ดีเอสไอ-ตร.น้ำ ตั้งทีมลุย ดำพิสูจน์ตู้-ศพวีรชน

ดีเอสไอ-ตร.น้ำ ตั้งทีมลุย ดำพิสูจน์ตู้-ศพวีรชน

ดีเอสไอ-ตร.น้ำ ตั้งทีมลุย ดำพิสูจน์ตู้-ศพวีรชน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มาร์ค สั่ง ให้พิสูจน์ตู้คอนเทนเนอร์ใต้ทะเลแสมสารแล้ว เทือก ก็สั่งให้นิติวิทยาศาสตร์ประสานกองทัพเรือเข้าไปพิสูจน์ให้ชัด ดีเอสไอยันไม่เปิดตู้สินค้าใต้ทะเลแน่นอน เพราะใต้ทะเลมีแรงกดอากาศสูง อีกทั้งกลัวเป็นขยะพิษ อาจกระทบสิ่งแวดล้อมใต้ทะเล ให้จนท.ดำน้ำลงไปเก็บเพรียง-ปะการังที่เกาะตู้มาตรวจสอบอายุก่อน ชี้ต้องตรวจสอบให้รู้ก่อนว่าภายในตู้เป็นอะไรถึงจะเปิดเพราะค่าใช้จ่ายสูง หลายสิบล้าน โดยจะส่งทีมสำรวจดำไปดู 18 พ.ค.นี้ เบื้องต้นสันนิษฐาน 3 ปม ศพเหยื่อพ.ค.ทมิฬ-แรงงานต่างด้าว-ขยะพิษ ด้านตำรวจน้ำก็ส่งทีมพิสูจน์เช่นกัน แต่เจอพิษพายุเลยต้องเลื่อนออกไปก่อน เผยกองทัพเรือเคยส่งเรือไปตรวจสอบเมื่อปี"42 แต่เป็นคนละจุดกับที่เป็นข่าว คราวนั้นก็ไม่พบตู้คอนเทนเนอร์ ระบุมีเครื่องมือที่สามารถตรวจสอบได้ละเอียด หากนายกฯ สั่งการมาก็พร้อมช่วยพิสูจน์

จากกรณีคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 2535 และสมาชิก ร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กู้ซากตู้คอนเทนเนอร์ใต้ทะเลที่แสมสาร สัตหีบ จ.ชลบุรี พิสูจน์ว่าภายในมีศพวีรชนที่สูญหายในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬหรือไม่ หลังมีนักประดาน้ำพบโครงกระดูกมนุษย์จำนวนมากซุกก้นอ่าว ขณะที่นายปราโมทย์ โถวสกุล กำนัน ต.แสมสาร เผยมีชาวประมงดำน้ำลงไปพบมีทั้งสิ้น 8 ตู้ วางเรียงราย 3 จุด เคยมีเรืออวนลากติดหัวกะโหลกตั้งแต่ปี 2536 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ ในทะเลอ่าวไทย บริเวณ ต.แสมสาร ตามที่คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 2535 ยื่นหนังสือขอให้ดำเนินการ เนื่องจากมีเบาะแสว่าพบโครงกระดูกจำนวนมาก ว่า ตอนนี้กำลังประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งขอข้อมูลคนที่มีความพร้อมที่จะลงไป ขณะนี้ได้ประสานด้วยวาจาลงไปแล้ว แต่คงจะต้องดูเนื่องจากมีเรื่องเก่าอยู่ กำลังให้มีการรวบรวมมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประสานกับทางกองทัพเรือด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีความจำเป็น เรื่องนี้มันมีเรื่องเก่าอยู่ ที่ตนทราบมา เนื่องจากมันเคยมีข้อสงสัยว่าจะเป็นเรื่องของกระบวนการค้ามนุษย์หรือเปล่า ด้วย เพราะฉะนั้นก็จะให้นำข้อมูลทั้งหมดมารวมกันก่อน แล้วจะให้คนที่มีความพร้อมในด้านการปฏิบัติไปตรวจสอบต่อไป เมื่อถามว่าการตรวจสอบจะให้ดำเนินการทันทีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะทำให้เร็ว

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ที่จมอยู่ก้นทะเลอ่าวแสมสาร ว่า ได้มอบหมาย พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผอ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ดีเอสไอ ตั้งชุดสืบสวนเพื่อลงพื้นที่อ.สัตหีบ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเกี่ยวกับตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว โดยมอบหมายให้สอบปากคำพยานบุคคลในพื้นที่ ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้พบเห็นกะโหลกศีรษะมนุษย์ถูกทิ้งไว้ก้นทะเล นอกจากนี้ ให้ประสานกับชุดประดาน้ำลงไปตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อสกัดเพรียงและปะการังที่เกาะอยู่กับตู้คอนเทนเนอร์ และนำมาตรวจสอบว่ามีอายุกี่ปี

พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังกำชับให้ตรวจหาเครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์บนตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อนำมาตรวจสอบถึงเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว ทั้งนี้ ข้อมูลทั้งหมดจากการสืบสวนจะนำมาประเมินอีกครั้งว่าตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว บรรจุวัตถุสิ่งของชนิดใดอยู่ภายใน อย่างไรก็ตาม จะไม่เปิดตู้คอนเทนเนอร์ขณะอยู่ใต้ทะเลซึ่งมีแรงกดอากาศสูง ที่สำคัญหากภายในตู้คอนเทนเนอร์เป็นขยะพิษ การเปิดตู้ใต้ทะเลจะส่งผลเสียหายต่อทรัพยากรทางทะเลอย่างประเมินค่าไม่ได้

พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวต่อว่า ดีเอสไอจะยังไม่กู้ตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นมาจากก้นอ่าว จนกว่าจะได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน และคุ้มค่าต่อการนำงบประมาณไปใช้ในการกู้ตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายที่มีวงเงินมหาศาล ดังนั้น ดีเอสไอจึงต้องการข้อมูลที่ชัดเจนและสมบูรณ์เพียงพอ ขณะนี้มีเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ภายในตู้คอนเทนเนอร์อาจมีศพแรงงานต่างด้าว ซึ่งเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ หรือผู้เสียชีวิตจากเหตุพฤษภาทมิฬตามที่กล่าวอ้างกันแบบปากต่อปาก หรืออาจจะเป็นขยะพิษที่ถูกลักลอบนำมาทิ้งลงสู่ก้นทะเล หรืออาจจะเป็นอุบัติเหตุจากการขนส่งสินค้าทางทะเลทำให้ตู้คอนเทนเนอร์ดัง กล่าวจมลงสู่ก้นอ่าว โดยบริษัทผู้ขนส่งสินค้าไม่ติดใจลงไปเก็บกู้ เพราะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผอ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กล่าวว่า ในวันที่ 18 พ.ค. จะส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ที่จมอยู่ก้นทะเลอ่าวแสมสาร โดยเบื้องต้นตนได้รับรายงานว่าพบตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวจำนวน 3 ตู้ แต่อยู่คนละจุด โดยแต่ละตู้อยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 10, 20 และ 30 ไมล์ทะเล ตามลำดับ ซึ่งพิกัดยังไม่แน่นอน ที่ผ่านมา พ.ต.อ.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ เคยลงไปตรวจสอบแล้ว แต่นักประดาน้ำไม่สามารถเข้าไปงมได้ เนื่องจากอยู่ในระดับที่ลึกมาก และอาจไม่คุ้มกับงบประมาณ เพราะอาจไม่พบกระดูกมนุษย์ตามที่เป็นข่าวได้ จึงไม่ได้ดำเนินการต่อ

ด้านพ.ต.อ.วีระศักดิ์ กล่าวว่า เคยได้รับร้องเรียนในปลายปี 2550 ว่า พบตู้คอนเทนเนอร์ 2 ตู้ จมอยู่ในทะเลแสมสาร ต่อมาในปี 2551 จึงได้นำทีมชุดนักประดาน้ำเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งบริเวณดังกล่าวลึกมาก และไม่พบความผิดปกติ แต่พบชิ้นส่วนกะโหลกมนุษย์ โครงกระดูก ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากอาจมีชาวประมงจมน้ำ ส่วนสาเหตุที่ยุติการตรวจค้นเพราะเห็นว่าหากทำต่อไปก็ต้องใช้งบประมาณมาก

วันเดียวกัน พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. กล่าวถึงการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ปริศนาที่อ่าวแสมสาร ว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. สั่งการบช.ก.และกองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) ดำเนินการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวแล้ว โดยช่วงเช้าวันนี้ชุดปฏิบัติการใต้น้ำจะลงไปตรวจสอบหาหลักฐานที่ปรากฏอยู่ ภายนอกตู้ เพื่อสืบหาเจ้าของและที่มาที่ไปของตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด แต่พล.ต.ต.มิสกวัน บัวรา ผบก.รน. รายงานเข้ามาว่าสภาพอากาศวันนี้ไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากมีพายุดีเปรสชันปกคลุมทั่วบริเวณท้องทะเลในจุดที่ตู้คอนเทนเนอร์จม อยู่ จึงจำเป็นต้องรอให้สภาพอากาศดีขึ้นกว่านี้เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่

พล.ต.ท.ไถง กล่าวต่อว่า สำหรับตู้คอนเทนเนอร์ปริศนาเท่าที่มีรายงานการตรวจพบทั้งหมดขณะนี้มีจำนวน 5 ตู้ จมอยู่ในทะเลแถบบริเวณช่องแสมสาร 3 จุด ระดับน้ำลึกไม่เกิน 25 เมตร โดยจุดแรกอยู่ด้านทิศตะวันออกของเกาะจานพบ 1 ตู้ จุดที่สองอยู่ห่างออกไปจากจุดแรก 3 ไมล์ทะเล ทางด้านทิศตะวันออกพบ 2 ตู้ ซึ่งทั้ง 2 ตู้อยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร ส่วนจุดที่สามอยู่ห่างออกไปทางใต้ของช่องแสมสาร 70 ไมล์ทะเล พบว่ามีอีก 2 ตู้ อย่างไรก็ตาม หากสามารถสืบหาเจ้าของและพิสูจน์ทราบได้ว่าภายในตู้มีสิ่งใดบรรจุอยู่และไม่ ใช่สิ่งผิดกฎหมายก็อาจไม่จำเป็นต้องกู้ และเคลื่อนย้ายขึ้นมาตรวจสอบอีก เพราะการดำเนินการดังกล่าวต้องใช้งบประมาณนับสิบล้านบาท

ด้านพ.ต.อ.พินิจ ศิริชัย ผกก.5 บก.รน. กล่าวว่า ได้จัดและประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์เพื่อเตรียมพิสูจน์ทราบตู้คอนเทนเนอร์ไว้พร้อมแล้ว แต่ฟ้าปิดทั่วอ.สัตหีบ จึงต้องระงับการเดินทางออกทะเลเพื่อไปตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์เอาไว้ก่อน โดยระหว่างนี้ผบช.ก.และผบก.รน.สั่งเร่งดำเนินการค้นหาร่างของครูและนักเรียน ดำน้ำที่สูญหายไปเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ก่อน เพราะอยู่ในวิสัยที่สามารถทำได้ หากท้องฟ้าเปิดเมื่อไหร่จะรายงานผู้บังคับบัญชาทราบและนำกำลังเดินทางไปตรวจ สอบตู้คอนเทนเนอร์ปริศนาทันที

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.มิสกวัน บัวรา ผกก.รน.ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ธนวัตถ์ พุ่มอยู่ สว.ตร.น้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี จัดเรือตำรวจน้ำ หมายเลข 632 รับเจ้าหน้าที่ชุดดำน้ำ และชุดปฏิบัติการพิเศษทางทะเลของกองบังคับการตำรวจน้ำ พร้อมอุปกรณ์ออกไปตรวจสอบพิกัดตู้คอนเทนเนอร์ในช่วงเช้าวันเดียวกัน พร้อมกับถ่ายภาพวิดีโอ ภาพนิ่ง มายืนยันให้หน่วยงานเกี่ยวข้องได้เห็นถึงรูปร่างของวัตถุใต้ทะเลที่ถูกระบุ ว่าเป็นตู้คอนเทนเนอร์บรรจุศพวีรชนพฤษภาทมิฬมาโยนทิ้งอำพรางคดีไว้ แต่ปรากฏว่ามีการยกเลิกภารกิจดังกล่าวในเวลาต่อมา

พ.ต.ท.ธนวัตถ์ พุ่มอยู่ สว.ตร.น้ำสัตหีบ เปิดเผยว่า ได้รับทราบจากผู้บังคับบัญชาว่าให้ยุติการเดินทางค้นหาตู้คอนเทนเนอร์ไว้ ก่อน เพราะขณะนี้มีภารกิจสำคัญในการช่วยค้นหาศพนายวิวัฒน์ ติระรณกรกุล ครูสอนดำน้ำ ที่สูญหายไปเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2552 จากการดำน้ำ ณ บริเวณเกาะโรงโขน โรงหนัง อ่าวแสมสาร อ.สัตหีบ ขณะนี้ยังไม่พบศพแต่อย่างใด และยังไม่มีกำหนดว่าจะออกเดินทางไปสำรวจเมื่อใด แต่คาดว่าคงเร็ววันนี้ถ้าภารกิจดำน้ำค้นหาศพเจอเร็ว คงได้ออกไปสำรวจตู้คอนเทนเนอร์ปริศนาอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านย่านท่าเรือช่องแสมสารต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องการพิสูจน์ตู้คอนเทนเนอร์กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าทำไมหน่วยงานภาครัฐจึงไม่กระตืนรือร้นที่จะพิสูจน์ เรื่องนี้ ทั้งที่สังคมกำลังให้ความสนใจอย่างมาก ขณะเดียวกัน บรรดาเรือประมงในทะเลได้มีการประสานกันว่า ให้เรือที่ออกหาปลาในทะเลสอดส่องดูแลพิกัดที่พบตู้คอนเทนเนอร์ให้มาก เพราะเกรงว่าอาจมีการลักลอบไปทำลายหลักฐานในเวลากลางคืน

เย็นวันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ในทะเลที่อ่าว แสมสาร ว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการตนแล้ว และตนจะให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไปดู ส่วนเขาจะทำด้วยวิธีการอย่างไร แล้วแต่เขาให้บอกมา ถ้าจะให้กองทัพเรือช่วยอะไร ก็ให้ทางกองทัพเรือช่วยสนับสนุนด้วย ซึ่งตนได้คุยกับผู้บัญชาการกองทัพเรือแล้ว และท่านก็ยินดี เวลานี้ยังสันนิษฐานอะไรไม่ได้ เพราะจะเลอะเทอะพูดกันไปใหญ่โต ส่วนที่ห่วงกันว่าจะโยงเป็นเรื่องการเมืองนั้น ตนไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องการเมืองได้อย่างไร อีกทั้งในช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ตนก็ยังไม่ได้เป็นรัฐบาล

แหล่งข่าวจากกองทัพเรือ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีสื่อได้นำเสนอเกี่ยวกับการพบตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกค้นพบบริเวณ ใต้ทะเลลึกที่ ต.แสมสาร กองทัพเรือให้หน่วยข่าวของกองทัพเรือภาคที่ 1 ซึ่งอยู่ในพื้นที่ได้ไปติดตามข้อมูลจากชาวบ้าน เพื่อทราบถึงข้อมูลที่พบตู้คอนเทนเนอร์ว่าอยู่จุดใด และตรวจสอบว่าข้อมูลที่สันนิษฐานเกี่ยวกับการพบซากกระดูกหรือหัวกะโหลกมนุษย์ตามที่ปรากฏข่าว แต่ปรากฏว่ายังไม่พบข้อเท็จจริงว่าเป็นศพหรือไม่ และทราบเพียงว่าเป็นการบอกกันมาปากต่อปาก อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือยังไม่มีหน้าที่ส่งกำลังเข้าไปตรวจสอบบริเวณใต้ทะเลลึก เพราะกรณีนี้ยังไม่มีเจ้าภาพในการร้องเรียนมาให้ตรวจสอบ จะมีเพียงส่วนของกรรมการญาติวีรชน 35 ที่ร้องเรียนไปที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ ยังไม่ได้สั่งการมาให้กองทัพเรือดำเนินการ ตามขั้นตอนน่าจะเป็นหน้าที่ของตำรวจ หรือดีเอสไอ ซึ่งอาจประสานมาให้ทางกองทัพเรือให้การจัดเรือ หรือกำลังพลลงไปหาข้อเท็จจริง โดยทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน

แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวว่า เมื่อปี พ.ศ.2542 กองทัพเรือได้รับแจ้งเบาะแสและพิกัดในการพบตู้คอนเทนเนอร์ในบริเวณ ต.แสมสาร มาแล้ว แต่เป็นคนละจุดกับที่เป็นข่าวในปัจจุบัน ซึ่งได้จัดส่งเรือลากทำลายทุ่นระเบิดไปสำรวจ 3 วัน และขยายบริเวณเป็นวงกว้างกว่าพิกัดที่รับแจ้ง แต่ไม่พบตู้คอนเทนเนอร์ ทั้งนี้ เรือดังกล่าวมีเครื่องมืออุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับวัตถุใต้ทะเลได้อย่าง ละเอียด แม้กระทั่งทุ่นระเบิดที่เล็กกว่าตู้คอนเทนเนอร์ยังตรวจพบ เพราะฉะนั้น หากทราบพิกัด ก็คงหาไม่ยาก

"ตอนนี้คงสันนิษฐานยาก เพราะเท่าที่ดูคือมีความพยายามโยงว่าเป็นศพจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งเท่าที่วิเคราะห์แบ่งได้เป็น 3 ประเด็น คือ 1. มีศพจริง แต่ก็น่าแปลกใจที่ทำไมต้องใช้ถึง 7 ตู้ เพราะเท่าที่ดูจากข่าว มีผู้สูญหาย 40 คน ถ้าใช้ตู้ที่ความยาว 20 ฟุต ก็น่าจะใช้แค่ตู้เดียว 2.อาจเป็นตู้ที่บรรจุสารพิษ ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีการส่งมาจากต่างประเทศมาที่ท่าเรือคลองเตย แต่ไม่มีคนไปรับ ตั้งไว้จนมีสารเคมีเยิ้มออกมา ซึ่งวิธีการทำลายที่มักง่ายที่สุดและเสียค่าใช้จ่ายน้อยก็เอาไปโยนทะล หรือ 3.อาจมีสองกรณีผสมกัน ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นไปได้หมด แต่ยังไม่มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงแต่อย่างใด ซึ่งกองทัพเรือไม่ได้นิ่งนอนใจ เห็นข่าวแล้วก็พยายามหาข้อเท็จจริงอยู่ เพียงแต่ไม่ใช่หน้าที่เราโดยตรง" แหล่งข่าวกล่าว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook