เลือกตั้ง 2562: หน้าตัก 2 ขั้วตั้งรัฐบาลไม่นิ่ง ต้องจับตามีงูเห่ามาช่วยหรือไม่

เลือกตั้ง 2562: หน้าตัก 2 ขั้วตั้งรัฐบาลไม่นิ่ง ต้องจับตามีงูเห่ามาช่วยหรือไม่

เลือกตั้ง 2562: หน้าตัก 2 ขั้วตั้งรัฐบาลไม่นิ่ง ต้องจับตามีงูเห่ามาช่วยหรือไม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การเลือกตั้งผ่านมาแล้ว 1 เดือน แต่จำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรคยังไม่ลงตัว เพราะสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อยังไม่เคลียร์ การจับขั้วตั้งรัฐบาลก็ยังไม่สะเด็ดน้ำ เพราะตัวเลขไม่นิ่งทำให้การต่อรองต่างๆ จึงยังไร้ข้อสรุป

ก่อนหน้านี้ เราได้เห็นการแถลงจับขั้วของฝ่ายที่นำโดยพรรคเพื่อไทยไปแล้ว และในขณะนี้มีการระบุว่าจะมี 255 เสียง อันประกอบด้วย 137 เสียงของตนเอง, 88 ที่นั่งจากอนาคตใหม่, 11 เสียงของเสรีรวมไทย, 7 ที่นั่งจากประชาชาติ, 5 เสียงจากเพื่อชาติ, 1 ที่นั่งของพลังปวงชนไทย และอีก 6 เสียงของเศรษฐกิจใหม่ ที่ไม่ได้ไปร่วมปรากฏตัวในงาน แต่เป็นการคำนวณตัวเลขกันเอง

ทว่าในเวลาต่อมา มีอีก 1 สูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ คะแนนเสียงไม่ได้เป็นไปตามนี้ คะแนนหายไปส่วนหนึ่งจนไม่ได้เป็นเสียงข้างมากแล้ว และจากสูตรดังกล่าวนี้เองก็เป็นที่มาของการให้คะแนนเสียงกับพรรคเล็กๆ จำนวนมากที่มีพรรคการเมืองได้ที่นั่งในสภามากถึง 27 พรรค แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจน กกต.ไม่กล้ายืนยันสูตรที่ว่านี้ มีการเชิญ กรธ. มาชี้แจง ก็ฟันธงไม่ได้ สุดท้ายต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญช่วยตีความ ซึ่งต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า ตัวเลขฝ่ายไหนจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบจากสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ชัดเจน

แต่หากดูจากรายละเอียดคำร้อง ทำให้พอมองออกว่าสูตรการคำนวณจะเป็นแบบที่พรรคเล็กได้ที่นั่ง ซึ่งสอดรับกับที่มีรายงานข่าวของฝ่ายพลังประชารัฐว่ามีการเจรจากันกับหลายพรรคแล้ว ทำให้มีตัวเลขประมาณ 259 ที่นั่งแล้วเช่นกัน อันประกอบด้วย พลังประชารัฐ 116 เสียง ภูมิใจไทย 51 ที่นั่ง ชาติไทยพัฒนา 10 คน รวมพลังประชาชาติไทย 5 คน ชาติพัฒนา 3 เสียง พลังท้องถิ่นไท 3 ที่นั่ง รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 ที่นั่ง และพรรคเล็กที่ได้อานิสงส์พรรคละ 1 เสียงอีก 12 พรรค ประกอบกับกล่อมเศรษฐกิจใหม่ย้ายขั้วมาอีก 6 เสียง รวมๆ แล้วก็จะได้ประมาณ 202 เสียง ส่วนประชาธิปัตย์ อีก 52 เสียงเป็นตัวแปรสำคัญ เพราะเบื้องต้นระบุมี 35 เสียงแล้วที่พร้อมร่วมงานกับพลังประชารัฐ ส่วนที่เหลือยังไม่ชัดเจน หากมาไม่ครบมาแค่งูเห่าก็จะไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสภาแต่หากมายกพรรค เสียงก็จะทะลุเป็น 254 เป็นเสียงข้างมากเลยทีเดียว เพียงแต่จะปริ่มน้ำ เสถียรภาพไม่ค่อยมั่นคงนักเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม จากสมการที่ 2 ฝ่ายนำมาบลัฟกันอยู่ในขณะนี้ จะเห็นได้ว่าพลังประชารัฐได้เปรียบค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะมีเศรษฐกิจใหม่ร่วมด้วยหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่ายังมีพลัง ส.ว. 250 เสียงมาช่วยด้วย การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ต่อไปคงไร้ปัญหา ที่เหลือแค่การบริหารจัดการ เอาใจคนโน้น ตอบแทนคนนี้ เพื่อจัดสรรเก้าอี้ให้เกิดความลงตัว สร้างความมั่นคงให้กับรัฐบาลเท่านั้น โดยตัวแปรที่สำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้น “ประชาธิปัตย์” ว่าจะไปแบบเต็มตัว ร่วมหัวจมท้ายพลังประชารัฐ หรือจะไปแบบ “งูเห่า” ตีกิน 2 ทาง ทั้งร่วมรัฐบาล และรักษาฐานเสียง 3.9 ล้านคะแนน ที่ไม่เอาทั้ง “บิ๊กตู่” และเพื่อไทย เป็นฝ่ายค้านอิสระในสภา

จะว่าไปแล้ว เกมนี้ พลังประชารัฐ ได้เปรียบมาแต่ต้น ส่วนความได้เปรียบนั้นจะสามารถเดินให้สุดทางได้แค่ไหน ก็ต้องวัดใจ กกต.ด้วยอีกทาง หาก กกต. กลัวติดคุกขึ้นมา สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อเปลี่ยน ตัวเลขก็อาจจะพลิกกลับให้อีกฝั่งได้เปรียบอีกรอบในสภาผู้แทนราษฎรก็ได้ ดังนั้น นับจากวันนี้ไปจนถึงวันที่ 9 พ.ค.ที่จะมีประกาศรับรอง ส.ส. คงต้องลุ้นกันว่า กกต.จะเดินอย่างไร เพราะหน้าตักเวลานี้ 2 ฝ่ายยังสูสี อาจพลิกได้อีกหลายตลบหรืออาจไม่ลงตัวเอาเสียเลย ก็จะลากยาวจนไปเข้าทางบางฝ่ายที่เสนอแนวคิดรัฐบาลแห่งชาติรอไว้แล้วก็เป็นได้!!!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook