รุ่นน้องแฉพฤติกรรมเพิ่มพี่รับโหด!เอา น้ำมันมวย ราดเจ้าโลก

รุ่นน้องแฉพฤติกรรมเพิ่มพี่รับโหด!เอา น้ำมันมวย ราดเจ้าโลก

รุ่นน้องแฉพฤติกรรมเพิ่มพี่รับโหด!เอา น้ำมันมวย ราดเจ้าโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช้ำหนัก อุเทนถวาย สถาบันดัง รุ่นน้องออกทีวีแฉพฤติกรรมรุ่นพี่สุดเถื่อนสอนวิธีแทงคู่อริบนรถเมล์ ผวาส่งปืนบรรจุกระสุนให้รุ่นน้องเลือกยิงเพื่อน ไม่พอใจจับแก้ผ้าเอาน้ำมันมวยราดอวัยวะเพศ เผยร้องเพลงไม่ได้ถูกซ้อมนับ 10 นาทีเผยรุ่นพี่ยอมรับ สั่งรุ่นน้อง กินพริก-กระดาษจริง ผู้บริหารสั่งระงับกิจกรรมรับน้องทั้งหมด ยอม รับท้อใจ เหนื่อย แก้ปัญหารับน้องโหด รับปากไม่สามารถดูแลปัญหาได้ก็ต้องถึงจุดจบ มั่นใจ 12 มิ.ย. ได้ข้อสรุปเอาผิดรุ่นพี่ ด้าน จุรินทร์ สั่งตั้งกรรมการสอบสวนให้ได้ข้อสรุปภายใน 2 วัน หากพบผู้บริหารมีเอี่ยวสั่งลงโทษทันที

จากกรณี น.ส.ขาว (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ที่เคยได้รับรางวัลนักเรียนดีเด่นอันดับ 1 ระดับภาค ในสาขาศิลปกรรม เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี จ.ปทุมธานี กรณีถูกรุ่นพี่มหาวิทยาลัยรับน้องโหด ด้วยการบังคับให้กินกระดาษที่มีหมึกปากกาเขียนอยู่เต็มแผ่น โดยฉีกแบ่งกันกินและให้อมจนหมึกละลายและกลืนลงไปห้ามคายออก รวมทั้งกินพริกขี้หนูสด พร้อมทั้งสั่งให้รุ่นน้องพกอาวุธมาเรียนหนังสือ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. นายสืบพงษ์ ม่วงชู รักษาการรองอธิการบดีฝ่ายบริหารงาน มทร.ตะวันออก นายสมพงษ์ ชีไธสง คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ และสถาปัตยกรรมศาสตร์ รวมทั้งคณาจารย์ ได้ร่วมประชุมกับนักศึกษารุ่นปัจจุบันและศิษย์เก่า ประมาณ 150 คน เพื่อหา ทางแก้ไขปัญหาการรับน้องรุนแรงที่กำลังเป็นข่าว

โดยนายสมพงษ์ กล่าวว่า จากการหารือเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าทางมหาวิทยาลัยจะสั่งระงับการจัดกิจกรรม รับน้องทั้งหมด และดูว่าจะจัดกิจกรรมอะไรมาช่วยประสานความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องต่อไป และจากที่ตนได้เชิญ รุ่นพี่มาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งรุ่นพี่ยอมรับว่ามีการรับน้องจริง แต่ไม่ได้รับรุนแรงอย่างที่เป็นข่าว โดยรุ่นพี่ชี้แจงถึงเรื่องรุ่นน้องที่งบอกว่าให้กินพริกจนหมดถ้วยว่า รุ่นพี่ให้น้องกินพริกจริง แต่ไม่ได้ให้กินหมดถ้วย และรุ่นพี่ยังบอกว่าถ้าให้กินหมดถ้วยจริง น้องต้องแย่แน่ถ้าเป็นผู้หญิงคงทนไม่ได้ และเมื่อถามถึงการกินกระดาษที่เขียนด้วยปากกาหมึกนั้น รุ่นพี่ไม่อยากที่จะตอบ ตนก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร แต่ ได้ยินรุ่นพี่บางคนบอกว่าให้รุ่นน้องกินกระดาษจริง แต่ในกระดาษเขียนด้วยดินสอ และไม่ได้บังคับให้รุ่นน้องกินทุกคน อย่างไรก็ตาม ตนจะต้องเรียกรุ่นพี่คนอื่น ๆ มาสอบต่อไป คาดว่าภายในวันที่ 12 มิ.ย. น่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมด รวมถึงมาตรการในการลงโทษรุ่นพี่

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า กรณีที่มีข่าวว่านักศึกษาชั้นปีที่ 1 ได้ขอลาออกถึง 20 คนนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือลาออกแต่อย่างใด จะมีเพียงผู้ปกครองของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาอื่นที่ไม่ใช่สาขากับนักศึกษาที่ไปร้องเรียน 2 รายมาขอลาออก โดยให้เหตุผลว่าได้ข่าวรับน้องและ เกรงว่าลูกจะไม่ปลอดภัย จึงมาขอลาออก ซึ่งทาง มหาวิทยาลัยจะต้องชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้ปกครองรับทราบอีกครั้ง และถ้าผู้ปกครองยังยืนยันที่จะให้ลูกลาออกทางมหาวิทยาลัยจะต้องอนุมัติ เพราะเป็นสิทธิของผู้ปกครอง

"จากเหตุการณ์รับน้องที่เกิดขึ้นมาตลอด ผมไม่ทราบว่าจะต้องแก้ปัญหาอย่างไร และเชื่อว่าอาจารย์ทุกคนก็เหนื่อยกับเรื่องนี้ และยอมรับว่าผมรู้สึกท้อกับปัญหานี้มาตั้งแต่วันแรกที่มารับตำแหน่งคณบดีคณะ วิศวกรรมฯ แล้ว ส่วนกระทรวงศึกษา ธิการจะให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยรับผิดชอบในเหตุ การณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจาก ศธ.ได้เน้นย้ำตลอดว่าการรับน้องปีนี้ จะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นนั้น คิดว่าหากทางปฏิบัติไม่สามารถดูแลเรื่องรับน้องได้ ทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยคงต้องถึงจุดจบ แต่อยากจะบอกว่าผู้บริหารอุเทนถวายที่มารับหน้าที่ดูแลก็มีความหนักใจมากกับ เรื่องที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว" นายสมพงษ์ กล่าว

ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว. ศึกษาธิการ (ศธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงมี ผศ.ดร.สรรค์ วรอินทร์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เป็นประธาน โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 1-2 วัน ทั้งนี้หากพบว่ามีผู้บริหารหรือ นักศึกษาเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการลงโทษ ทางวินัยอย่างจริงจัง เนื่องจาก เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 52 ที่ผ่านมาตนได้ออกประกาศเป็นระเบียบ ว่าด้วยการกิจกรรมรับน้องอย่างสร้างสรรค์ไปแล้ว ทั้งนี้ตนต้องขอชื่นชมนักศึกษาคนดังกล่าวที่ได้ออกมาร้องเรียนพฤติกรรมการ รับน้องโหด ซึ่งจะได้เป็น ตัวอย่างของสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ต่อไป ดังนั้นอยากฝากไปถึงนักศึกษาน้องใหม่ทุกคนว่า หากทางสถาบันมีการจัดกิจกรรมรับน้องที่ไม่เหมาะสมและเห็นว่าเป็นการรับน้อง ที่เกินกว่าเหตุก็ร้อง เรียนมายังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้ทันที

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ผู้ปกครองต้องการให้ยกเลิกการจัดกิจกรรมรับน้องนั้น ตนเห็นว่า กิจกรรมรับน้องยังเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สร้างสรรค์ และยังเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันยังส่งผลให้น้องใหม่ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ด้วย และบางมหาวิทยาลัยก็ยังมีการจัดกิจกรรมรับน้องที่สร้างสรรค์อยู่ มีเพียงไม่กี่สถาบันเท่านั้นที่จัดกิจกรรมไม่อยู่ในกรอบกติกาที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้วางไว้ ดังนั้นหากมหาวิทยาลัยใดมีการจัดกิจกรรมรับน้องนอก สถานที่ก็ขอให้มีอาจารย์เข้าไปควบคุมในการจัดกิจกรรมด้วยทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รับน้องที่รุนแรง

ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรม การการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นผู้บริหารและอาจารย์จะต้องดูแลอย่างเข้มงวด ซึ่งตนเชื่อว่ายังมีอาจารย์ดี ๆ อยู่ในสถาบันแห่งนี้ จึงอยากให้นักศึกษากลับมาเรียนเหมือนเดิม หรือหากนักศึกษาบางคนไม่ต้องการที่จะเรียนที่เดิมแล้ว ทาง สกอ.จะประสานหาที่เรียนใหม่ให้ ส่วนกรณีที่รุ่นน้องกังวลว่าจะถูกข่มขู่จากรุ่นพี่ไม่ให้บอกข้อเท็จริงกับ คณะกรรมการนั้น ตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นปลีกย่อย และเชื่อว่าศักยภาพของคณะกรรมการจะสืบหาข้อมูลที่แท้จริงได้อย่างแน่นอน

นายกมล สุวุฒโฑ อธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (สบศ.) กล่าวว่า สบศ.พร้อมที่จะรับโอนนักศึกษา แต่จะต้องดูว่า จะมีคณะหรือสาขาวิชารองรับหรือไม่ เนื่องจากตนทราบ ว่า เด็กที่ประสงค์จะโอนย้ายเป็นเด็กที่เรียนสถาปัตยกรรม ซึ่ง สบศ.ไม่มีสาขาดังกล่าว อาจจะต้องไปเรียนในสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น การออกแบบภายใน เป็นต้น ส่วนการรับโอนอาจจะต้องทำเป็นกรณีพิเศษ ไม่ต้องมีการทดสอบทางวิชาการ เพราะเด็กได้ผ่านการคัดเลือกผ่านระบบแอดมิช ชั่นแล้ว แต่เด็กต้องมาเขียนคำร้อง ใบสมัคร และให้คณะกรรมการสอบสัมภาษณ์ เป็นขั้นตอน จากนั้นจึงมาเรียนกับทาง สบศ.ได้ ทั้งนี้ทาง สบศ. สามารถรับโอนเด็กจากอุเทนถวายได้ไม่เกิน 10 คน หากมากกว่านี้อาจจะต้องพิจารณาอีกครั้ง

เย็นวันเดียวกัน นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดังได้โทรศัพท์สัมภาษณ์านักศึกษาคนหนึ่งที่ระบุว่าชื่อ "เอ" ออกรายการ "สรยุทธ เจาะข่าวเด่น" ทางไทยทีวีสีช่อง 3 โดยนักศึกษาคนดังกล่าว อ้างว่า อยู่ในกลุ่มนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ และสถาปัตยกรรมศาสตร์ ตลอดระยะเวลา 1 อาทิตย์ที่ผ่านมาถูกรุ่นพี่รับน้องโหดมาก ยกตัวอย่างการให้รุ่นน้องที่เป็นผู้ชายอมลูกอมจากนั้นจะส่งต่อให้เพื่อนแบบ ปากต่อปาก หากคนไหนไม่ทำตามรุ่นพี่ก็จะเข้ามาถามก่อนจะพาตัวไปในที่ลับตาคนบังคับให้ รุ่นน้องแก้ผ้าเปิดอวัยวะเพศให้รุ่นพี่ดู ส่วนตนเคยถูกรุ่นพี่ซ้อม ทั้งเตะ ต่อย ภายในโรงอาหารประมาณ 10 นาที เนื่องจากร้องเพลง โดยที่ตนไม่สามารถจะป้องกันตัวได้นอกจากยืนก้มหน้ามองเท้าตัวเองอย่างเดียว

"รุ่นพี่ยังได้บรรจุลูกกระสุนปืนเข้าไปในรังเพลิง จากนั้นยื่นให้เพื่อนตนคนหนึ่ง แล้วบอกว่าจะยิงใครก็ได้กลุ่มเพื่อน 1 คน แต่เพื่อนคนดังกล่าวได้หักปากกระบอกปืนจ่อยิงหัวตัวเอง แต่กระสุนไม่ออกซึ่งไม่รู้ว่ารุ่นพี่แอบเอาลูกออกตอนไหน นอกจากนี้ยังสอนวิธีการทำร้ายคู่อริ เช่น เมื่อเดินขึ้นรถเมล์ให้ส่ายสายตามองหาคู่อริจากนั้นจึงเดินเข้าไปเช็กหากพบ ว่าฝ่ายตรงข้ามยึกยักก็ให้แทงได้เลย ถ้ารุ่นพี่ดึงไปกินเหล้าก็ต้องไปเมื่อไปแล้วรุ่นพี่ไม่พอใจก็จะจับแก้ผ้าเอา น้ำมันมวยราดอวัยวะเพศ" นายเอ กล่าวอ้างและว่า ยืนยันว่าจะไม่กลับไปเรียนและเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงอีก ถึงแม้จะมีความภาคภูมิใจที่สามารถสอบเข้าสถาบันที่ตนอยากเรียนแห่งนี้ได้ ตนยืนยันว่าจะไม่กลับไปเรียนอีก มันไม่ใช่การรับน้อง มันยิ่งกว่าในคุก

ด้านผู้ปกครองรายหนึ่ง กล่าวในรายการเดียวกันว่า ตนได้พาลูกชายไปลาออกจากสถาบัน แห่งนี้แล้ว และจะไม่ให้กลับเข้าไปเรียนอีกมันเป็นนรก ไม่ใช่โรงเรียน

ส่วนที่มูลนิธิ ปวีณา หงสกุล อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นายสืบพงษ์ ม่วงชู รักษาการรองอธิการบดีฝ่ายบริหารงาน มทร.ตะวันออก เปิดเผยหลังเข้าพบ นางปวีณา หงสกุล และ น.ส. ขาว นักศึกษาที่ออกมาร้องเรียนว่าถูกรุ่นพี่รับน้องโหด ว่า ปกติแล้วทางสถาบันมีการห้ามรับน้องแบบผิดปกติอยู่แล้ว ซึ่งหมายถึงว่าการรับน้องที่อาจจะทำให้เกิดการกระทบกระเทือนทั้งร่างกายและ จิตใจเราห้ามเด็ดขาด แต่ถ้าว่าเป็นการรับแบบเรียบร้อย เช่นการกินเลี้ยงกัน ร้องเพลงกัน หรือทำกิจกรรมในทางสร้างสรรค์ไม่ได้ห้ามและยังส่งเสริมด้วย หากพบว่ามีนักศึกษาทำอะไรในลักษณะรุนแรง จะมีโทษเบาที่สุดคือพักการเรียน ถ้าหนักกว่านั้นคือให้ออก

ด้าน น.ส.ขาว เปิดเผยหลังจากชี้รูปภาพของนักศึกษารุ่นพี่ที่ร่วมกันก่อเหตุ ว่า ตนเพียงแค่ชี้รูปของผู้ที่ร่วมเหตุการณ์ แต่ไม่ได้ชี้รูปคนสั่งการ เนื่องจากสงสารกลัวจะเสียอนาคต และไม่คิดจะกลับไปเรียนอีก ถึงจะมีการรับผิดชอบในเรื่องความปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะเดียวกันได้มีผู้ปกครองนักศึกษาของอุเทนถวาย ทยอยเดินทางมาร้องทุกข์ต่อมูลนิธิปวีณาฯอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่แจ้งว่าบุตรหลานของตนเองต่างถูกกระทำ ในลักษณะเดียวกัน และหลายรายไม่ประสงค์จะให้บุตรหลานเรียนต่อจึงเดินทางมาปรึกษาและให้ข้อมูล กับทางมูลนิธิ

นายอัครเดช ผาสุก อายุ 40 ปี กล่าวว่า ตนเองมีบุตรสาวเรียนอยู่ที่อุเทนถวาย เมื่อ ทราบว่าลูกสาวสอบเข้าเรียนได้ที่อุเทนถวาย ก็ไม่อยากให้มาเรียน เพราะมีข่าวการรับน้องที่รุนแรง แต่เมื่อเห็นบุตรสาวแสดงความดีใจและอยากเรียนตนจึงไม่ว่าอะไร และคิดว่าเรื่องต่าง ๆ ที่ผ่านมานั้นคงไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว แต่เมื่อลูกสาว ไปเรียนได้เพียง 3 วัน ก็มาบอกตนว่า รับไม่ไหวกับการที่ถูกรุ่นพี่รับน้องแบบทารุณ จึงได้ย้ายบุตรสาวไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งอื่น

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook