กกร.นัดถกรับมือม็อบเสื้อแดง
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060

    กกร.นัดถกรับมือม็อบเสื้อแดง

    2009-04-04T09:05:10+07:00
    แชร์เรื่องนี้
    วอนอย่ารุนแรงซ้ำเติมเศรษฐกิจต่างชาติผวาการเมืองเมินลงทุน

    นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย ในวันที่ 7 เม.ย. นี้ จะนำประเด็นการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 8 เม.ย. มาหารือกัน เบื้องต้นคงยังไม่มีมาตรการอะไรมารองรับ เพราะต้องรอดูสถานการณ์ก่อนว่าจะยืดเยื้อและรุนแรงแค่ไหน เพื่อมาประเมินสถานการณ์อีกครั้ง แต่ถ้าเป็นไปได้ภาคเอกชนไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น เพราะจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจ

    สำหรับข้อเสนอของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา และลาออกนั้น เห็นว่า การทำงานของสมาชิกวุฒิสภาไม่ได้มีความผิดอะไรถึงขั้นต้องให้ยุบสภา และการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ก็เพิ่งทำงานได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น ทำให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยังไม่เห็นผล หากจะต้องยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ก็จะเสียเวลาในการเริ่มต้นใหม่ เพราะเศรษฐกิจตอนนี้ก็ถือว่าแย่แล้ว

    ขณะนี้เริ่มมีนักลงทุนต่างชาติสอบถามเข้ามาเกี่ยวกับนโยบายของภาครัฐ เพราะเห็นว่าช่วงนี้นโยบายรัฐเปลี่ยนแปลงบ่อย ล่าสุดที่ประกาศ ให้พื้นที่มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษที่ยังไม่ชัดเจนเรื่องการจัดทำแผนรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และหากเปลี่ยนรัฐบาลอีกจะเปลี่ยนแปลงนโยบายอีกหรือไม่ ซึ่งควรแก้ไขให้เกิดเสถียรภาพ เพราะการไม่มีเสถียรภาพทำให้นักลงทุนไม่กล้าลงทุน และที่ยิ่งแย่คือผู้บริโภคในประเทศขาดความเชื่อมั่น ไม่กล้าจับจ่าย ทำให้เงินที่รัฐบาลอัดฉีดลงไป สูญเปล่า

    อย่างไรก็ตาม วันที่ 8 เม.ย. ภาค เอกชนจะหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในเวทีคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เพื่อที่จะดูมาตรการแก้ไขอุปสรรคต่อการลงทุนของเอกชน และประเมินมาตรการทางด้านเศรษฐกิจที่ผ่านมาร่วมกัน

    นายสันติ กล่าวว่า ยอดคำสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า (ออร์เดอร์) ช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ยังไม่ดีขึ้นจากไตรมาสแรก แต่คงจะไม่ลดมากกว่าเดิมที่ติดลบ 30-50% เพราะมองว่าปลายไตรมาส 2 ตั้งแต่เดือน พ.ค. เป็นต้นไป ยอดคำสั่งซื้อน่า จะกลับมา เนื่องจากขณะนี้เริ่มมีการต่อรองราคา เจรจาทางธุรกิจรอบใหม่กันบ้างแล้ว และหวังว่าปัญหาการเมืองจะไม่ซ้ำเติมภาคอุตสาหกรรมอีก

    นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ส.อ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้เป็นห่วงผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เนื่องจากวิกฤติการเงินสหรัฐ จะมีผลให้การปล่อยสินเชื่อสู่เอสเอ็มอียิ่งเข้มงวดมากขึ้น จากปัจจุบันสินเชื่อที่สนับสนุนเอสเอ็มอีค่อนข้างน้อย จึงต้องการให้รัฐบาลใหม่เข้ามาดูแลจุดนี้ก่อนที่จะทยอยปิดกิจการ

    เบื้องต้นยังไม่มีสมาชิกในกลุ่มแจ้ง ปัญหาขาดสภาพคล่องเข้ามาอย่างเป็นทางการ แต่ก็เริ่มมีการส่งสัญญาณเข้ามาเหมือนกันเช่น ลูกค้าขอยืดเวลาปิดบัญชีนานขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ต้องจับตาดู เพราะต้องพยายามประคองธุรกิจให้อยู่รอดนานที่สุดเท่าที่จะทนได้ ส่วนยอดออร์เดอร์ ยอมรับว่าปีนี้ลำบากกว่าช่วงปลายปีก่อน โดยออร์เดอร์ช่วงไตรมาส 2 ของอุตสาหกรรมอาหารยังมีเข้ามาแต่ไม่ไหลลื่นเหมือนเดิม

    นายปิลันธน์ ธรรมมงคล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ กล่าวว่า กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอเริ่มมีสัญญาณเรื่องสภาพคล่องบ้าง เพราะผู้ซื้อเริ่มขอเครดิตยาวขึ้น เนื่องจากมีปัญหาหมุนเงินสดไม่ทัน สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และเริ่มมีแนวโน้มที่ผู้ประกอบการจะเจอปัญหาขาดสภาพคล่องมากขึ้น โดยคาดว่ายอดส่งออกปี 52 ของอุตสาหกรรมสิ่งทอจะลดลง 5-10%.