เมีย สมคิด ปัดผัวเมา! ท่าเดิน-เสียงพูดแบบนี้ตั้งแต่เกิด

เมีย สมคิด ปัดผัวเมา! ท่าเดิน-เสียงพูดแบบนี้ตั้งแต่เกิด

เมีย สมคิด ปัดผัวเมา! ท่าเดิน-เสียงพูดแบบนี้ตั้งแต่เกิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ส.ส.เพชรบุรีลั่นแค่เข้า"ไปห้าม" เปล่าเตะ-ขาลอยเพราะถูกดึง ถ้าหาเรื่องอีกจะจัดให้ เมีย"สมคิด"ปัดผัวเมา ยันเดินแบบนี้ตั้งแต่เกิด หลังเกิดเหตุวุ่นกลางที่ประชุมสภา ต้องห้ามกันอุตลุด พท.ซัดปชป.เลี้ยงนักเลงโต ปชป.สวนใครเริ่มก่อน

ส.ส.เพชรบุรีลั่นแค่เข้าไปห้าม แต่ถ้าหาเรื่องอีก ก็จะมีเรื่อง

นายอภิชาต สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ถึงกรณี ส.ส.พรรคฝ่ายค้านและรัฐบาลปะทะคารมจนหวิดวางมวยกัน กลางที่ประชุมรัฐสภา ผ่านทางช่อง 3 ว่า ตนนั่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุมาก ถ้านายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ไม่เดินเข้ามาในซีกฝ่ายรัฐบาล ก็จะไม่มีเรื่อง เพราะว่าการเดินเข้ามามีเจตนาหาเรื่อง นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ก็พูดว่า นายสมคิดเป็นถึงครูอาจารย์ จะทำอย่างนี้ได้อย่างไร แต่นายสมคิดดูเหมือนคนไม่มีสติ เพราะเดินส่ายไปส่ายมามายังซีกรัฐบาล ถ้าดูการแถลงข่าวของนายสมคิด ก็รู้ว่าครองสติไม่อยู่และพูดไม่รู้เรื่อง
นายอภิชาต กล่าวว่า เมื่อนายสมคิดเดินเข้ามา ตนก็มองตามไป จากนั้น นายสมคิดพูดว่า "กูไม่กลัวมึง แน่จริงมึงไปเจอกับกูหลังห้องประชุม" ตนจึงเดินอ้อมไปหาโดยหวังจะพานายสมคิดกลับไปยังที่นั่ง อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆ ของตนเข้าใจผิด จึงเข้ามาห้ามตน และตนไม่ชอบให้มาใครยึดตัวไว้ เลยพยายามสะบัดตัวออก ขณะที่นายสมคิดยังไม่หยุดด่า ขอยืนยันว่าไม่ได้ยกเท้าถีบ เพราะว่าอยู่ห่างกันเยอะ แต่ที่ดูเหมือนใกล้กันเป็นเพราะว่ามุมกล้อง ส่วนที่ขาลอยเพราะว่าถูกยึดตัวไว้จากหลายคน

"ถ้าผมมีนิสัยแบบนี้ คงมีเรื่องมาตั้งนานแล้ว เพระาผมเป็น ส.ส.มาตั้งแต่ปี 2544 ในสภาวะแบบนี้เราควรรีบทำงานให้ประชาชน ทุกคนตั้งใจทำงาน แต่อีกฝายหนึ่งพยายามขัดแข้งขัดขาการทำงานของรัฐบาลและนายกฯ ทั้งจากในสภาและนอกสภา เพื่อการดึงเกม ไม่นึกถึงพี่น้องประชาชน" นายอภิชาต กล่าว

เมื่อถามว่า นายกัมพล สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ พี่ชายของนายอภิชาต กวักมือเรียกและด่านายสมคิดก่อนจริงหรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า ความจริงแล้วนายกัมพลมองว่า นายสมคิดเป็นคนอาชีพครูด้วยกัน จึงบอกว่าทำตัวแบบนี้มันไม่ดี ต่อมาจึงมีการด่ากันไปมา ปกติแล้วนายกัมพลเป็นคนเงียบนิ่งเฉย ถ้าไม่เข้ามาหาเรื่อง ก็จะไม่มีเรื่อง

เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ส.ส.เพชรบุรี กล่าววว่า "ฝ่ายค้านมีประมาณ 4-5 ส. ที่พยายามป่วนสภาอยู่ตลอด ถ้าไม่หาเรื่องจะไม่มีเรื่อง แต่ถ้าเข้ามาเรื่อง ก็บอกได้เลยว่าจะมีเรื่อง เพราะเข้ามาหาเรื่อง ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์พยายามคุยกันว่า แม้ถูกต่อยยังต้องไหว้และอดทน แต่คนเราเป็นคนไม่ใช่พระอิฐพระปูน ก็ต้องมีการตอบโต้บ้าง ทุกคนบอกว่าได้กลิ่นแอกอฮอล์ แต่ผมไม่ได้กลิ่นเพราะอยู่ห่าง เสียดายแทนคนหนองคาย ถึงเวลาต้องคายหนอง"

เมีย"สมคิด"ปัดผัวเมา ยันท่าเดิน-เสียงพูดแบบนี้ตั้งแต่เกิด

นางทองมา บาลไธสง ภรรยานายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้เหตุวุ่นวายในสภา ผ่านช่อง 3 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่า นายสมคิดเดินอย่างครองสติไม่อยู่นั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะนายสมคิดไม่ได้กินเหล้าเลย และมีท่าทางการเดินและมีเสียงแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว คนหนองคายรู้กันดี ขอให้ไปดูกันเองว่า ใครกันแน่ที่ครองสติไม่อยู่ ขอให้ดูว่าทางประชาธิปัตย์ทั้งดิ้นและกระโจนเข้ามา ไม่ใช่มาห้ามตามที่กล่าว

"ปกติพี่สมคิดดื่มเหล้าบ้างเวลาสังสรรค์ แต่ปกติจะไม่ออกไปไหน จะนอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม การที่ประชาธิปัตย์พูดแบบนี้ ถือว่าเสียหาย ดิฉันเองก็เป็นคนรักษาศีล" นางทองมา กล่าว

"ชัย"หักพท.-ท้ายื่นศาลรธน.ตีความ

ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน และรัฐบาลปะทะคารมจนหวิดวางมวยกันกลางที่ประชุมรัฐสภา ระหว่างการพิจารณาข้อตกลงระหว่างประเทศ 4 ฉบับ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ประกอบด้วย 1.ร่างพิธีสารฉบับที่ 3 เพื่อแก้ไขสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2.กรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศตามแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศประจำปีงบประมาณ 2552 ภายใต้แผนการก่อหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2552 วงเงิน 600.43 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 19,814.19 ล้านบาท 3.ข้อเสนอผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการของไทยชุดที่ 7 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน 4.กรอบการเจรจาร่างพิธีสารว่าด้วยการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ผิดกฎหมาย ตามการเสนอของคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ทั้งนี้ ที่ประชุมรัฐสภาที่มีนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาเป็นประธานการประชุม เปิดให้สมาชิกอภิปรายรายฉบับ หลังจากรัฐมนตรีที่รับผิดชอบได้เสนอหลักการไปแล้วในวันก่อนหน้านี้ ก่อนเริ่มอภิปรายร่างพิธีสารฉบับที่ 3 ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) อาทิ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ ลุกขึ้นคัดค้านขอให้พิจารณาทีละฉบับ แทนที่การพิจารณาไปพร้อมกัน เนื่องจากมีรายละเอียดแตกต่างกัน และขอให้รัฐบาลถอนออกไปและเสนอเข้ามาใหม่ แต่นายชัยยืนยันว่าทำได้และพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง พร้อมทั้งท้าให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการดำเนินการดังกล่าว

สมคิดปรี่ใส่หวิดเจอลูกถีบประมวล

จากนั้น นายชัยสั่งนับองค์ประชุมก่อนเข้าสู่การพิจารณา ระหว่างรอการนับองค์ประชุม นายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พท. ลุกขึ้นขออนุญาตประธานเดินตรวจการเสียบบัตรลงคะแนนของสมาชิกรอบห้องประชุม โดยระบุว่าอาจมีการเสียบบัตรแทนกัน เพราะเท่าที่ดูเห็นว่าสมาชิกไม่น่าครบองค์ประชุม ทำให้นายชัยกล่าวว่า "เป็นถึงครูบาอาจารย์ ขอให้มีมารยาทหน่อย" นายสมคิดตอบโต้ว่า คนที่ไม่มีมารยาทคือพวกที่ชอบเสียบบัตรแทนกัน และเริ่มเดินตรวจ

ต่อมานายกัมพล สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นกวักมือเรียกนายสมคิดที่นั่งอยู่ในซีกของฝ่ายค้าน ให้ข้ามมาตรวจสอบการเสียบบัตร นายสมคิดเดินปรี่เข้าไปหาทันที ทั้งสองใช้คำพูดหยาบคายด่าตอบโต้กันไปมาลั่นห้องประชุม

ขณะเดียวกันนายอภิชาติ สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ที่นั่งอยู่ในใกล้กับนายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี ก็ลุกขึ้นปรี่เข้ามาเหวี่ยงหมัดและถีบนายสมคิดทันทีแต่ไม่โดน เนื่องจาก ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก ลุกขึ้นมาห้ามปรามและแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ขณะที่นายชัยพยามยามขอร้องให้ทุกคนอยู่ในความสงบและขอให้ทุกคนเสียบบัตรแสดงตนอีกครั้ง ช่วงนั้นนายสมคิดเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเองแล้วลุกขึ้นกวักมือเรียกนายประมวล โดยกล่าวว่า "มาเลย ผมไม่กลัว" ทำให้ประธานขอร้องให้ทุกฝ่ายยุติ โดยกล่าวว่า จะเรียกทั้งคู่มาหารือกันเพราะเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น

ร่างพิธีสารฉบับ3ต้องลงมติ2รอบ

เมื่อทั้งสองฝ่ายสงบสติอารมณ์ บรรยากาศตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายลง นายชัยแจ้งต่อที่ประชุมว่ามีผู้เสียบบัตรแสดงตน 311 คน ถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง ครบองค์ประชุมแล้ว จากนั้นให้ที่ประชุมลงมติร่างพิธีสารฉบับที่ 3 โดยมีผู้อยู่ในห้องประชุม 307 คน เห็นชอบ 287 ต่อ 0 งดออกเสียง 8 ไม่ลงคะแนน 12 เสียง ทำให้นายสุรพงษ์ประท้วงว่า องค์ประชุมไม่ครบ ประธานอย่ามั่วเนื่องจากมีผู้อยู่ในที่ประชุมแค่ 307 เสียงยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งที่ 311 คน ทำให้นายชัย สั่งพักประชุม 5 นาที

เมื่อเปิดประชุมอีกครั้ง ที่ประชุมยังถกเถียงเรื่ององค์ประชุม นายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้ลงมติใหม่ตามข้อบังคับการประชุมข้อ 77 ที่กำหนดว่า เสนอให้ลงมติใหม่ได้หากมีเสียงแตกต่างกันไม่เกิน 20 เสียง แต่ นพ.ชลน่านแย้งว่า ร่างพิธีสารฯตกไปแล้วเพราะการลงคะแนนสิ้นสุดแล้ว และกรณีนี้ไม่ใช่เสียงเห็นชอบและไม่เห็นชอบใกล้เคียงกัน แต่เป็นเรื่ององค์ประชุม อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ประชุมใช้เวลาถกเถียงกันนานกว่าสิบนาที พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี รองประธานสภาผู้แทนราษฎรจาก พท. อภิปรายว่า กรณีนี้ไม่ครบองค์ประชุม เท่ากับการลงมติเป็นโมฆะ ทางออกจึงไม่ใช่การนับองค์ประชุมใหม่ แต่ประธานสามารถสั่งให้มีการลงมติอีกครั้งหนึ่งเพราะถือว่าครั้งแรกไม่สมบูรณ์ ในที่สุดนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้มีการนับองค์ประชุมใหม่อีกครั้ง ผลปรากฏว่ามีสมาชิกอยู่ในห้องประชุม 328 คน จากนั้นมีการลงมติใหม่ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบ 302 ต่อ 0 งดออกเสียง 9 ไม่ลงคะแนน 15 เสียง ถือว่าร่างพิธีสารฯผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา อย่างไรก็ตาม นายสุนัยกล่าวว่า จะส่งร่างพิธีสารฯให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญต่อไป จากนั้นจึงเข้าสู่การอภิปรายกรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศตามแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศประจำปีงบประมาณ 2552 ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธาธารณะประจำปี 2552 ต่อไป

 

 

พท.แถลงโวยปชป.เลี้ยงนักเลงโต

ในช่วงเดียวกันนั้น นายสมคิด บาลไธสง นายสุนัย จุลพงศธร นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พท. ร่วมกันแถลงที่ห้องแถลงข่าวรัฐสภา นายสมคิดกล่าวว่า ภายหลังที่ประธานรัฐสภาอนุญาตให้เดินตรวจการเสียบบัตรลงมติ มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่ง กวักมือเรียก ก็นึกว่ามีอะไรจะพูดคุยหรือไม่จึงได้เดินเข้าไปหา แต่ใกล้จะไปถึงกลับบอกว่า "มึงมานี่" ตนก็จึงได้เดินเข้าไป เพราะไม่กลัวคำขู่ พอเข้าไปใกล้ ส.ส.คนดังกล่าวก็ได้ตะโกนด่าว่า "ไอ้สัตว์ กูอดทนกับมึงมานานแล้ว"จึงพูดสวนกลับไปว่า "กูนึกว่ามึงเป็นคน มึงเป็นสัตว์เหมือนกูเหรอ" จากนั้น ส.ส.คนดังกล่าวได้พยายามปรี่เข้ามาเพื่อจะชก แต่ ส.ส.ประชาธิปัตย์ดึงตัวไว้ โดยมีนายอภิชาต สุภาแพ่ง และนายประมวล เอมเปีย เข้ามาร่วมผสมโรงจะเอาเรื่องด้วย แต่ก็มีการห้ามปรามไว้จนเกิดเหตุชุลมุน

"ผมก็ยืนดูว่าจะมีสมาชิกจากพรรคประชาธิปัตย์เดินเข้ามาชกผมอีกหรือไม่ หากมีการชกจริงผมก็จะไม่ตอบโต้แต่จะยืนให้ชก ซึ่งจากพฤติกรรมของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์คนดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ผมไม่เคยใส่ใจ ครั้งก่อนเขาเคยด่าผมว่า ผมเข้าไปเห่าหอนในสภาตอนที่อภิปรายเหตุการณ์สลายม็อบช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ผมก็ไม่ใส่ใจ"นายสมคิดกล่าว

นายสุชาติกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สภาไทยคล้ายกับสภาเกาหลีและไต้หวันเข้าไปทุกวัน เพราะพรรคประชาธิปัตย์เอานักเลงโตมาไว้ในสภา และยังมีนักเลงยืนเบื้องหลังเหตุการณ์สลายม็อบด้วย

จี้ปธ.กำชับบิ๊กปชป.คุมลูกพรรค

นายสุนัยกล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นหากประธานรัฐสภาปฏิบัติตามระเบียบบังคับการประชุมรัฐสภา แต่เมื่อองค์ประชุมไม่ครบนายชัยกลับดำเนินการประชุมต่อ โดยอ้างว่ามีสมาชิกครบองค์ประชุม 311 เสียง แต่จากการลงมติลงคะแนนออกมีเพียง 307 เสียงเท่านั้น ดังนั้น เมื่อการเสียบบัตรนับองค์ประชุมใหม่ก็เป็นสิทธิของ ส.ส.ที่สามารถเดินตรวจสมาชิกในการลงคะแนนเพื่อป้องกันการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน เพราะเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว

"ขอให้ประธานสภากำชับไปยังผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้ปรามลูกพรรคของตัวเองให้ประพฤติตัวให้เหมาะสม ซึ่งการตรวจสอบองค์ประชุมด้วยการเดินตรวจสามารถทำได้ เพราะได้รับอนุญาตจากประธานสภาแล้ว พวกผมไม่คิดหวังว่าจะมีการลงโทษอย่างรุนแรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ควบคุมลูกพรรคของตัวเองให้ดี"นายสุนัยกล่าว

ปชป.แถลงโต้ได้กลิ่นเหล้าคลุ้ง

ขณะที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายกัมพล สุภาแพ่ง นายประมวล เอมเปีย นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี นายพุฒิพงษ์ สงวนวงศ์ชัย ส.ส.สัดส่วน ยกขบวนมาแถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน โดยนายกัมพลกล่าวว่า ไม่ได้เปิดฉากด่านายสมคิด บาลไธสง ก่อน แต่เห็นการเดินเข้ามาของนายสมคิดเหมือนเป็นการท้าทาย จึงกวักมือเรียกให้มาพูดคุยกันดีๆ แต่ปรากฏว่านายสมคิดกลับพูดท้าทายให้ไปเจอกันนอกห้อง นายสรวุฒิกล่าวเสริมว่า นายสมคิดกล่าวท้าทายเช่นนั้นจริงๆ โดยกล่าวว่า "มึงออกมาเจอกับกูข้างนอกดีกว่า" จากนั้นก็พูดด่าคนอื่นอีกหลายคำ และจากที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ได้กลิ่นเหล้าจากตัวนายสมคิดด้วย จึงอยากให้สื่อไปตรวจสอบว่านายสมคิดดื่มเหล้าก่อนมาประชุมหรือไม่

นายประมวลซึ่งปรี่เข้าไปหานายสมคิดกล่าวว่า ปกติไม่ใช่คนเกเร แต่พฤติกรรมของนายสมคิดเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้เป็น ส.ส.สมัยแรก แต่ก็ไม่อยากให้สภาไทยมีสิ่งที่แปดเปื้อน ที่เดินเข้าไปหานายสมคิดเพื่อไปรับคำท้าไปเจอกันนอกห้อง

อ้างทีวีถ่ายมุมสูง-ปัดง้างหมัด

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สถานีโทรทัศน์หลายช่องที่ส่งผู้สื่อข่าวและช่างภาพไปบันทึกการประชุม จับภาพได้ว่า นายอภิชาต สุภาแพ่ง ง้างหมัดขึ้นมาด้วยนั้น นายสรวุฒิกล่าวว่า "ผมเป็นคนที่เดินไปห้ามไม่ให้มีการปะทะกัน ยืนยันว่า จุดที่นายอภิชาตยืนอยู่ห่างจากนายสมคิดมาก ไม่มีทาง ที่นายอภิชาตจะง้างหมัดเพื่อกระโจนไปต่อยนายสมคิดได้ แต่โทรทัศน์ถ่ายภาพจากมุมสูง จึงอาจทำให้ดูเหมือนอยู่ใกล้กัน ทั้งที่จริงๆ แล้วทั้ง 2 คน ยืนกันคนละแถว"

"ผมอยากให้กลับไปทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ว่ามาจากการที่นายสมคิดเดินเข้ามาด้วยท่าทางเหมือนท้าทาย ทั้งที่หากต้องการตรวจสอบว่ามีการเสียบบัตรแทนกันหรือไม่ ก็สามารถดูจากที่นั่งที่อยู่ใกล้ๆ กันก็ได้ ผมไม่อยากให้เหตุเช่นเดียวกับที่อาจารย์สมเกียรติ (พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์และแกนนำพันธมิตร ถูกนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พท.กระโดดถีบ) เพราะภาพของสภาไทยวันนี้ ใกล้เคียงกับสภาไต้หวันไปทุกวันแล้ว"นายสรวุฒิกล่าว

ปชป.ยโสฯเฮ-ศาลยกใบเหลือง

ทางด้านศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งวันเดียวกัน ยกคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้จัดการเลือกตั้งใหม่หรือให้ใบเหลือง แทน น.ส.ณิรัฐกานต์ ศรีลาภ ส.ส.เขต 1 จ.ยโสธร พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากกระทำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 กรณีให้ตัวแทนหรือหัวคะแนนแจกเงินเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนน โดยศาลไต่สวนพยานหลักฐาน กกต. ผู้ร้อง และ น.ส.ณิรัฐกานต์ ผู้คัดค้านแล้ว เห็นว่าพยาน กกต.ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ให้การขัดแย้งกันเองในรายละเอียด ไม่น่าเชื่อถือ คำร้อง กกต.ไม่มีมูล จึงให้ยกคำร้อง

ส.ส.สกลฯพท.เจอแขวน5ปี

นอกจากนี้ในเวลา 15.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ยังศาลอ่านคำสั่งที่ กกต.ยื่นคำร้องขอให้มีสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) และเลือกตั้งใหม่ ส.ส.เขต 3 จ.สกลนคร แทนนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร อดีตพรรคพลังประชาชน ปัจจุบันสังกัดพรรค พท. เนื่องจากถูกร้องคัดค้านว่าปราศรัยหลอกลวง ใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จจริง ทำให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม

ศาลพิเคราะห์แล้วได้ความจากการไต่สวนพยาน กกต. ผู้ร้องแล้ว เชื่อว่านายพงษ์ศักดิ์ผู้คัดค้านกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 ม.53 (5) หลอกลวงใส่ร้ายให้เข้าใจผิดเรื่องคะแนนนิยม โดยนายพงษ์ศักดิ์ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2550 เวลา 19.00-21.00 น. โดยใช้ข้อความจูงใจประชาชนและใส่ร้ายพรรคเพื่อแผ่นดินให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเป็นพรรคไม่ดี ไม่สำนึกบุญคุณ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แล้วให้ประชาชนไปลงคะแนนให้กับพรรคพลังประชาชน ซึ่งมีผลทำให้เลือกตั้งเขตดังกล่าวไม่สุจริตเที่ยงธรรม

ส่วนข้ออ้างที่นายพงษ์ศักดิ์ ผู้คัดค้าน ระบุว่าเทปปราศรัยมีการตัดต่อนั้นไม่พบพิรุธ ข้อความมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกันดี ดังนั้น ศาลจึงมีคำสั่งให้ตัดสิทธิเลือกตั้งนายพงษ์ศักดิ์ ผู้คัดค้าน เป็นเวลา 5 ปี และให้เลือกตั้งใหม่ในเขตดังกล่าว ตามที่ กกต.ยื่นคำร้อง

ภายหลังฟังคำสั่งแล้ว นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า น้อมรับคำพิพากษา ทำใจมาตั้งแต่ช่วงแรกแล้วว่าจะต้องโดนตัดสิทธิ อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งใหม่เตรียมจะส่งภรรยาลงสมัครแทน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook