา 08.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานปล่อยขบวนคาราวานรณรงค์ลดอุบัติเหตุสงกรานต์ ที่โรงแรมริเวอร์ไซด์ เชิงสะพานกรุงธน ปีนี้จะมีเหยื่อเมาแล้วขับกว่า 1,000 คน ร่วมปฎิบัติงานกับตำรวจในจุดตรวจทั่วประเทศ โดยแจกสื่อรณรงค์ สติ๊กเกอร์ แผ่นผับ น้ำดื่ม และแบ่งปันประสบการณ์ความสูญเสียให้กับผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงด้วย

ด้านนายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวช่วงวันที่ 11-15 เมษายน ว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะจัดโครงการ Safety Holiday บริการตรวจสภาพรถยนต์และรถจักยานยนต์ 38 จุดทั่วประเทศ พร้อมกับมีชา กาแฟ รวมทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบริการ สำหรับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานขอความร่วมมือนายจ้างในงานขนส่งทางบกให้ลูกจ้างทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมง และทำงานในรอบต่อไปต้องได้พักผ่อนไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง หากมีการฝ่าฝืนและตรวจพบจะทำการตักเตือนก่อนและถ้ายังมีการฝ่าฝืนอีกจำดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายปัรณพินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (เลขาธิการ สปส.) กล่าวว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์ผู้ประกันตนควรนำบัตรรับรองสิทธิ์ติดตัวไปด้วย เนื่องจากหากเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินผู้ประกันตนจะสามารถเข้ารักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ทันที

ขณะที่นายมานิต นพอเมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ จะไม่ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากการทบทวนร่างประกาศทั้ง 2 ฉบับ ต้องใช้เวลาดำเนินการ และไม่มีเวลาประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ ขณะนี้ สธ.ทำได้เพียงรณรงค์ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากประชาชน โดยเฉพาะผู้ขับขี่ยานพาหนะ ได้ให้ นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ จัดทำโครงการรณรงค์ ใช้สโลแกนว่า รถปลอดเหล้า เราปลอดภัย เริ่มในสัปดาห์หน้าทั้งสื่อโทรทัศน์ สถานีขนส่ง

นพ.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการสร้างสุขภาวะและลดปัจจัยเสี่ยง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จะมีการระดมภาคประชาสังคม ภาคี เครือข่าย ประมาณ 43,000 คน ทั่วประเทศ อาทิ เครือข่ายเยาวชน อาสาสมัครสาธารณสุข หมออนามัย องค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อกระจายรณรงค์ให้ความรู้ในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ 25 จังหวัด

นอกจากนี้ สสส.ยังมีแผนงานทุนอุปถัมภ์ ที่จะเข้าไปสนับสนุนการจัดกิจกรรมในพื้นที่ต่างๆ แทนบริษัทเหล้า เพื่อให้เป็นเทศกาล ประเพณีปลอดเหล้า เช่น ถนนข้าวเหนียว จ.ขอนแก่น คูเมือง จ.เชียงใหม่ หรือ ประเพณีลอยกระทง ชักพระ โดยจะขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกจังหวัด ให้เกิดต้นแบบที่ดีและทำให้วัฒนธรรมประเพณี ไม่ถูกทำลายจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นพ.สุปรีดา กล่าว

ที่แพทยสภา รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัย และป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก โรงพยาบาลรามาธิบดีแถลงว่าเทศกาลสงกรานต์ที่เล่นสาดน้ำเป็นอันตรายทำให้เด็กบาดเจ็บได้ โดยเฉพาะปืนฉีดน้ำที่ขายตามท้องตลาด สามารถทำอันตรายกับดวงตา ที่เป็นอวัยวะที่บอบบางมาก โดยอนุกรรมการฝ่ายป้องกันโรคและอุบัติเหตุ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ ร่วมกับบริษัท อินเตอร์เทค ทำการศึกษาอันตรายจากปืนฉีดน้ำขนาดใหญ่สีสันสดใสไม่ใช่ท่อพีวีซี ต่อลูกตาของเด็ก ด้วยการทดลองฉีดน้ำใส่แผ่นฟอยล์ หากแรงดันน้ำทำให้แผ่นฟอยล์ทะลุได้ ก็สามารถทำให้ดวงตาบาดเจ็บได้

การทดลอง พบว่า ปืนที่มีแรงดันสูง สามารถฉีดน้ำได้ไกลเกินกว่า 6 เมตร มีอันตราย สามารถยิงทะลุฟอยล์ได้ในระยะ 150 เซนติเมตร และหากปืนที่ฉีดน้ำออกมาพุ่งเป็นเส้นตรงเส้นเดียว น้ำจะมีความแรงมากขึ้น ดังนั้น หากจะใช้ปืนเหล่านี้เล่นฉีดน้ำใส่คน ควรจะต้องยืนฉีดน้ำให้ห่างอย่างน้อย 150 เซนติเมตร จึงจะปลอดภัย หากฉีดถูกดวงตาก็จะไม่ได้รับการบาดเจ็บ รศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าว

รศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าวว่าผู้ปกครองควรเลือกซื้อปืนดน้ำให้บุตร หลาน ที่มีแรงดันน้อย และฉีดน้ำออกมาเป็นลักษณะฝอย กระจาย ไม่ใช่พุ่งตรงเป็นเส้นเดียว หากฉีดในแนวระนาบ จะต้องฉีดได้ไม่ไกลกว่า 6 เมตร หากฉีดในมุม 45 องศา ต้องไม่ไกลกว่า 10 เมตร จึงจะปลอดภัย และไม่ควรเล็ง หรือฉีดน้ำใส่บริเวณใบหน้าด้วย ที่ผ่านมามีโรงพยาบาลเลิศสิน เก็บข้อมูลพบว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีคนไข้ที่เป็นเด็กมารักษาโรคทางตาจำนวนมาก และมีบางรายตาบอด สันนิษฐานว่าเกิดจากการถูกปืนฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดเข้าดวงตา ทั้งนี้ จะนำผลการวิจัยเรื่องปืนฉีดน้ำ นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการวิชาการพัฒนามาตรฐานของเล่นเด็กที่ 423 ของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 7 เมษายน นี้

ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า จากการศึกษาของอนุกรรมการฝ่ายป้องกันโรคและอุบัติเหตุฯ อุบัติเหตุที่เป็นสาเหตุของการตายของเด็กไทย อายุระหว่าง 1-14 ปี ตั้งแต่ปี 2547-2551 พบว่า มีเด็กเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเฉลี่ย 3,175 รายต่อปีคิดเป็น ร้อยละ 42 ของการตายทั้งหมด โดยเดือนเมษายนของทุกปี เป็นเดือนที่มีเด็กตายมากที่สุด เฉลี่ย 359 ราย คิดเป็น ร้อยละ 50.21 กลุ่มเด็กที่เสียชีวิตมากที่สุด มีอายุ 6-8 ปี และเด็กอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป อุบัติเหตุที่ทำให้เด็กเสียชีวิตมากที่สุด คือ การจมน้ำ มีเด็กเสียชีวิตเฉลี่ย 1,431 รายต่อปี เด็กอายุ 5 ปีขึ้นไป ควรได้รับการสอนเรื่องภัยทางน้ำ สอนว่ายน้ำเพื่อเอาตัวรอดได้ ควรสวมชูชีพทุกครั้งที่ลงเล่นน้ำ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.วรเทพ เมธาวัธน์ รองโฆษก ตร. ร่วมกับ สสส. แถลงข่าวรณรงค์ลดอุบัติเหตุเทศกาลสงกรานต์ โดยระดมกวาดล้างอาชญากรรมตั้งแต่วันที่ 6-12 เมษายน เน้นคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ อาชญากรรมตามแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งกวดขันสถานบริการที่ผิดกฎหมาย และเตรียมอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและกวดขันการขายสุราไม่ให้เกินเวลากำหนด หรือขายผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี

ด้าน พล.ต.ต.วีระพัฒน์ ตันศรีสกุล ผบก.จร. กล่าวว่า ออกข้อบังคับห้ามรถยนต์ที่บรรทุกภาชนะบรรจุน้ำหรือบรรทุกน้ำหรือบรรทุกอุปกรณ์การเล่นน้ำและบรรทุกคนโดยสารเพื่อเล่นสาดน้ำสงกรานต์ บนถนนบางสายรอบเกาะรัตนโกสินทร์ตั้งแต่วันที่ 11-15 เมษายน สำหรับถนนข้าวสารห้ามรถยนต์ทุกชนิดสัญจรตั้งแต่เวลา 09.00-24.00 น.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook