ญี่ปุ่น พบผู้ติดหวัด 2009 เพิ่มเป็น 130 คน
ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 130 คนแล้วหวั่นจะมากกว่านี้อีก สธ. สั่งเพิ่มคุมข้มผู้เดินทางมาจาก "ญี่ปุ่น" หลังพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ไป ตปท. เชียงใหม่เตรียมซ้อมแผนใหญ่รับมือ
(18พ.ค.) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขญี่ปุ่นแจ้งวันนี้ว่า มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 34 คนทำให้จำนวนทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 130 คนแล้ว หลังจากเพิ่งมีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันเพียง 4 คนเมื่อวันศุกร์ และสื่อท้องถิ่นคาดว่าจำนวนจะยังเพิ่มสูงขึ้นอีก ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดเฮียวโกะ และจังหวัดโอซาก้า และทางการยืนยันเมื่อวันเสาร์พบผู้ป่วยรายแรกที่ติดเชื้อจากภายในประเทศโดยไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศที่เมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโกะ ขณะนี้รัฐบาลได้สั่งปิดโรงเรียนเกือบทั้งหมดในพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อในสองจังหวัดดังกล่าวแล้ว และธนาคารโตเกียว มิตซูบิชิ ยูเอฟจี ได้ให้พนักงานส่วนใหญ่ที่ประจำสาขาในจังหวัดเฮียวโกะทำงานจากบ้านหลังมีพนักงานคนหนึ่งติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
นายกรัฐมนตรีทาโร อาโซ เรียกร้องว่า เราต้องระมัดระวังและให้การรักษาอย่างรวดเร็วเพื่อให้ผู้ป่วยหายเป็นปกติ และรัฐบาลจะรับมือกับสถานการณ์การระบาดอย่างสุขุมและเหมาะสม แต่ยังไม่จำเป็นต้องห้ามจัดกิจกรรมต่างๆที่มีการรวมตัวของผู้คนจำนวนมาก
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกหรือ ดับเบิลยูเอชโอ แสดงความวิตกว่าญี่ปุ่นจะกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากเม็กซิโก สหรัฐ และแคนาดา ขณะที่เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นยังไม่ทราบว่าผู้ป่วย 4 รายแรกซึ่งติดเชื้อจากการเดินทางไปแคนาดา จะมีความเกี่ยวพันกับผู้ติดเชื้อรายอื่นๆที่เพิ่มมากขึ้นหรือไม่
จนถึงขณะนี้เอพีสรุปว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009 ในทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 76 คนได้แก่ เม็กซิโก 68 คน สหรัฐ 6 คน แคนาดา 1 คนและคอสตาริกา 1 คน และองค์การอนามัยโลกแจ้งว่ามีตัวเลขผู้ติดเชื้อ 8,480 คนใน 39 ประเทศ ซึ่งยังไม่รวมชิลีที่เพิ่งพบผู้ติดเชื้อ 2 รายแรก
สธ.สั่งเพิ่มคุมข้มผู้เดินทางมาจาก"ญี่ปุ่น "
ที่กระทรวงสาธารณสุข - เมื่อเวลา 11.00 น. นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ว่า จากกรณีที่ประเทศญี่ปุ่นพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 3 ราย โดยเป็นนักเรียนญี่ปุ่นซึ่งได้รับการแพร่กระจายเชื้อทั้งที่ไม่ได้เดินทางไปยังต่างประเทศนั้น ขณะนี้ยังต้องรอผลจากองค์การอนามัยโลกว่าจะมีการประกาศยกระดับการแพร่ระบาดจากระดับ 5 เป็นระดับ 6 หรือไม่ ซึ่งระหว่างนี้ทางองค์การอนามัยโลกได้มีการจัดประชุมสมัชชาอนามัยโลกคาดว่าน่าจะมีการหารือในเรื่องนี้ด้วย อย่างไรก็ตามยอมรับว่าหลายประเทศต่างวิตกการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เนื่องจากมีประเทศที่มีผู้ติดเชื่อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นพ.สุพรรณ กล่าวว่า ในส่วนประเทศไทยคงต้องเพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรค รวมทั้งการติดตามผู้ที่เข้าข่ายสงสัย โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งต้องยอมรับว่าหลายสายการบินที่เดินทางมาประเทศไทย มีการจอดแวะพักและเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น โดยในระหว่างจุดพักเปลี่ยนนี้อาจมีการแพร่ระบาดของเชื้อได้ จำเป็นที่ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น
"การที่พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในประเทศญี่ปุ่น ทั้งๆ ที่ไม่ได้เดินทางไปนอกประเทศนั้น ในเรื่องนี้ยังคองต้องติดตามศึกษาว่าเชื้อเกิดการกลายพันธุ์หรือไม่ ซึ่งไทยคงต้องเพิ่มความเข้มงวดผู้ที่เดินทางมาจากญี่ปุ่น อาจต้องมีการสกรีนคัดกรองโรคและติดตามเป็นพิเศษ ส่วนจะเพิ่มประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ต้องทำการเฝ้าระวังเป็นพิเศษจากเดิม 5 ประเทศ คือ สหรัฐฯ เม็กซิโก อังกฤษ สเปน และแคนนาดาหรือไม่นั้น คงต้องรอดูหลังจากนี้ต่อไป " นพ.สุพรรณ กล่าว
ทั้งนี้นอกจากศูนย์ปฏิบัติการฯ ที่เป็นศูนย์กลางในการควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่แล้ว ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขยังได้สั่งการให้สาธารณสุขทุกจังหวัด (สสจ.) เป็นศูนย์กลางควบคุมโรคและติดตามเฝ้าระวังการแพร่กระจายโรคในจังหวัดดังกล่าว ซึ่งหากมีผู้ที่เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่นรายใดกลับมาก็จะให้มีการติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดด้วย นอกจากนี้กระทรวงสาธารสุขยังได้เปิดระบบทีวีออนไลน์ในการตอบข้อซักถามจาก สสจ. และโรงพยาบาลทั่วประเทศในประเด็นที่สงสัย ซึ่งทุกแห่งจะได้รับฟังการชี้แจง
นพ.สุพรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับสถาการณ์การเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของประเทศไทย เมื่อวานนี้(17 พ.ค.) มีจำนวนผู้เข้าข่ายเฝ้าระวัง 10 ราย แต่จากการประชุมเมื่อเช้านี้ (18 พ.ค.) เหลือเพียง 8 ราย ที่ยังรอผลจากห้องปฏิบัติการอยู่ ในจำนวนนี้มีชาวฝรั่งเศสรวมอยู่ด้วย ส่วน 2 ราย ส่วน 2 รายนั้นได้ตัดออกจากระบบเฝ้าระวังแล้ว ผลแลปไม่พบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
เชียงใหม่เตรียมซ้อมแผนใหญ่รับมือ
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 18 พ.ค.ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารอำนวยการ ศาลากลาง จ.เชียงใหม่ นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานประชุมศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกัน และควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ จ.เชียงใหม่ ปี 2552 ครั้งที่ 1 โดยมี ดร.ทพ.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจ.เชียงใหม่ นายประจญ ปรัชญสกุล ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจ.เชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ดร.ทพ.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ในวันที่ 21 พ.ค.นี้ ที่โรงแรมศิรินาถการ์เด้นส์ จังหวัดเชียงใหม่ จะจัดการซ้อมใหญ่กำหนดสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในระดับต่างๆ ตั้งแต่ระดับที่ 1 พบผู้ป่วยในประเทศไทย ระดับที่ 2 มีผู้ป่วยในจ.เชียงใหม่บางจุด ระดับนี้จะเริ่มให้หน่วยงานทหารเข้ามาช่วยเหลือ ระดับที่ 3 พบผู้ป่วยในจ.เชียงใหม่หลายจุด และระดับที่ 4 เกิดการแพร่ระบาดในจ.เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่สามารถควบคุมได้
สำหรับการซ้อมแผนรับมือการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ครั้งนี้ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจหน่วยงานต่างๆในการรับมือกับสถานการณ์ในระดับต่างๆ เนื่องจากในสัปดาห์นี้จะมีการแข่งขันกีฬายกน้ำหนัก"อีแกทยุวชนชิงแชมป์แห่งโลก ครั้งที่ 1"ที่สนามกีฬาเชียงใหม่ 700 ปี
ดร.ทพ.สุรสิงห์ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่สัปดาห์นี้ทุกวันศุกร์จะมีการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการฯ ประเมินสถานการณ์ทุกวันเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดหากพบผู้ติดเชื้อจะมีเวลาป้องกันเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น จึงต้องเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์อยู่อย่างต่อเนื่อง
ส่วนช่วงเย็นวันนี้ (18 พ.ค.) นักกีฬายกน้ำหนักจากประเทศเม็กซิโกจะเดินทางมาถึงจ.เชียงใหม่ คงไม่เจาะจงเฉพาะแต่จะมองภาพรวมทั้งทวีปที่พบการแพร่ระบาด แต่ประเทศที่มีการระบาดจะดูแลเป็นพิเศษ
"เครื่องเทอร์โมสแกนซึ่งติดตั้งที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่อาจช่วยได้ไม่มาก การตรวจผู้โดยสารในช่วงที่ผ่านมากว่า 3 - 4 พันคน มีเพียง 10 รายที่เครื่องตรวจพบมีอาการไข้ แต่เมื่อนำมาตรวจสอบซ้ำในห้องปฎิบัติการไม่พบเชื้อ ส่วนใหญ่คนมักป่วยหลังจากพ้นสนามบินไปแล้วจึงต้องเฝ้าระวังและติดตามอยู่ต่อเนื่อง"ดร.ทพ.สุรสิงห์กล่าว
นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมและเฝ้าระวัง เพราะเกรงว่าเมื่อพบผู้ติดเชื้อจะได้รับมือทันเนื่องจากเชื้อโรคดังกล่าวเป็นที่รับรู้ว่าแพร่ระบาดทางอากาศและการสัมผัสกัน
พ.ท.สุปกรณ์ เรือนสติ ฝ่ายกิจการพลเรือน มทบ.33 ค่ายการวิละ กล่าวว่า มทบ. 33 ค่ายกาวิละ ที่ขึ้นตรงกับกองทัพภาคที่ 3 ได้รับการประสานจากจ.เชียงใหม่ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอกำลังเสริมในกรณีพบการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ โดยได้นำเรียนกับผู้บังคับบัญชาของ มทบ.33 แล้ว ทหารพร้อมสนับสนุนกำลังพลภายใน ครึ่งชั่วโมง โดยได้จัดเตรียมทหารไว้ 7 กองร้อย รวมกว่า 700 คน
จุฬาฯมั่นใจไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ยังไม่กลายพันธุ์
ศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (ศวภอ.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดเสวนาพบปะสื่อมวลชน ครั้งที่ 2 หัวข้อโรคอุบัติใหม่ ณ ห้องประชุมคณะที่ปรึกษารัฐมนตรี อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ โดย ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า จากการประเมินพบคนไข้ 1 รายสามารถกระจายโรคสู่คนด้วยกันอีก 1-5 คน ส่วนโอกาสการกลายพันธุ์ของไวรัส "ไม่ต่าง" จากไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
"ยอดผู้ป่วยที่แน่นอนขณะนี้ไม่สามารถบอกได้ แต่คาดว่าจะแพร่ไปแล้ว 40 ประเทศ การระบาดของโรคแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เพราะผู้ป่วยพาหะจำนวนมากอาการไม่รุนแรง และสามารถแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้ อาการที่ไม่ปรากฏชัดนี้ ถ้าไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัย ก็จะไม่ทราบว่าเป็นโรคดังกล่าว เพราะอาการก็เหมือนกับโรคทางเดินหายใจทั่วไป"ศ.นพ.ยง กล่าว
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นโรคที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ โดยการเกิดลูกผสมระหว่างไข้หวัดในหมู คน และนก เกิดเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ขึ้น จากการใช้นาฬิกาโมเลกุลวิเคราะห์ย้อนไป ยังพบอีกว่าโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่น่าจะใช้เวลาพัฒนาการตัวเองมากกว่า 20 ปี ไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นภายใน 2-3 วันอย่างแน่นอน
ส่วนยาต้านไข้หวัดใหญ่ "ทามิฟูล" อยู่ในสถานะต้านเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ 2009 ได้ดี ประชาชนไม่ควรวิตกกังวลเกินเหตุ เพราะโรคไข้หวัดดังกล่าวในภาพรวมแล้วไม่แตกต่างจากโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ทั้งความรุนแรงของโรคมีอัตราการตายอยู่ที่ประมาณ 0.1% และจะเป็นในผู้ที่มีโรคพื้นฐานอยู่ก่อน เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด เรื้อรัง หรือเด็กเล็ก ส่วนผู้ที่สุขภาพแข็งแรงจะมีอาการน้อยเมื่อเกิดการติดเชื้อ
"ข้อจำกัดของการผลิตวัคซีนต้านไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ คือ ไทยมีกำลังผลิตน้อย หากองค์การอนามัยโลกอนุมัติให้มีการผลิตวัคซีนต้านไวรัสเอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ปีหน้าประเทศไทยอาจขาดแคลนวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล"ศ.นพ.ยง กล่าวและว่า ปัจจุบันประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลปีละ 500 โดส หากได้รับอนุมัติให้ผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 จะต้องลดสัดส่วนการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล