ตำรวจบุกช่วย "หนุ่มลาว" ร้องสถานทูตให้ช่วย โดนคนไทยกักตัวแลกกับกัญชา

ตำรวจบุกช่วย "หนุ่มลาว" ร้องสถานทูตให้ช่วย โดนคนไทยกักตัวแลกกับกัญชา

ตำรวจบุกช่วย "หนุ่มลาว" ร้องสถานทูตให้ช่วย โดนคนไทยกักตัวแลกกับกัญชา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้การพัทลุงกับตำรวจ ปปส. ภาค 9 บุกช่วยหนุ่มชาวลาว หลังญาติร้องผ่านสถานทูต โดยกักตัวไว้เรียกค่าคุ้มครองกัญชาอัดแท่ง 500 กิโลกรัม เพื่อแลกกับอิสรภาพ

พล.ต.ต.ธรัฐชา ถมปัทถ์ ผบก.ภจว.พัทลุง พร้อด้วย พ.ต.ท.วิรัตน์ จีนเมือง หน.ชุดชปส. ภจว.พัทลุง เจ้าหน้าที่ตำรวจพัทลุง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปราบปรามยาเสพติด ภาค 9 และเจ้าหน้าที่ทหารกว่า 50 นาย บุกเข้าช่วยเหลือ ท้าวไมน้อย อายุ 30 ปี หนุ่มสัญชาติลาว หลังได้รับแจ้งว่าหนุ่มลาว คนดังกล่าวถูก กักตัวที่อยู่ที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง ของ นายณรงค์เดช อายุ 50 ปี

ทันทีที่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ท้าวไมน้อยได้วิ่งเข้าไปขอความช่วยเหลือในสภาพที่ตกใจหวาดกลัว พร้อมเล่ากับเจ้าหน้าที่ว่า ตนถูกชายเจ้าของบ้านพร้อมพวกรวม 3 คน ใช้อาวุธปืนข่มขู่และทำร้ายร่างกาย กักขังบริเวณไม่ให้ไปไหน จนกว่าตนจะสั่งซื้อกัญชาอัดแท่งจำนวน 500 กิโลกรัม มาจาก สปป.ลาวให้ ถึงจะยอมปล่อยตัว

โดยจากการเข้าช่วยเหลือหนุ่มลาวดังกล่าวดังกล่าว สืบเนื่องมาจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการประสานจากสถานทูตลาว ผ่าน สนง.ปปส. ว่ามีหนุ่มลาวถูกคนไทยกักขังหน่วงเหนี่ยวเพื่อแลกค่าปล่อยตัวเป็นกัญชาจำนวน 500 กิโลกรัม ในพื้นที่ ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง

หลังเข้าช่วยเหลือ ท้าวไมน้อย ได้เล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า ได้รับการติดต่อกับกลุ่มชาวไทยผ่านจากเฟซบุ๊ก เมื่อ 6 เดือนก่อน โดยการมีการพูดคุยกับเรื่องธุรกิจค้าข้าวและอาหารทะเล โดยมีการพูดคุยกันทำให้หลงเชื่อว่า ชายไทยทำธุรกิจเกี่ยวกับข้าวและอาหารทะเลจริง จึงได้เดินทางขอมาดูกิจการ

จนกระทั่งในวันที่ 30 เมษายน 2562 ท้าวไมน้อยได้เดินทางมาถึง และมีรถยนต์ไปรับที่สถานีขนส่ง จ.สงขลา และกลุ่มคนไทยทั้ง 3 คน ก็พาไปดูสถานบริการที่บอกว่าพวกเขาเป็นเจ้ากิจการในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ก่อนจะพามาอยู่ที่บ้านในพื้นที่ ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง

ชายทั้ง 3 คนได้เจรจาว่า ธุรกิจของพวกเขาในประเทศมาเลเซียมีปัญหา อยากให้ช่วยหากัญชามาให้จำนวน 500 กิโลกรัม โดยในระยะเวลาที่อยู่ที่บ้านของกลุ่มชายไทยนั้น ท้าวไมน้อยบอกว่าถูกกักตัวและทำร้ายร่างกายสารพัด พร้อมถูกบังคับห้ามแจ้งตำรวจเด็ดขาด อีกทั้งมีคนเฝ้ายามไว้ตลอด

แต่ทั้งนี้ กลุ่มชายไทยก็ยอมให้ใช้โทรศัพท์เพื่อติดต่อหาญาติ เพราะหวังว่าจะให้ติดต่อเพื่อสั่งกัญชาให้ แต่หนุ่มชาวลาวใช้วิธีประวิงเวลาและหลอกล่อว่าจะสั่งกัญชาให้แล้ว และกำลังดำเนินการส่งมา เพื่อรอให้ญาติประสานงานกับทางสถานทูตที่ สปป.ลาว และให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือดังกล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายณรงค์เดช อายุ 50 ปี เจ้าของบ้าน พร้อมพวกอีก 2 ประกอบด้วย นายกรชวัต อายุ 35 ปี และ นายศราวุธ อายุ 33 ปี พร้อมอาวุธปืนยาวเดียวไรเฟิล ขนาด .22 และอาวุธปืนยาวเดี่ยว รวม 3 กระบอก อาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม จำนวน 1 กระบอกซองบรรจุกระสุนปืน พร้อมเครื่องกระสุน อีกเกือบ 100 นัด โทรศัพท์มือถือจำนวน 6 เครื่อง

ทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว เพื่อให้เสื่อมสิทธิเสรีภาพโดยมีและใช้อาวุธปืนข่มขู่ กักขังหน่วงเหนี่ยวบุคคลอื่นซึ่งให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ พร้อมไม่ยอมให้การใดๆ ในชั้นสอบสวน ระบุจะให้การในชั้นศาล

ส่วนจากการตรวจสอบเบื้องต้นปืนทั้งหมดมีใบอนุญาตครอบครองทุกกระบอก แต่เจ้าหน้าที่ได้รับการยืนยันว่าอาวุธปืนดังกล่าวได้ใช้ในกระทำการข่มขู่หนุ่มชาวลาว จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เพื่อเป็นของกลาง และจะทำการตรวจสอบเทียบเคียงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ว่าเคยใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่

ขณะที่ ท้าวไมน้อย ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งสอบปากคำในฐานะผู้เสียหาย พร้อมให้ประสานญาติที่ สปป.ลาว ก่อนจะดำเนินการพากลับประเทศต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook