หนุ่มประจวบสุดงง! ขับรถกลับมาจากกินข้าว จู่ๆไฟลุกท่วมคัน โชคดีหนีตายออกมาได้ทัน

หนุ่มประจวบสุดงง! ขับรถกลับมาจากกินข้าว จู่ๆไฟลุกท่วมคัน โชคดีหนีตายออกมาได้ทัน

หนุ่มประจวบสุดงง! ขับรถกลับมาจากกินข้าว จู่ๆไฟลุกท่วมคัน โชคดีหนีตายออกมาได้ทัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มประจวบสุดงง ขับรถกลับจากกินข้าวกับภรรยา จู่ๆ ไฟไหม้รถ โชคดีหนีตายออกมาได้ทัน

วันที่ 7 ตุลาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ต.อุฤทธิ์ ขรรค์แก้ว สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้รถยนต์กระบะที่บริเวณถนนเกาะหลัก ด้านข้างวัดเกาะหลัก พระอารามหลวง ในเขตเทศบาลเมือง อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์

จึงรีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย นายกิตติกรณ์ เทพอยู่อำนวย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์

โดยที่เกิดเหตุพบเป็นซอยข้างวัด โดยพบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ ตอนครึ่ง สีบรอนซ์ ทะเบียน บท4014 ประจวบคีรีขันธ์ เปลวไฟกำลังลุกไหม้ท่วมห้องเครื่องและลามเข้ามาภายในห้องโดยสารของรถไปเกือบครึ่งคัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้ฉีดน้ำดับเพลิงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

สอบถามนายวินัย หรือบังเล็ก อายุ 59 ปี เล่าให้ฟังว่า ตนและภรรยาเดินทางไปรับประทานอาหารเย็นที่ตำบลอ่าวน้อย และกำลังขับรถคันเกิดเหตุกลับบ้านที่ตำบลเกาะหลัก เหลืออีกเพียง 5 กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านแล้ว

แต่เมื่อขับรถมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นถนนแคบข้างวัดเกาะหลัก อยู่ดีๆ แตรรถก็ส่งเสียงดังขึ้นมาเอง และเป็นสัญญาณเสียงดังยาวต่อเนื่อง โดยที่ตนไม่ได้กดปุ่มแตรเลย ด้วยความตกใจจึงชะลอรถจากนั้นได้เกิดมีควันฟุ้งกระจายออกจากฝากระโปรงรถตรงห้องเครื่อง

ตนจึงจอดรถทันทีและบอกให้ภรรยารีบออกจากรถ ก่อนที่จะเริ่มมีประกายไฟปะทุออกมา และไฟได้ลุกไหม้ จากนั้นได้มีพลเมืองดีที่อยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุเห็นเหตุการณ์เข้า จึงได้ช่วยนำถังดับเพลิงมาฉีดพ่นควบคุมเพลิงแต่ไม่สามารถระงับเหตุได้

ไฟได้ลุกลามขึ้นจนสะเก็ดไฟออกนอกรถ ล้อรถหน้าด้านซ้ายและขวาระเบิด ไฟลุกท่วมห้องเครื่องทั้งหมด และลามเข้ามายังภายในตัวรถเกือบครึ่งคัน โชคดีที่ตนและภรรยาหนีออกจากตัวรถได้ทันก่อนไฟไหม้

ก่อนที่รถดับเพลิงของเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ จะมาถึงและช่วยดับเพลิงได้ก่อนที่จะไหม้ลามทั้งคัน เบื้องต้นคาดว่าค่าเสียหายในครั้งนี้ ประมาณ 3 แสนบาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้ตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุไฟไหม้ครั้งนี้ต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook