รุ่นพี่กรีดคัตเตอร์ใส่รุ่นน้อง ไหว้ขอโทษรับผิด แม้ไม่เอาความแต่เป็นคดีอาญา

รุ่นพี่กรีดคัตเตอร์ใส่รุ่นน้อง ไหว้ขอโทษรับผิด แม้ไม่เอาความแต่เป็นคดีอาญา

รุ่นพี่กรีดคัตเตอร์ใส่รุ่นน้อง ไหว้ขอโทษรับผิด แม้ไม่เอาความแต่เป็นคดีอาญา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รุ่นพี่ได้ไหว้ขอโทษผู้ปกครองรุ่นน้อง กรณีใช้คัตเตอร์ทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส สารภาพเพราะขาดสติ ทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจเอาความกัน แต่ตำรวจชี้ชัดเป็นคดีอาญา พร้อมแจ้งข้อหา

ความคืบหน้ากรณีรุ่นพี่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้ใช้มีดคัตเตอร์กรีดทำร้ายกลุ่มรุ่นน้องสถาบันเดียวกัน ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมทั้งตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วย ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (22 ก.พ.) นักศึกษารุ่นพี่และรุ่นน้องต่างคณะที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับ พ.ต.อ. ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ โดยมีผู้ปกครองของทั้ง 2 ฝ่ายเข้าร่วมรับฟังด้วย

โดยนักศึกษารุ่นพี่ที่เป็นผู้ก่อเหตุ ได้กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สาเหตุที่ทำลงไปเพราะขาดสติ เนื่องจากมึนเมาสุรา ส่วนมีดคัตเตอร์ที่ใช้เป็นอาวุธนั้น เป็นมีดที่พกไว้สำหรับทำงานเท่านั้น พร้อมกล่าวขอโทษผู้ปกครองและรุ่นน้องที่ถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

เช่นเดียวกับมารดาของนักศึกษารุ่นพี่ที่ก่อเหตุ ได้ยกมือกราบไหว้ขอโทษผู้ปกครองของรุ่นน้องที่ถูกทำร้ายร่างกายในครั้งนี้

>> รุ่นพี่สู้ไม่ไหว ชักมีดคัตเตอร์กรีดรุ่นน้องไส้ทะลัก เจ็บระนาว 5 คน

ขณะที่ฝ่ายรุ่นน้องที่ถูกทำร้ายร่างกาย ก็ไม่ติดใจเอาความอะไร เนื่องจากเป็นนักศึกษาร่วมสถาบันเดียวกัน ส่วนผู้ปกครองก็ไม่ติดใจเอาความแล้วเช่นเดียวกัน เพราะเห็นแก่อนาคตของนักศึกษารุ่นพี่ด้วย โดยก่อนหน้านี้ทางสถาบันก็เรียกทั้งสองฝ่ายไปไกล่เกลี่ยและเจรจาเรื่องค่ารักษาพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ทราบว่ามีผู้อยู่ในเหตุการณ์ไม่ต่ำกว่า 10 คน แต่มีผู้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทมีประมาณ 5 คน เบื้องต้นนักศึกษารุ่นพี่ที่ก่อเหตุเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเพียง 2 คน ส่วนที่เหลือเจ้าหน้าที่จะติดตามตัวมาดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกครั้ง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้รุ่นน้องและผู้ปกครองที่ถูกทำร้ายร่างกายจะไม่ติดใจเอาความ แต่กรณีนี้เป็นคดีอาญาที่ไม่สามารถยอมความได้ เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส จากนั้นพนักงานสอบสวนจะนำตัวไปทำประวัติและพิมพ์ลายนิ้วมือ ก่อนสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อศาล ส่วนกรณีทะเลาะวิวาทจะสอบปากคำคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายเพิ่มเติมอีกครั้ง เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป

ทั้งนี้ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ ได้ฝากเตือนถึงผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ส่วนเยาวชนที่ศึกษาในสถาบันการศึกษาเดียวกัน ควรมีความรักความสามัคคี เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่นำไปสู่การก่อเหตุทะเลาะวิวาท ซึ่งอาจถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันจนอาจจะเกิดความสูญเสียขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook